รีวิวกระทู้แรกของผม รูปอาจจะไม่สวย การจัดเรียง หรือแม้แต่ประโยคถ้อยคำอาจจะดูบ้านๆไปหน่อย มีถูกมีผิดบ้าง คงจะให้อภัยกันนะครับ จุดประสงค์ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางของผม ให้เป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากจะออกไปดูโลกกว้าง แต่ยังไม่กล้าลอง ผมหวังแค่เพียงว่าสิ่งที่ผมถ่ายทอดออกมามันจะเกิดประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย
ทริปนี้มันกระทันหันจนผมแทบไม่มีเวลาได้เตรียมตัว.....
ตริ้ง ตริ้งงงง ตื้ดๆ ระหว่างที่ผมนั่งเม้าท์กันกับเพื่อนในคลับท่องเที่ยวแบกเป้ลุยเดี่ยว และจิตอาสาพาเที่ยว ในแอฟพิเคชั่น Beetalk พูดถึงทริป ลำคลองงู ที่ผมกับเพื่อนๆจะไปกันในวันที่ 28-29 มี.ค มือก้กดเลื่อนหน้าจอดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย สายตาเหลือบไปเห็น เพจท่องเที่ยวเพจหนึ่ง (Palapilii thailand)โพสต์ประกาศรับสมัคร เพื่อนร่วมทริปหนึ่งคง ไปร่วมทริปลำคลองงู เห้ยยยยยๆๆ กำลังอยากไป เอาดิลองดู ผมนั่งเฝ้ากดRefresh ที่หน้าจอคอมตั้งแต่ก่อนเวลาที่เพจจะโพสประกาศรับสมัครตอน 2ทุ่ม ใครสมัครคนแรกได้สิทธ์ไปร่วมทริปกับเพจ 1 คน จนเวลา 2 ทุ่ม37 โพสรับสมัครจากเพจ ที่ผมเฝ้ากดRefreshอยู่เกือบชั่วโมง ก็เด้งขึ้นมา ผมรีบพิมพ์ทัก inbox ไปที่เพจ..... "ผมไปลำคลองงูด้วยคนนะครับ" ผ่านไปเกือบ 5นาที ผมนี่นั่งลุ้นการตอบกลับจากทางเพจตัวเกร็งเลยครัชช "โอเคครับ" ทางเพจตอบกลับมา เห้ยยยยยย นี่ผมไดไปใช่มั้ย "เดินทางตี2คืนนี้นะครับ" ข้อความถัดมาจากเพจ "ครับๆๆ" ผมรีบตอบกลับไป พร้อมทั้งจัดแจงยัดสิ่งของจำเป็นลงเป้ แล้วรีบออกเดินทาง มองดูนาฬิกา เชรดดดดด 3ทุ่มกว่าแล้วจะมีรถเข้า กทม มั้ยเนี่ย ไป ลองดูไม่มีก็ไปขึ้นที่สระบุรีก็ได้
ผมเริ่มต้นการเดินทางจาก บขส สระบุรี มุ่งหน้าเข้า กทม เป้าหมายจุดนัดพบที่ ม.รังสิต เอาแล้วไง ม.รังสิตมันอยู่ส่วนไหนของ กทม. (ผมนึกในใจ) ไม่รู้ยังไงก็ต้องไปให้ถึง ก่อนตี2 ให้ได้ ตี1ยี่สิบ ผมและสัมภาระ ก็มาประจำการที่จุดนัดพบ หน้า ม.รังสิต
ผม แวะเข้า 7/11 ซื้อของใช้ที่จำเป็น และเสบียงในการเดินทาง จนแล้วจนรอดรวมตัวกันครบ สมาชิก4คนก็ออกเดินทางกัน มุ่งหน้าสู่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ระหว่างทางบทสนทนาแนะนำตัว พร้อมทั้งที่มาที่ไป สารพัดเรื่องราวการท่องเที่ยว มันเป็นการพบกันครั้งแรกของผม กับคนที่ไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นหน้า ครั้งแรก นี่เป็นครั้งที่ 2ที่ผมเดินทางคนเดียวเพื่อที่จะไปเที่ยวกับ คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
