บทสัมภาษณ์ " ดาลี่ย์ บลินด์ " นักเตะสารพัดประโยชน์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


        หลังจากย้ายมาร่วมทัพ "ปีศาจแดง" เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ดาเล่ย์ บลินด์ ใช้เวลาไม่นานในการสถาปนาตัวเองขึ้นมา
เป็นกำลังหลักที่ยูไนเต็ดจะขาดเสียไม่ได้แล้ว เนื่องด้วยความทุ่มเทและความสามารถอันหลากหลาย
รวมถึงรูปร่างหน้าตาที่ดูสันทัดคมเข้มทำให้ตอนนี้ได้กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของสาวก "เร้ด เดวิลส์" ไปเป็นที่เรียบร้อย

        การไปเยือนแอนฟิลด์ครั้งดังกล่าว ไม่ใช่หนแรกของยอดแข้งเลือดดัตช์ บลินด์
เคยเดินทางไปชมเกมที่สนามแห่งนี้ตอนอายุได้ 10 ขวบซึ่งตอนนั้น แดนนี่ พ่อของเขาได้ตั๋วเกมระหว่าง
ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล มาจาก ยารี่ ลิตมาเน่น อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ตอนนั้นเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล

เกมในวันนั้น บลินด์ ได้พบกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ไมเคิ่ล โอเว่น และ เธียร์รี่ อองรี่ เขาเล่าถึงเรื่องราววันนั้นว่า
"บรรยากาศวันนั้น ทำให้ผมกลับบ้านไปพร้อมกับความอิ่มเอมใจ ผมเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่ชอบฟุตบอล
ผมมาที่นี่แล้วก็เสพบรรยากาศเข้าไปเต็มปอดแฟนบอลที่นี่ส่งเสียงเชียร์ราวกับคนบ้า มันเป็นวันที่พิเศษมากๆ"




แดนนี่ คุณพ่อของ ดาเล่ย์ บลินด์ ลงเล่นให้กับทีมชาติฮอลแลนด์ ไป 42 นัด และสวมบทกัปตัน อาแจ็กซ์
ชุดคว้าแชมป์ยุโรปประวัติศาสตร์เมื่อปี 1995 เคียงบ่าเคียงไหล่กับยอดแข้งอย่าง แพทริค ไคลเวิร์ต, เอ็ดการ์ ดาวิดส์
และ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ซึ่งถ้วยใบดังกล่าวเป็นแชมป์รายการใหญ่ใบแรกของกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล ที่เพิ่งเริ่มตั้งไข่ในงานคุมทีม




เวลาผ่านไปราว 2 ทศวรรษ ดาเล่ย์ บลินด์ ถูกเลือกเข้าอยู่ในทีม "อัศวินสีส้ม" ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก
ที่บราซิลเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา และได้รับการเซ็นสัญญาเข้ามาเป็นนักเตะใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โดยโค้ชคนเดียวกับคุณพ่อของเขา ใช่แล้วครับ หลุยส์ ฟาน กัล นั่นเอง

บลินด์ ถูกโยกไปมาระหว่างตำแหน่งแบ็กซ้ายและกองกลางตัวรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทว่าไม่ว่าบทบาทใด
ที่ได้รับมอบหมายเขาก็ไม่เคยทำให้นายใหญ่ของเขาต้องปวดหัวขณะเดียวกันนั้นเอง บลินด์ ก็ชื่นชมในตัว "แอลวีจี"
ที่มีเมตตาให้กับตนตั้งแต่ช่วงฟุตบอลโลกที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้

"ผมเป็นนักเตะที่เรียนรู้อะไรได้เร็ว ไม่ใช่ประเด็นเลยว่าจะไปเล่นตรงไหน
ผมรู้ว่าตำแหน่งไหนต้องทำอะไร นั่นคือข้อดีที่แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับจากตัวผม"



