17.06 น. ศาลสั่งห้ามฉายหนัง Fast And Furious 7

17.06 น. ศาลสั่งห้ามฉายหนัง Fast And Furious 7 หลังเสี่ยเจียง ฟ้อง จา พนม ละเมิด
17.06 น. ศาลเเพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามฉายภาพยนตร์ Fast And Furious 7 หลัง เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ยื่นฟ้อง จา พนม ฐานละเมิดผิดสัญญา ศาลนัด 15 เมษายน 2558
ที่มา
http://shortnews.kapook.com/120545

จริงหรือเท็จครับเนี่ย
สตั๊นเจ็ดวิเลยครับ
แหล่งข่าวยังหาจากที่อื่นไม่เจอครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 88
คอหนังเศร้าศาลแพ่งสั่งห้ามฉาย"ฟาสต์ 7"ในไทย

วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2558 เวลา 18.55 น.

เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ หรือ เสี่ยเจียง ผู้ก่อตั้งบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ ประธานสหมงคลกรุ๊ป ผู้ประกอบธุรกิจภาพยนตร์ มอบอำนาจให้ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพนม หรือทัชชกร ยีรัมย์ หรือ จา พนม อายุ 38 ปี พระเอกนักบู๊ชื่อดังจากภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง และองค์บาก , บริษัทยูนิเวอร์แซลพิคเจอร์ส ซึ่งเป็นบริษัท อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Fast and Furious 7 (ฟาสต์ แอนด์ ฟิวเรียส ภาค 7) และบริษัท ยูไนเต็ดอินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด หรือยูไอพี ประเทศไทย เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่องละเมิด ผิดสัญญา โดยเรียกค่าเสียหายจำนวน 1,600 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากกรณีที่ "จา พนม" ได้กระทำผิดสัญญาการแสดงกับบริษัท สหมงคลฟิล์มฯ ที่จะสิ้นสุดสัญญาในปี 2566 หรือเหลือสัญญาอีก 8 ปี พร้อมได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามไม่ให้มีการฉายภาพยนตร์เรื่อง Fast and Furious 7 ที่ "จา พนม" ได้ร่วมแสดงและมีกำหนดฉายในประเทศไทยในวันที่ 1 เม.ย.นี้ ทั้งนี้หลังจากที่ศาลได้ดำเนินการไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์ 2 ปาก คือ นายอรรถพล เตชะรัตนประเสริฐ บุตรชาย นายสมศักดิ์ และ นายธีรพล กาญจนากาศ ที่ปรึกษากฎหมายของ นายสมศักดิ์ เข้าเบิกความจนแล้วเสร็จเมื่อเวลา 17.00 น. โดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีร่วมฟังการไต่สวน

ภายหลัง นายสุวัตร ทนายความบริษัทสหมงคลฟิลม์ฯ โจทก์ เปิดเผยว่า หลังจากมีการไต่สวนแล้วศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโจทก์ โดยมีคำสั่งให้ระงับการฉายภาพยนตร์ Fast and Furious 7 ในประเทศไทยไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น โดยเหตุที่ต้องนำมาฟ้องต่อศาลแพ่งในวันนี้และขอคุ้มครองชั่วคราวนั้น เนื่องจากทราบว่าหนังเรื่องดังกล่าวจะเข้าฉายในรอบสื่อมวลชนในวันที่ 31 มี.ค. และเตรียมฉายรอบจริงในวันที่ 1 เม.ย. ซึ่งการนำภาพยนตร์ที่ "จา พนม" แสดงแต่ยังติดสัญญากับบริษัท สหมงคลฟิล์ม มาฉายนั้น ถือเป็นการละเมิดสัญญา จึงได้เรียกค่าเสียหายจำนวน 1,600 ล้านบาท โดย "จา พนม" ได้เซ็นสัญญากับสหมงคลฟิล์มไว้เดือน ก.ค. 2556 และจะหมดสัญญาในปี 2566 ซึ่งค่าเสียหายที่เราเรียกไปก็คำนวณมาจากการซื้อตัว "จา พนม" มาจากบริษัทอื่น รวมถึงการปลุกปั้นโปรโมทภาพยนตร์ต่างๆกระทั่งมีชื่อเสียง ทั้งนี้สำหรับการพิจารณาคดีหลักเรื่องการผิดสัญญา ศาลก็ได้นัดชี้สองสถานเพื่อกำหนดวันสืบพยาน และประเด็นนำสืบในวันที่ 15 มิ.ย. เมื่อถามว่าในเมื่อศาลมีคำสั่งระงับการฉายหนังจะมีผลกระทบต่อโรงภาพยนตร์ และฝ่ายจำเลยที่เตรียมจะฉายหนังหรือไม่ นายสุวัตร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการเจรจากัน หากบริษัทหรือโรงภาพยนตร์ต่างๆได้รับผลกระทบก็สามารถยื่นคัดค้านหรือเข้ามาเจรจากันกับเราได้ ซึ่งแล้วแต่บริษัทหรือโรงภาพยนตร์โดยเราพร้อมจะคุยหลังจากนี้หากทั้งหมดเข้ามาเจรจาและถ้าตกลงกันได้เราก็สามารถที่จะถอนฟ้องได้ตามขั้นตอน..