05.50น แสงสว่างก็เริ่มส่องให้เห็นวิวทิวทัศน์ระหว่างทางที่ถูกปกครุมด้วยสายหมอก
การเดินทางเราใช้เส้นเดียวกับทางไปสังขละบุรี ถนนหมายเลข 323 จากสามแยก ทองผาภูมิ-สังขละบุรี เลี้ยวขวามาทางสังขะบุรี ขี่เข้ามาเรื่อยๆ ประมาณ30-40กม. จะมีแยกขวาเข้าไปอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ขี่ตามทางหลักเข้าไปอีกไกลพอสมควร ยึดเสาไฟฟ้าเป็นตัวนำทาง
เรามาถึงอุทยานกันเกือบๆ8 โมง ด้วยความใจเย็นเราแวะสั่งข้าว มื้อเช้าที่หน้าอุทยานแห่งชาติ ลง.1 เขาพระอินทร์
ลงจากรถมายืนชิวๆกัน ยืดเส้นยืดสาย พลางคิดในใจทำไมเงียบจังนี่เราก็มาถึงกันเช้านะ ไม่เห็นมีใครมาเลย สักพักเดียวเท่านั้นแหละครับ รถกระบะ4x4 บันทุกนักท่องเที่ยวก็ค่อยๆทะยอยกันออกมา ทีละคัน 3 คันผ่านไปข้าวที่สั่งก็ยังไม่เสร็จ รีบสิครัชชชชช ไม่กงไม่กินแล้ว ห่อๆๆๆใส่กล่องไปกินกลางวันเอา ระหว่างที่รอข้าวเราก็เปลี่ยนชุดที่พร้อมจะลุย
แล้วก็รีบเข้าไปติดต่อ อุทยานเพื่อลงชื่อยืนยันชื่อจองและชำระค่าใช่จ่าย มัวแต่ยืนชิวกัน 555 ตกรถสิครับ ต้องเหมารถกันไปเอง มาถึงแล้วนี่จะถอยได้ไง 4คนก็ไปครับ เราติดต่อเช่ารถจากอุทยานเพื่อจะเดินทางไป ถ้ำเสาหิน จุดหมายปลายทางทีจะไปลุยกันในวันแรก
การเดินทางไปถ้ำเสาหินจะต้องใช้รถทางอุทยานและผู้ชำนาญเส้นทางเท่านั้น
ระยะทางจากอทุยานไปยังถ้ำเสาหิน ประมาณ 9กม. ใครที่อยากเปลี่ยนสีผมให้นั่งด้านหลังนะครับ 555 ทางจะเป็นถนนลูกรัง ฝุ่นค่อนข้างเยอะ มีผ้าปิดจมูกติดไปด้วยจะดีครับ ***ข้อควรระวังในการนั่งรถไปยังถ้ำเสาหิน ถ้าจำนวนคนไม่เยอะให้นั่งลงด้านล่างกระบะเลยนะครับ อย่านั่งขอบกระบะ เพราะทางบางช่วง สูงชัน และคดเคี้ยว นั่งแบบไม่ระวังอาจจะพลัดตกเกดอุบัติเหตุเป็นอันตรายได้ เดี๋ยวเพื่อนๆร่วมทริปจะพากันหมดสนุกเอาได้
ชั่วอึดใจเดียวเราก็มาถึงจุดเริ่มต้นที่จะเดินไปยังถ้ำเสาหิน
พี่ๆเจ้าหน้าที่อุทยานบอกกับเราว่า ระยะทางแค่ 2กม. ก็ถึงปากถ้ำเเล้ว ฮึๆๆ (ผมแอบหัวเราะในใจ) กินขนมและตรู แค่ 2 กม. เอง เดินจ่ายตลาดเลยก็ยังได้ 555
ช่วงแรก จากจุดลงรถเพียงไม่กี่ก้าว เราก็ถึงแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ ก็คือป้าย อลังการแห่งลำคลองงู
ถ่ายรูปสิครัชชชช เก็นแลนด์มาร์คที่นี่เป็นที่แรก เราถ่ายรูปและคลิปเต้นกวนๆ อยู่พักนึงจึงเริ่มออกเดินกันต่อ