"คนทั่วไปมองว่า หลุยส์ ฟาน กัล เป็นพวกขวานผ่าซาก แต่ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะเขาไม่เคยอ้อมค้อมกับใคร
เขาจริงใจกับทุกคน เข้าใจอยู่ว่าหลายครั้งความจริงมันทำร้ายจิตใจคนอื่น แต่ผมประทับใจเขาในจุดนี้ ไม่ว่าจะ
ในฐานะคนคนหนึ่งหรือในฐานะผู้จัดการทีม"

"นักเตะทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองว่าต้องทำอะไรบ้างในสนามจริงและสนามซ้อม ฟาน กัล ทำให้ทุกอย่างเคลียร์
ทำให้นักเตะทุกคนเข้าใจงานของตัวเองง่ายขึ้น พวกเราทุกคนมั่นใจในปรัชญาของเขา"

"ไม่ว่าใครก็รู้สึกดีที่รู้ว่าต้องยืนในจุดใด บางครั้งเราก็มองกันว่าคนที่พูดตรงชอบหักหาญน้ำใจคนอื่น แต่สำหรับผมแล้ว
มันเป็นเรื่องดี แม้ว่า ฟาน กัล จะเมตตาครอบครัวของผมมากเพียงใด แต่ผมก็ไม่ได้รับการดูแลพิเศษอะไรจากเขา"

"ที่ผ่านมาผมทำงานพลาดเหมือนกัน ผมพยายามเรียนรู้ แก้ไขจากสิ่งที่โค้ชบอก ทุกคนจะรับรู้ได้เวลาที่เขาโกรธ
แต่เขาก็พยายามทำให้ทุกอย่างเย็นลง และง่ายต่อการทำงานสำหรับทุกคน เขาทำแบบนั้นเวลาเราเล่นฟุตบอลเท่านั้น
ไม่เกี่ยวกับนอกสนาม ทุกคนเท่าเทียมกันหมด" นักเตะสารพัดประโยชน์ร่ายยาว





หลุยส์ ฟาน กัล เคยนิยาม แดนนี่ คุณพ่อของ ดาเล่ย์ บลินด์ ว่าเป็นนักเตะที่มีสภาวะผู้นำมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
ซึ่ง บลินด์ จูเนียร์ ออกโรงอวยตัวเองว่าได้รับความสามารถตรงนี้มาจากคุณพ่อเช่นกัน
"ในสนามผมเหมือนพ่อมากๆ ใจเย็น และรอบคอบ แต่พออยู่นอกสนาม ผมจะเหมือนแม่เสียมากกว่า
หล่อนพูดจาตรงไปตรงมา ตรงมากๆ ด้วย บางทีผมก็รู้สึกว่าพูดอะไรออกไปโดยไม่คิดเหมือนกัน"

"ตอนที่พ่อผมคว้าถ้วยยูฟ่า แชเมปี้ยนส์ ลีก ผมเพิ่งจะ 5 ขวบเท่านั้น ผมจำไม่ได้ตอนที่ชมเกมทางโทรทัศน์
แต่พอโตขึ้นมาผมก็ได้ดูเกมผ่านทางวิดีโอ และฝันว่าวันหนึ่งผมจะได้เป็นอย่างนั้นบ้าง ผมภูมิใจในความสำเร็จของเขา
รวมถึงการได้ใช้นามสกุล บลินด์ ด้วย"

"ผมว่าผมต้องเคยเจอ หลุยส์ ฟาน กัล ตอนไปดูพ่อซ้อมสมัยผมเป็นเด็กแน่ๆ แต่ผมคงจำมันไม่ได้ ผมได้รู้จักเขา
ครั้งแรกตอนที่ติดทีมชาติฮอลแลนด์ ไม่ว่าอะไรที่ หลุยส์ ฟาน กัล บอกผมมันจะต้องเป็นสิ่งเดียวกับที่เขาสอนพ่อผมแน่ๆ"