ที่มา : http://m.dailynews.co.th/News.do?contentId=310310&p=1

-----------------

ดูที่ขีดเส้นใต้ดีๆ นะครับ

..เรื่องนี้ต้องมีการเจรจากัน หากบริษัทหรือโรงภาพยนตร์ต่างๆได้รับผลกระทบก็สามารถยื่นคัดค้านหรือเข้ามาเจรจากันกับเราได้ ซึ่งแล้วแต่บริษัทหรือโรงภาพยนตร์โดยเราพร้อมจะคุยหลังจากนี้หากทั้งหมดเข้ามาเจรจาและถ้าตกลงกันได้เราก็สามารถที่จะถอนฟ้องได้ตามขั้นตอน..

แหม่..นี่มันเหมือนกับการจับคนดูเป็นตัวประกัน เพื่อบีบให้ค่ายหนัง+โรงหนังอื่นๆ ต้องมาไถ่ชัดๆ

หุ หุ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 69
เท่าที่จำได้คร่าวๆๆๆ
จา โกรธที่ บอกปัดหนังที่ฮอลีวูดสนใจจา จะให้ไปแสดงหนังต่างประเทศ พอหมดสัญญา
ตามความเข้าใจ ปุ๊ป เลยไป ติดต่อ ฮอลีวูดเอง
ส่วนเสี่ยมาเหนือเมฆ รู้ว่ากะลังดัง สามารถปั๊มเงินได้เลย เกี่ยวไว้ไม่ปล่อย พอจะหมดสัญญา
เลยส่งสัญญา ว่าด้วยการต่อสัญญาแบบอัตโนมัติ ไปที่บ้านเก่าจ่า(สุรินทร์)  ที่พ่อกะน้อง และเขยดูดเลือด
แต่จาอยู่บ้านไหม่แล้ว(ระยอง)ไม่รู้เรื่อง(กะแฟน และ กะลังมีปัญหากะพ่อด้วย)
จา จึง ถือว่าสัญญา หมดแล้ว  จึงติดต่อ ฮอลีวูดเอง
พอมี ข่าวจา ได้แสดงหนังฮอลีวูด เสี่ยเจียงก็เริ่มออกลาย ฟ้องร้อง แถม น่าจะ ไปยุพ่อจาด้วย
ให้เรียกลูกกลับมา ทำงานทาสต่อ  
แต่ว่าคนหมดใจ ก็ ไม่สนล่ะครับ  
ผมว่ามัน ผิดที่สัญญาทาสที่ เสี่ย ร่างไว้นั่นล่ะ แถม ทำงานให้ ได้เดือนละ 50000  คุณว่า เยอะไหม
งานนี่ผมว่าเสี่ยตั้งใจเล่น แน่นอน แต่ ศาลจะตัดสินไงก็มะรู้
คือ สัญญา แบบ ต่อได้โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องเซ็นนี่ ผมไม่เคยรู้เลยว่า มัน ใช้ได้ด้วยน่ะครับ
แต่คาดว่า ทนายคงเขียนไว้ ตั้งแต่ จา ไปสมัครงานครั้งแรกนั่นแหละ  ต่ออายุครั้งละ 10 ปี
โดยเจ้าตัวไม่ต้อง เซ็นต์รับทราบ
ถ้า ตีความตาม สัญญา ผมว่าจาผิด
แต่ถ้าสัญญา มันผิดในตัวมันเองเพราะ เป็นสัญญาที่ขัดต่อ ศีลธรรม ประเพณี และรัฐธรรมนูญหลัก ก็ เสี่ยผิด
ลุ้น ล่ะกัน แถม ตั้งใจส่งไปบ้านที่ รู้ว่าจาไม่มีวันไปเหยียบเพราะ ทะเลาะกับพ่ออยู่ด้วย
ผมรอดู ออนไลน์ ล่ะกัน เสี่ย  ส่วนหนังของเสี่ย ก็ เก็บไว้ดูเองนะ ผมไม่ดูคนนึงล่ะ