ช่วงแรกจะเป็นทางลงเขาอย่างเดียว ฟังไม่ผิดครับ ลงอย่างเดียวเลย พื้นจะเป็นดินปกครุมด้วยใบใผ่ ถ้าเดินเพลินๆก้มีโอกาสลื่นได้ วิวด้านข้างจะเป็น ป่าใผ่ส่ะส่วนใหญ่ สลับกับต้นไม้ใหญ่ ***เทคนิคที่ผมใช้ในการเดินทางลาดชันลงเขาตรงนี้ ผมจะไม่ก้าวยาวนะครับ จะก้าวสั้นๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อต้นขาทำงานเท่าๆกันข้างใดข้างหนึ่งไม่รับน้ำหนักตัวมากเกินไป ซึ่งนั่นก็อาจทำให้เรารู้สึกตึงๆ หรือปวดต้นขาได้ ซึ่งก็จะมีผลอย่างมากในขาขึ้น ตอนกลับนะ 5555 เดินมาถึงครึ่งทางก็เริ่มมีหิน หน้าผาให้เห็น ความโหดมันกำลังจะเริ่มต่อจากนีสินะ ริวสัมผัสได้ 555 ช่วงที่เริ่มเป็นหินให้ปีนป่ายลงไปยังด้านล่าง ช่วงนี้สมาธิสำคัญมากครับ ก่อนที่จะทิ้งน้ำหนักตัวลงไปที่เท้าอย่างเต็มที่ เราต้องเหยียบจุดที่คิดว่ามั่นคงมากที่สุด หาจุดจับยึดที่มั่นคง ตรงนี้ถ้าห่วงว่าอุ้งมือน้อยๆอันบอบบางของคุณจะเกิดลอยด้าน ก้เตรียมถุงมือมาใส่ได้นะครับ เหิ้มมมมมๆๆๆ (เสียงน้ำตก) เห้ยยยย ได้ยินเสียงน้ำตกแล้ว มีแรงหึดขึ้นมาทันทีครับ เมื่อลงมาถึงด้านล่าง สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันคือน้ำตกใสๆ
กลิ่นไอของละอองน้ำปลิวเข้ามมากระแทกหน้า หายเหนื่อยเลยครับ
*** ข้อควรระวัง สำคัญมากนะครับเมื่อมาถึงน้ำตก ถึงแม้จะเหนื่อย จะร้อนอยากลงเล่นน้ำ ก็ต้องพักสัก 10-20นาทีก่อนเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ คลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อก่อน ไม่ควรลงน้ำทันทีที่มาถึง เพราะเมื่อร่างกายปรับสภาพไม่ทัน โอกาสเกิดตะคริวมีสูง เนื่องจากน้ำที่น้ำตกเย็นมาก และสิ่งสำคัญก็ควรใส่ชูชีพทุกครั้งเวลาลงเล่นน้ำ ถึงแม้จะว่ายน้ำเป็นก็เถอะ เราหยุดพักเล่นน้ำกับฝูงปลา กินข้าวเติมเสบียงกันอยู่ครู่ใหญ่ๆ พร้อมกับเตรียมอุปกรณ์พรศักดิ์ เย้ยยยย อุปกรณ์ส่องแสงครับ 555 (มุขเสี่ยว) เพื่อที่จะเตรียมตัวเข้าไปในถ้ำ จำเป็นมากนะครับสำหรับไฟส่องสว่าง เพราะในถ้ำมืดสนิท (คนที่กลัวความมืดไม่ต้องกลัวนะครับ จำนวนนักท่องเที่ยวที่พลัดกันเข้าพลัดกันออก มีจำนวนมมากพอที่จะมีแสงสว่างพอสมควร) ภายในถ้ำช่วงแรกๆเราจะต้องลงน้ำ ว่ายน้ำทวนกระแสน้ำขึ้นไป สลับกับการปีนหินที่ค่อนข้างลื่นพอสมควร ในถ้ำการก้าวแต่ละก้าวจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างไกล้ชิดครับ
จากปากถ้ำ ว่ายน้ำ ปีนป่ายทวนน้ำมาไม่ไกลมากนัก เราก็จะเห็นแลนด์มาร์คอีกที่หนึ่ง คือ เสาหิน ขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่กลางถ้ำ เป็นเสาหินธรรมชาติที่สูงที่สุดในโลก วัดจากพื้นถึงยอดได้ 62.5เมตร ซึ่งสูงกว่าเสาหินที่สูงเป็นอันดับสองของโลกที่อยู่ในประเทศจีนถึงเกือบสองเท่า ( อันดับสองสูง 32 เมตร ) เสาหินนี้สำรวจโดยนายเคฟแมน นักสำรวจถ้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และได้บันทึกลงในกินเนสบู๊คไว้แล้ว ว่าเป็นเสาหินที่สูงที่สุดในโลก พวกเราเข้าไปกัน 4คน จึงมีเวลา ค่อนข้างมากที่จะเก็บภาพตรงจุดนี้ ภาพถ่ายฝีมือน้องโม (watermalon mo) ตากล้องประจำทริปนี้
