ซินเดอเรลล่า "โดน" อีกแล้ว! ถูกว่า เป็นตัวอย่างไม่ดีให้เด็กผู้หญิง!

จากมติชนออนไลน์

คอลัมน์ บันเทิงต่างประเทศ
โดย raikorn@hotmail.com

"ซินเดอเรลล่า" เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ได้ "ลิลี่ เจมส์" มารับบทซินเดอเรลล่าแสนสวย น่าจะพูดได้ว่าเป็นซินเดอเรลล่าเวอร์ชั่นที่ประสบความสำเร็จเอาการอยู่ ทั้งในเรื่องรายได้และกระแสวิพากษ์วิจารณ์

ด้านรายได้นั้น ทันทีที่หนังเข้าฉายก็สามารถกวาดรายได้เป็นอันดับ 1 ในทำเนียบบ๊อกซ์ ออฟฟิศที่สหรัฐอเมริกา ด้วยรายได้ 68 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,237.2 ล้านบาท ส่วนเรื่องกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ก็เริ่มตั้งแต่ช่วงที่ภาพยนตร์กำลังจะเข้าฉาย ทั้งภาพโปสเตอร์ที่มีการทำรีทัช ให้ช่วงเอวของลิลี่ เจมส์ ดูขอดกิ่วเกินจริง ซึ่งอาจส่งผลต่อการรับรู้ของเด็กสาว ให้อยากมีเอวเล็กแบบนั้นบ้าง

ซึ่งประเด็นนี้ ลิลี่ออกมาชี้แจงแล้วว่า ไม่ได้มีการทำรีทัชแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเธอเป็นคนมีเอวเล็กโดยธรรมชาติเป็นทุนเดิม ประกอบมีการใส่คอร์เซ็ตช่วยพยุงชุดราตรีกระโปรงบานที่เธอสวมใส่ จึงทำให้ช่วงเอวเธอจึงดูเล็กดังที่เห็น

"เคลียร์ประเด็นเรื่องเอวจบไปไม่ทันไร ล่าสุดก็มีกระแส "แอนตี้ ซินเดอเรลล่า" เกิดขึ้นในโลกโซเชียลอีก โดยว่าเรื่องราวของซินเดอเรลล่า เด็กสาวที่ถูกแม่เลี้ยงใจร้าย กลั่นแกล้งต่างๆ นานา แต่แล้วชีวิตก็พลิกผันได้กลายเป็นเจ้าหญิง เมื่อพบเจ้าชายที่มาตกหลุมรักเธอ อาจสร้างทัศนคติไม่ดีให้เด็กผู้หญิงรู้สึกว่าการได้แต่งงานกับผู้ชายรวยๆ จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น หรือทำให้เด็กผู้หญิงไม่พยายามคิดหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง"

ประเด็นนี้มีนักจิตวิทยาและผู้รู้ออกมาให้ความเห็นกัน อย่างเช่น "เอมี่ มอริน" ผู้เขียนหนังสือ "13 Things Mentally Strong People Don?t Do" (13 เรื่องที่คนมีจิตใจเข้มแข็งไม่ทำ) ที่ให้สัมภาษณ์ในเว็บ "ยาฮู แพเรนติ้ง" ว่า ภาพยนตร์หรือเทพนิยายอย่างซินเดอเรลล่า สามารถกัดกร่อนความพยายามที่จะสอนเด็กผู้หญิงให้รู้จักพึ่งพาตัวเอง

และว่า "การสร้างตัวละครหญิงที่กำลังอับจนหนทาง จนกระทั่งมีผู้ชายก้าวเข้ามาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากปัญหาทุกอย่าง เป็นการสร้างการรับรู้ที่มีปัญหา เพราะอาจเป็นการสร้างการรับรู้ให้เด็กผู้หญิงรู้สึกว่า ฉันไม่สามารถแก้ปัญหาเองได้ แต่เด็กผู้ชายสามารถทำได้ มันจะเป็นเรื่องดีสำหรับเด็กผู้หญิงที่เราจะสอนให้พวกเธอเชื่อว่า พวกเธอมีความสามารถที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ ดีกว่าที่จะคิดพึ่งเด็กผู้ชายให้ช่วยแก้ปัญหา"

เอมี่ยังบอกว่า "เด็กๆ จะเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองและคนอื่น และเรียนรู้โลกจากสิ่งที่พวกเขาได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ดังนั้นภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวออกมาเป็นแบบใด ก็สามารถทำให้เด็กมองโลกในแบบนั้น หรือแม้แต่ข่าวสารต่างๆ ในสื่อก็สามารถส่งผลต่อวิธีคิดและพฤติกรรมของเด็กได้"

สำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่เริ่มรู้สึกกังวล "ดร.โรบิน ซิลเวอร์แมน" ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก และเด็กวัยรุ่น มีคำแนะนำสำหรับพ่อแม่ ผู้ปกครอง ในการให้ลูกดูซินเดอเรลล่า ว่า "คุณลองถามลูกๆ ดูว่า พวกเขาคิดว่าหนังเรื่องนี้ต้องการสอนอะไรแก่พวกเขา หรือลองตั้งคำถามลูกๆ ดู ว่าถ้าหากพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับในภาพยนตร์ อย่างเช่น ถูกจับเป็นเฉลย และมีโอกาสเพียงคืนเดียวที่ต้องหนีออกมา เขาจะหนีไปที่ไหน? และใครที่เขาคิดจะขอความช่วยเหลือ?"

"ดร.โรบินบอกว่า การพูดคุยกับลูกคือทางออกที่ดี และสิ่งสำคัญที่ผู้ใหญ่ควรสื่อสารให้เด็กรู้ก็คือ "เราต้องการให้ลูกๆ ของเราเชื่อว่า เมื่อพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย สติปัญญา ความกล้าหาญ และบุคลิกภาพของพวกเขาต่างหากที่จะสามารถช่วยแก้สถานการณ์ และไม่ควรคิดจะหวังพึ่งเจ้าชายเป็นคนแรก"

อย่างไรก็ตาม "เดวิด เอลไคน์" ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก ของมหาวิทยาลัยทัฟต์ ให้ความเห็นว่า การรับรู้ของเด็กที่มีต่อนิทานแนวเทพนิยายต่างๆ จะเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่

"มันเป็นความเข้าใจผิด ที่คิดว่าเทพนิยายเหล่านี้จะมีผลต่อความคิดของเด็กไปตลอดกาล ผมคิดว่าซินเดอเรลล่าไม่ได้มีอันตราย หรือผลเสียใดๆ มันก็เป็นเพียงนิทานที่มีมนต์เสน่ห์เรื่องหนึ่ง เด็กๆ ต่างชอบเทพนิยายกันทั้งนั้น และนิทานเหล่านี้ก็ช่วยเติมเต็มฝัน จินตนาการให้แก่เด็กๆ ครั้นเมื่อพวกเขาโตขึ้น เขาก็จะเข้าใจเอง ว่าโลกจริงๆ ไม่ได้เป็นเช่นนั้น"

"การมีจินตนาการแต่ไม่หลงไปกับจินตนาการ คือสัญญาณที่ดีของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่