(ปล. เงินไม่เข้าใครออกใคร  ต้นเหตุน่าจะมาจากเงิน)
ส่วนเขยปลิงกะน้องสาว นี่ ไม่เข้าใจ ว่าเอาเงินไปถลุงหมดไวจัง เลยจะเอาพี่ชายมาหากินต่อ
แต่ว่านะเขารู้เลยไม่อยากยุ่ง ถึงได้ยกบริษัท ไอยรา ให้ แล้วถอนตัวออกมา
ยังจะตามมาดึงตัวกลับเพราะ ทำงานเองไม่ได้ คาดว่า คงกะขอฟรี ไม่จ่ายเงินค่าจ้าง เพราะ เป็นพี่น้องกัน
ป่านนี้ ไม่รู้เป็นไงบ้าง รอฟังข่าวล่ะครับ

edit :
       “เมื่อก่อนจาเขานึกว่าแววส่งเงินให้ทางบ้านเดือนละ 1 แสนบาท เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับทุกคนในบ้าน แต่เรื่องมาแตกตอนที่จาบวช 6 เดือน พอจาบวช 6 เดือน ไม่ได้ทำงานก็ไม่มีเงินกัน ถึงได้รู้ความจริงว่าที่ต้องบอกว่าให้ที่บ้าน 1 แสนทุกเดือน เพราะจาจะได้ทำงานให้บริษัท”
       http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000007788
เจอข่าวเก่า ดู สัญญาเลยครับ
http://manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000116218
ความคิดเห็นที่ 22
ลึกๆไม่ชอบเสี่ย แต่เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้ครับ

1. ถ้าหนังเรื่องนี้เข้าฉาย โรงหนังจะได้กำไรมหาศาล ซึ่งถ้าเสี่ยใช้วิธีนี้เท่ากับตัดกำไรโรงหนังโดยตรง (ตั๋วขายล่วงหน้าไปแล้วด้วยครับ) ผมว่าคนเชี่ยวชาญธุรกิจภาพยนตร์แบบเสี่ยเจียง ไม่ทำแบบนี้แน่ครับ
2. หนังในบริษัทของเสี่ยเอง ยังต้องพึ่งพาโรงหนังอีกเยอะครับ สอดคล้องกับข้อ 1.
3. คนอย่างเสี่ยเจียง ทำอะไรต้องเป็นข่าวเสมอ วันนี้มีข่าวมั้ยครับว่าเสี่ยไปศาล หรือตัวแทนสหมงคลฟิล์มไปศาล // ไม่มีครับ
4. ด้านคดีความ ถ้าจะฟ้องกรณีนี้ต้องฟ้องตั้งแต่ถ่ายทำแล้วครับ หากการถ่ายทำผ่านไปแล้วผู้ฟ้องเพิกเฉย และมาฟ้องตอนหนังจะฉาย หมายถึงการสมรู้ร่วมคิดให้มีการละเมิดสัญญาแบบอ้อมๆ ผมว่าศาลไม่น่ารับฟังครับ

อันนี้วิเคราะห์ส่วนตัวนะ

============================================

edit 19.16 : สรุปเรื่องจริงแฮะ อะไรเข้าสิงเสี่ยวะเนี่ย 5555
ปล. เตรียมดูการแสดงละครในบทนักบุญจอมปลอมของเสี่ยได้ เร็วๆนี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 15
ถ้าจริงกรูเลิกแดรกก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาเมิงแน่ๆเจียง
ความคิดเห็นที่ 17
สหมงคลฯ ทุกเรื่อง ผมจะแบนหมดครับ
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้าเป็นจริงเนี่ย "อวสานหงสา" เนี่ยคืออวสานจริง ๆ นะ จะชวนเพื่อน ๆ บอยคอตไม่ให้เข้าไปดูเลย เล่นเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบเนี้ย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่