แง๊ ง่วงแล้วอ่ะดิ ยังไมถึงตอนไฮไลท์เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้นะครับ
*** ผมตื่นขึ้นมาแบบเบลอๆ สมองยังตอบสนองได้ช้า ทำไงดีหว่า สาดแป้ปทีนเข้าไปกระตุ้นการทำงานของสมองให้รื้อฟื้นความทรงจำในวันนั้นกลับคืนมา เปิดเพลงใส่หูให้เข้าไปกระแทกโสทปรสาทสร้างอารมณ์ช่วยนิดนึง *** (อันนี้ผมบ่นเฉยๆนะครับไม่เกี่ยวอะไรกับข้อมูลในรีวิว)
มาต่อกันเลยดีกว่า เมื่อวานถึงไหนแล้ว เอิ่มมมม (นึกๆๆ) อ่อ ถึงตอนถ่ายรูปเสาหินที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความที่เป็นถ้ำ แน่นอน ในถ้ำต้องมี แบทแมนและโรบินฮู้ด (เกี่ยวอะไรกับแบทแมนและโรบินฮู้ดฟร่ะ ๕๕๕) ในถ้ำต้องมีค้างคาวครับ มีค้างคาวก็ต้องมีขี้ค้างคาว ถามว่ากลิ่นเป็นยังไง โดยส่วนตัวนะ เป็นคนสกปรกอยู่แล้ว กับอะไรประเภทนี้ผมเฉยๆนะ แหะๆ :p
เราอยู่ในถ้ำเป็นกลุ่มสุดท้าย ถ่ายรูปตรงจุดนี้อยู่นาน ต้องขอบคุณพี่สมหมาย เจ้าหน้าที่ที่ดูแลพวกเราด้วยครับ ที่ให้เราใช้เวลาตรงนี้อย่างเต็มที่ พอถ่ายเสร็จเราก็ต้องย้อนกลับออกทางเดิม ตอนกลับจะง่ายกว่าครับเพราะเราจะว่ายตามกระแสน้ำ ออกมา
ขากลับออกมาจากถ้ำนี่แหละครับ เราจะได้เริ่มกระโดดน้ำตกกันแล้ว
ออกมาจากปากถ้ำไม่ไกลก็ถึงจุดกระโดจุดแรกแล้วความสูงตรงจุดนี้ก็ไม่สูงมากครับ ราวๆ 2-3เมตร
สำหรับคนที่ไม่กล้าโดดเจ้าหน้าที่ก็จะพาเดินลัดเลาะตามน้ำตกมาอีกทาง หลังโดดเสร็จก็จะมีเวลาเตรียมตัว เติมพลัง เพื่อเพชิญกับทางสุดโหด ทางที่เราเดินลงมานั่นและครับ
พักกับพอหายเหนื่อยแล้วก็เริ่มเดินขึ้นกันเลย ช่วงนี้แหละครับเราต้องใช้พลังงานเยอะมาก เป็น2กม. ที่ยาวนานที่สุด ความรู้สึกว่ามันไกล้ แต่ตอนเดินมันไกล๊ไกล การเดินในขาขึ้นนี้ต้องจัดการพลังงานและร่างกายให้ดีๆ เทคนิคที่ผมใช้ก้คือ การเดินตลอด และต่อเนื่อง จะไม่หยุดถ้าไม่จำเป็นนะครับ เพราะถ้าหยุดพักได้นั่งก้นสำผัสพื้นอแล้ว ขอบอกเลยว่าอยากจะทิ้งร่างไว้ตรงนั้นแล้ล่องลอยไปแต่วิญญาณเลยทีเดียวเชียว
[CR] Backpack ปากช่อง-ลำคลองงู แบงค์พันมีทอน
รีวิวกระทู้แรกของผม รูปอาจจะไม่สวย การจัดเรียง หรือแม้แต่ประโยคถ้อยคำอาจจะดูบ้านๆไปหน่อย มีถูกมีผิดบ้าง คงจะให้อภัยกันนะครับ จุดประสงค์ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางของผม ให้เป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากจะออกไปดูโลกกว้าง แต่ยังไม่กล้าลอง ผมหวังแค่เพียงว่าสิ่งที่ผมถ่ายทอดออกมามันจะเกิดประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย
ทริปนี้มันกระทันหันจนผมแทบไม่มีเวลาได้เตรียมตัว.....