บลินด์ ได้ทำงานร่วมกับคุณพ่อในทีมชาติฮอลแลนด์ ในแคมป์แดนนี่ให้คำปรึกษาแก่ลูกของเขาอยู่ตลอด
แต่มันมีบางช่วงเวลาที่เขาทั้งสองรู้สึกเคอะเขินเหมือนกันที่ต้องมาสวมบทบาทเพื่อนร่วมงานและพ่อ-ลูกในเวลาเดียวกัน

"ตอนอยู่แคมป์ทีมชาติผมชอบคุยกับโค้ชคนอื่นมากกว่า เพราะตอนที่เราอยู่ใกล้กัน ผมต้องกระซิบเรียกพ่อ
ซึ่งบางทีเพื่อนร่วมทีมคนอื่นได้ยินแล้วก็พากันหัวเราะร่วนออกมา" บลินด์เล่าพร้อมหัวเราะแบบเขินๆ

จนถึงตอนนี้ก็นับเป็นเวลากว่า 8 เดือนแล้วที่ บลินด์ ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ เขาปรับตัวกับชีวิตที่นี่ได้เร็วมากจากการที่รู้จัก
เพื่อนเพียง 2 คนตอนที่ย้ายมาใหม่ๆ (โรบิน ฟาน เพอร์ซี่  และ อันเดรียส เปเรร่า ที่เคยเล่นทีมเยาวชนในฮอลแลนด์)
ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นกิจกรรมที่ทำให้เขาไม่มีปัญหาในการใช้ชีวิตคือการออกรอบตีกอล์ฟ

"สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของที่นี่คือการที่แฟนบอลตามเราไปชมเกมนอกบ้าน บนอัฒจันทร์แทบไม่มีที่ว่างเลย
ผมเซอร์ไพรส์มากในครั้งแรกที่ได้เห็น สไตล์การเล่นบอลที่รวดเร็วและใช้พลังมากแบบที่นี่มันทำให้ผมต้องปรับตัว
อย่างในเกมแรกที่เราเล่นในบ้านเจอ คิวพีอาร์ มันไม่ได้เป็นเกมที่เร็วที่สุด แต่ผมรู้สึกเหนื่อยกว่าทุกครั้งที่เล่นให้ อาแจ็กซ์
ยิ่งตอนที่เล่นกับ แมนฯ ซิตี้ แล้ว คริส สมอลลิ่ง โดนไล่ออก ผมแปลกใจกับความรวดเร็วของเกม แต่ผมก็รับมือกับมันได้"



บลินด์ ได้สัมผัสถึงช่วงเวลาขาขึ้นและลงของตัวเองกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาแล้ว อาการบาดเจ็บที่หัวเข่า
ทำให้ บลินด์ ไม่สามารถลงเล่นให้กับยูไนเต็ดได้ถึง 6 สัปดาห์ในช่วงต้นฤดูกาล เขายอมรับว่าช่วงนั้นส่งผลต่อ
สภาพจิตใจของเขามากทว่าเมื่อหายเจ็บกลับมา เขาก็ตอบแทนต้นสังกัดด้วยการยิงประตูเซฟแต้มจากเวสต์บรอมวิช
และเวสต์แฮม และมีส่วนสำคัญกับการเปิดบ้านถล่มสเปอร์ส รวมถึงการเอาชนะ ลิเวอร์พูล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา



"ผมผ่านมาทุกบรรยากาศแล้ว เราพยายามเล่นเกมบุกอยู่ตลอด แต่ในหลายๆ เกมเราต้องพึ่งพาความสามารถของ
ดาบิด เด เคอา ช่วยทีมไว้ ในเกมที่เราเอาชนะ สเปอร์ส 3-0 เราเปิดเกมได้เร็ว เรายิง 3 ประตูในครึ่งแรก
แฟนบอลตื่นเต้นและมีอารมณ์ร่วมกับเกมเอามากๆ หลังจากนั้นเราก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และหวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นต่อไป"

.... จบ....


Daley Blind In Form


นักเขียน "ตุ้ย พันเข็ม"
ที่มา http://www.siamsport.co.th
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่