จากภาพยนตร์เรื่องแรก "โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง" จนถึงเรื่องล่าสุด "แคทอ่ะแว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ" ก็เป็นเวลานับ 10 ปีแล้วที่จอมยุทธ์แห่งวงการจอแก้วอย่าง "เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์" โดยบริษัทในเครือคือ "เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส" (หรือชื่อเดิม "หัวฟิล์ม ท้ายฟิล์ม") ได้สร้างภาพยนตร์ดีมีคุณภาพไว้มากมายกว่า 16 เรื่องที่ผ่านสายตาเราๆ ท่านๆ ไป
ยกตัวอย่างเช่น หนังในตระกูลโหน่งกับเท่ง หนังในตระกูลหม่ำทั้งหลายแหล่ หนังที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดอย่าง "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" รวมถึงแอนิเมชันฟอร์มยักษ์อย่างเรื่อง "ยักษ์" เป็นต้น
ซึ่งก็ดูไม่แปลกอะไรนักที่มักเอาดาราตลกจากแก๊งสามช่ามาเล่นหนังให้กับค่ายนี้แทบจะทุกเรื่อง อีกทั้งได้จับมือกับจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการจอเงิน "สหมงคลฟิล์ม" ที่ผูกขาดร่วมสร้างมาตลอดทุกเรื่อง เป็นยักษ์กับยักษ์เพียงหนึ่งในไม่กี่คู่ที่ยังคงประสานความสัมพันธ์อยู่เรื่อยมา
เรียกว่าเป็นการจับมือที่อยู่ทนอยู่นาน เพราะเรื่องแล้วเรื่องเล่าก็ทำรายได้อย่างมากมาย เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็หนาหู แต่ระยะหลังๆ มานี้ รายได้ของหนังจากคู่ร่วมค้านี้ไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าที่ควร เช่นเรื่องล่าสุดก็คงไม่ต้องกล่าวถึง นับว่าล้มลุกคลุกคลานกันมาตลอดทศวรรษ
ที่รายได้น้อยลงนั้น เป็นเพราะอะไรก็ยังไม่ทราบ แต่ถ้าเดาได้ก็น่าจะมาจากความฝืดของผลงาน หรือความจำเจของการเรียกใช้ดารา โดยเฉพาะแก๊งสามช่าที่เป็นหน้าตาดีๆ ของเวิร์คพอยท์ หรืออาจจะเป็นการลุยไปทำช่องดิจิตอลของตัวเอง มีรายการสนุกๆ เยอะแยะมากมายให้ดูกัน ซึ่งเวลานี้ช่องเวิร์คพอยท์ก็ติดอันดับต้นๆ ของสถานีโทรทัศน์ยอดนิยมเรียบร้อยแล้ว
แต่นี่กำลังอยู่ในภาวะตกต่ำของหนังไทย หนังไทยส่วนใหญ่เก็บเงินนิดๆ หน่อยๆ "เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส" ก็ร่วมชะตากรรมไปด้วย
นั่นก็อาจเป็นสัญญาณเตือนไว้ว่า หนังของเวิร์คพอยท์อยู่ในช่วงขาลง แต่ก็ไม่แน่ว่าผลงานเรื่องต่อไปอาจจะกลับมาคืนฟอร์มเช่นสมัยแรกๆ หรือไม่ หากได้รับแรงใจและการสนับสนุนที่ดี(กว่า) เพื่อพัฒนาวงการภาพยนตร์ไทย ในยุคการตลาดระดับอาเซียน
คงต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่อไปว่า เมื่อเข้าสู่ตลาด AEC "เวิร์คพอยท์" จะแก้เกมอย่างไรในวงการภาพยนตร์ โดยจะยังคงร่วมทุนสร้างกับสหมงคลฟิล์มอยู่ หรือ จะแยกตัวมาสร้างหนังเองเป็นเอกเทศ ไม่ต้องพึ่งค่ายหนังรายใดเลย หรือจะมีอะไรใหม่ๆ มาสร้างสีสันให้กับวงการ... สวัสดี.
10 ปี "เวิร์คพอยท์" ใต้ร่มใบโพธิ์...ถึงเวลาขาลง!?
ยกตัวอย่างเช่น หนังในตระกูลโหน่งกับเท่ง หนังในตระกูลหม่ำทั้งหลายแหล่ หนังที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดอย่าง "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" รวมถึงแอนิเมชันฟอร์มยักษ์อย่างเรื่อง "ยักษ์" เป็นต้น
ซึ่งก็ดูไม่แปลกอะไรนักที่มักเอาดาราตลกจากแก๊งสามช่ามาเล่นหนังให้กับค่ายนี้แทบจะทุกเรื่อง อีกทั้งได้จับมือกับจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการจอเงิน "สหมงคลฟิล์ม" ที่ผูกขาดร่วมสร้างมาตลอดทุกเรื่อง เป็นยักษ์กับยักษ์เพียงหนึ่งในไม่กี่คู่ที่ยังคงประสานความสัมพันธ์อยู่เรื่อยมา
เรียกว่าเป็นการจับมือที่อยู่ทนอยู่นาน เพราะเรื่องแล้วเรื่องเล่าก็ทำรายได้อย่างมากมาย เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็หนาหู แต่ระยะหลังๆ มานี้ รายได้ของหนังจากคู่ร่วมค้านี้ไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าที่ควร เช่นเรื่องล่าสุดก็คงไม่ต้องกล่าวถึง นับว่าล้มลุกคลุกคลานกันมาตลอดทศวรรษ
ที่รายได้น้อยลงนั้น เป็นเพราะอะไรก็ยังไม่ทราบ แต่ถ้าเดาได้ก็น่าจะมาจากความฝืดของผลงาน หรือความจำเจของการเรียกใช้ดารา โดยเฉพาะแก๊งสามช่าที่เป็นหน้าตาดีๆ ของเวิร์คพอยท์ หรืออาจจะเป็นการลุยไปทำช่องดิจิตอลของตัวเอง มีรายการสนุกๆ เยอะแยะมากมายให้ดูกัน ซึ่งเวลานี้ช่องเวิร์คพอยท์ก็ติดอันดับต้นๆ ของสถานีโทรทัศน์ยอดนิยมเรียบร้อยแล้ว
แต่นี่กำลังอยู่ในภาวะตกต่ำของหนังไทย หนังไทยส่วนใหญ่เก็บเงินนิดๆ หน่อยๆ "เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส" ก็ร่วมชะตากรรมไปด้วย
นั่นก็อาจเป็นสัญญาณเตือนไว้ว่า หนังของเวิร์คพอยท์อยู่ในช่วงขาลง แต่ก็ไม่แน่ว่าผลงานเรื่องต่อไปอาจจะกลับมาคืนฟอร์มเช่นสมัยแรกๆ หรือไม่ หากได้รับแรงใจและการสนับสนุนที่ดี(กว่า) เพื่อพัฒนาวงการภาพยนตร์ไทย ในยุคการตลาดระดับอาเซียน
คงต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่อไปว่า เมื่อเข้าสู่ตลาด AEC "เวิร์คพอยท์" จะแก้เกมอย่างไรในวงการภาพยนตร์ โดยจะยังคงร่วมทุนสร้างกับสหมงคลฟิล์มอยู่ หรือ จะแยกตัวมาสร้างหนังเองเป็นเอกเทศ ไม่ต้องพึ่งค่ายหนังรายใดเลย หรือจะมีอะไรใหม่ๆ มาสร้างสีสันให้กับวงการ... สวัสดี.