ตริ้ง ตริ้งงงง ตื้ดๆ ระหว่างที่ผมนั่งเม้าท์กันกับเพื่อนในคลับท่องเที่ยวแบกเป้ลุยเดี่ยว และจิตอาสาพาเที่ยว ในแอฟพิเคชั่น Beetalk พูดถึงทริป ลำคลองงู ที่ผมกับเพื่อนๆจะไปกันในวันที่ 28-29 มี.ค มือก้กดเลื่อนหน้าจอดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย สายตาเหลือบไปเห็น เพจท่องเที่ยวเพจหนึ่ง (Palapilii thailand)โพสต์ประกาศรับสมัคร เพื่อนร่วมทริปหนึ่งคง ไปร่วมทริปลำคลองงู เห้ยยยยยๆๆ กำลังอยากไป เอาดิลองดู ผมนั่งเฝ้ากดRefresh ที่หน้าจอคอมตั้งแต่ก่อนเวลาที่เพจจะโพสประกาศรับสมัครตอน 2ทุ่ม ใครสมัครคนแรกได้สิทธ์ไปร่วมทริปกับเพจ 1 คน จนเวลา 2 ทุ่ม37 โพสรับสมัครจากเพจ ที่ผมเฝ้ากดRefreshอยู่เกือบชั่วโมง ก็เด้งขึ้นมา ผมรีบพิมพ์ทัก inbox ไปที่เพจ..... "ผมไปลำคลองงูด้วยคนนะครับ" ผ่านไปเกือบ 5นาที ผมนี่นั่งลุ้นการตอบกลับจากทางเพจตัวเกร็งเลยครัชช "โอเคครับ" ทางเพจตอบกลับมา เห้ยยยยยย นี่ผมไดไปใช่มั้ย "เดินทางตี2คืนนี้นะครับ" ข้อความถัดมาจากเพจ "ครับๆๆ" ผมรีบตอบกลับไป พร้อมทั้งจัดแจงยัดสิ่งของจำเป็นลงเป้ แล้วรีบออกเดินทาง มองดูนาฬิกา เชรดดดดด 3ทุ่มกว่าแล้วจะมีรถเข้า กทม มั้ยเนี่ย ไป ลองดูไม่มีก็ไปขึ้นที่สระบุรีก็ได้
ผมเริ่มต้นการเดินทางจาก บขส สระบุรี มุ่งหน้าเข้า กทม เป้าหมายจุดนัดพบที่ ม.รังสิต เอาแล้วไง ม.รังสิตมันอยู่ส่วนไหนของ กทม. (ผมนึกในใจ) ไม่รู้ยังไงก็ต้องไปให้ถึง ก่อนตี2 ให้ได้ ตี1ยี่สิบ ผมและสัมภาระ ก็มาประจำการที่จุดนัดพบ หน้า ม.รังสิต
ผม แวะเข้า 7/11 ซื้อของใช้ที่จำเป็น และเสบียงในการเดินทาง จนแล้วจนรอดรวมตัวกันครบ สมาชิก4คนก็ออกเดินทางกัน มุ่งหน้าสู่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ระหว่างทางบทสนทนาแนะนำตัว พร้อมทั้งที่มาที่ไป สารพัดเรื่องราวการท่องเที่ยว มันเป็นการพบกันครั้งแรกของผม กับคนที่ไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นหน้า ครั้งแรก นี่เป็นครั้งที่ 2ที่ผมเดินทางคนเดียวเพื่อที่จะไปเที่ยวกับ คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
05.50น แสงสว่างก็เริ่มส่องให้เห็นวิวทิวทัศน์ระหว่างทางที่ถูกปกครุมด้วยสายหมอก
การเดินทางเราใช้เส้นเดียวกับทางไปสังขละบุรี ถนนหมายเลข 323 จากสามแยก ทองผาภูมิ-สังขละบุรี เลี้ยวขวามาทางสังขะบุรี ขี่เข้ามาเรื่อยๆ ประมาณ30-40กม. จะมีแยกขวาเข้าไปอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ขี่ตามทางหลักเข้าไปอีกไกลพอสมควร ยึดเสาไฟฟ้าเป็นตัวนำทาง
เรามาถึงอุทยานกันเกือบๆ8 โมง ด้วยความใจเย็นเราแวะสั่งข้าว มื้อเช้าที่หน้าอุทยานแห่งชาติ ลง.1 เขาพระอินทร์
ลงจากรถมายืนชิวๆกัน ยืดเส้นยืดสาย พลางคิดในใจทำไมเงียบจังนี่เราก็มาถึงกันเช้านะ ไม่เห็นมีใครมาเลย สักพักเดียวเท่านั้นแหละครับ รถกระบะ4x4 บันทุกนักท่องเที่ยวก็ค่อยๆทะยอยกันออกมา ทีละคัน 3 คันผ่านไปข้าวที่สั่งก็ยังไม่เสร็จ รีบสิครัชชชชช ไม่กงไม่กินแล้ว ห่อๆๆๆใส่กล่องไปกินกลางวันเอา ระหว่างที่รอข้าวเราก็เปลี่ยนชุดที่พร้อมจะลุย
แล้วก็รีบเข้าไปติดต่อ อุทยานเพื่อลงชื่อยืนยันชื่อจองและชำระค่าใช่จ่าย มัวแต่ยืนชิวกัน 555 ตกรถสิครับ ต้องเหมารถกันไปเอง มาถึงแล้วนี่จะถอยได้ไง 4คนก็ไปครับ เราติดต่อเช่ารถจากอุทยานเพื่อจะเดินทางไป ถ้ำเสาหิน จุดหมายปลายทางทีจะไปลุยกันในวันแรก
การเดินทางไปถ้ำเสาหินจะต้องใช้รถทางอุทยานและผู้ชำนาญเส้นทางเท่านั้น
ระยะทางจากอทุยานไปยังถ้ำเสาหิน ประมาณ 9กม. ใครที่อยากเปลี่ยนสีผมให้นั่งด้านหลังนะครับ 555 ทางจะเป็นถนนลูกรัง ฝุ่นค่อนข้างเยอะ มีผ้าปิดจมูกติดไปด้วยจะดีครับ ***ข้อควรระวังในการนั่งรถไปยังถ้ำเสาหิน ถ้าจำนวนคนไม่เยอะให้นั่งลงด้านล่างกระบะเลยนะครับ อย่านั่งขอบกระบะ เพราะทางบางช่วง สูงชัน และคดเคี้ยว นั่งแบบไม่ระวังอาจจะพลัดตกเกดอุบัติเหตุเป็นอันตรายได้ เดี๋ยวเพื่อนๆร่วมทริปจะพากันหมดสนุกเอาได้
ชั่วอึดใจเดียวเราก็มาถึงจุดเริ่มต้นที่จะเดินไปยังถ้ำเสาหิน
พี่ๆเจ้าหน้าที่อุทยานบอกกับเราว่า ระยะทางแค่ 2กม. ก็ถึงปากถ้ำเเล้ว ฮึๆๆ (ผมแอบหัวเราะในใจ) กินขนมและตรู แค่ 2 กม. เอง เดินจ่ายตลาดเลยก็ยังได้ 555
ช่วงแรก จากจุดลงรถเพียงไม่กี่ก้าว เราก็ถึงแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ ก็คือป้าย อลังการแห่งลำคลองงู
ถ่ายรูปสิครัชชชช เก็นแลนด์มาร์คที่นี่เป็นที่แรก เราถ่ายรูปและคลิปเต้นกวนๆ อยู่พักนึงจึงเริ่มออกเดินกันต่อ
ช่วงแรกจะเป็นทางลงเขาอย่างเดียว ฟังไม่ผิดครับ ลงอย่างเดียวเลย พื้นจะเป็นดินปกครุมด้วยใบใผ่ ถ้าเดินเพลินๆก้มีโอกาสลื่นได้ วิวด้านข้างจะเป็น ป่าใผ่ส่ะส่วนใหญ่ สลับกับต้นไม้ใหญ่ ***เทคนิคที่ผมใช้ในการเดินทางลาดชันลงเขาตรงนี้ ผมจะไม่ก้าวยาวนะครับ จะก้าวสั้นๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อต้นขาทำงานเท่าๆกันข้างใดข้างหนึ่งไม่รับน้ำหนักตัวมากเกินไป ซึ่งนั่นก็อาจทำให้เรารู้สึกตึงๆ หรือปวดต้นขาได้ ซึ่งก็จะมีผลอย่างมากในขาขึ้น ตอนกลับนะ 5555 เดินมาถึงครึ่งทางก็เริ่มมีหิน หน้าผาให้เห็น ความโหดมันกำลังจะเริ่มต่อจากนีสินะ ริวสัมผัสได้ 555 ช่วงที่เริ่มเป็นหินให้ปีนป่ายลงไปยังด้านล่าง ช่วงนี้สมาธิสำคัญมากครับ ก่อนที่จะทิ้งน้ำหนักตัวลงไปที่เท้าอย่างเต็มที่ เราต้องเหยียบจุดที่คิดว่ามั่นคงมากที่สุด หาจุดจับยึดที่มั่นคง ตรงนี้ถ้าห่วงว่าอุ้งมือน้อยๆอันบอบบางของคุณจะเกิดลอยด้าน ก้เตรียมถุงมือมาใส่ได้นะครับ เหิ้มมมมมๆๆๆ (เสียงน้ำตก) เห้ยยยย ได้ยินเสียงน้ำตกแล้ว มีแรงหึดขึ้นมาทันทีครับ เมื่อลงมาถึงด้านล่าง สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันคือน้ำตกใสๆ
กลิ่นไอของละอองน้ำปลิวเข้ามมากระแทกหน้า หายเหนื่อยเลยครับ
*** ข้อควรระวัง สำคัญมากนะครับเมื่อมาถึงน้ำตก ถึงแม้จะเหนื่อย จะร้อนอยากลงเล่นน้ำ ก็ต้องพักสัก 10-20นาทีก่อนเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ คลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อก่อน ไม่ควรลงน้ำทันทีที่มาถึง เพราะเมื่อร่างกายปรับสภาพไม่ทัน โอกาสเกิดตะคริวมีสูง เนื่องจากน้ำที่น้ำตกเย็นมาก และสิ่งสำคัญก็ควรใส่ชูชีพทุกครั้งเวลาลงเล่นน้ำ ถึงแม้จะว่ายน้ำเป็นก็เถอะ เราหยุดพักเล่นน้ำกับฝูงปลา กินข้าวเติมเสบียงกันอยู่ครู่ใหญ่ๆ พร้อมกับเตรียมอุปกรณ์พรศักดิ์ เย้ยยยย อุปกรณ์ส่องแสงครับ 555 (มุขเสี่ยว) เพื่อที่จะเตรียมตัวเข้าไปในถ้ำ จำเป็นมากนะครับสำหรับไฟส่องสว่าง เพราะในถ้ำมืดสนิท (คนที่กลัวความมืดไม่ต้องกลัวนะครับ จำนวนนักท่องเที่ยวที่พลัดกันเข้าพลัดกันออก มีจำนวนมมากพอที่จะมีแสงสว่างพอสมควร) ภายในถ้ำช่วงแรกๆเราจะต้องลงน้ำ ว่ายน้ำทวนกระแสน้ำขึ้นไป สลับกับการปีนหินที่ค่อนข้างลื่นพอสมควร ในถ้ำการก้าวแต่ละก้าวจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างไกล้ชิดครับ
จากปากถ้ำ ว่ายน้ำ ปีนป่ายทวนน้ำมาไม่ไกลมากนัก เราก็จะเห็นแลนด์มาร์คอีกที่หนึ่ง คือ เสาหิน ขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่กลางถ้ำ เป็นเสาหินธรรมชาติที่สูงที่สุดในโลก วัดจากพื้นถึงยอดได้ 62.5เมตร ซึ่งสูงกว่าเสาหินที่สูงเป็นอันดับสองของโลกที่อยู่ในประเทศจีนถึงเกือบสองเท่า ( อันดับสองสูง 32 เมตร ) เสาหินนี้สำรวจโดยนายเคฟแมน นักสำรวจถ้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และได้บันทึกลงในกินเนสบู๊คไว้แล้ว ว่าเป็นเสาหินที่สูงที่สุดในโลก พวกเราเข้าไปกัน 4คน จึงมีเวลา ค่อนข้างมากที่จะเก็บภาพตรงจุดนี้ ภาพถ่ายฝีมือน้องโม (watermalon mo) ตากล้องประจำทริปนี้
แง๊ ง่วงแล้วอ่ะดิ ยังไมถึงตอนไฮไลท์เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้นะครับ
*** ผมตื่นขึ้นมาแบบเบลอๆ สมองยังตอบสนองได้ช้า ทำไงดีหว่า สาดแป้ปทีนเข้าไปกระตุ้นการทำงานของสมองให้รื้อฟื้นความทรงจำในวันนั้นกลับคืนมา เปิดเพลงใส่หูให้เข้าไปกระแทกโสทปรสาทสร้างอารมณ์ช่วยนิดนึง *** (อันนี้ผมบ่นเฉยๆนะครับไม่เกี่ยวอะไรกับข้อมูลในรีวิว)
มาต่อกันเลยดีกว่า เมื่อวานถึงไหนแล้ว เอิ่มมมม (นึกๆๆ) อ่อ ถึงตอนถ่ายรูปเสาหินที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความที่เป็นถ้ำ แน่นอน ในถ้ำต้องมี แบทแมนและโรบินฮู้ด (เกี่ยวอะไรกับแบทแมนและโรบินฮู้ดฟร่ะ ๕๕๕) ในถ้ำต้องมีค้างคาวครับ มีค้างคาวก็ต้องมีขี้ค้างคาว ถามว่ากลิ่นเป็นยังไง โดยส่วนตัวนะ เป็นคนสกปรกอยู่แล้ว กับอะไรประเภทนี้ผมเฉยๆนะ แหะๆ :p
เราอยู่ในถ้ำเป็นกลุ่มสุดท้าย ถ่ายรูปตรงจุดนี้อยู่นาน ต้องขอบคุณพี่สมหมาย เจ้าหน้าที่ที่ดูแลพวกเราด้วยครับ ที่ให้เราใช้เวลาตรงนี้อย่างเต็มที่ พอถ่ายเสร็จเราก็ต้องย้อนกลับออกทางเดิม ตอนกลับจะง่ายกว่าครับเพราะเราจะว่ายตามกระแสน้ำ ออกมา
ขากลับออกมาจากถ้ำนี่แหละครับ เราจะได้เริ่มกระโดดน้ำตกกันแล้ว
ออกมาจากปากถ้ำไม่ไกลก็ถึงจุดกระโดจุดแรกแล้วความสูงตรงจุดนี้ก็ไม่สูงมากครับ ราวๆ 2-3เมตร
สำหรับคนที่ไม่กล้าโดดเจ้าหน้าที่ก็จะพาเดินลัดเลาะตามน้ำตกมาอีกทาง หลังโดดเสร็จก็จะมีเวลาเตรียมตัว เติมพลัง เพื่อเพชิญกับทางสุดโหด ทางที่เราเดินลงมานั่นและครับ
พักกับพอหายเหนื่อยแล้วก็เริ่มเดินขึ้นกันเลย ช่วงนี้แหละครับเราต้องใช้พลังงานเยอะมาก เป็น2กม. ที่ยาวนานที่สุด ความรู้สึกว่ามันไกล้ แต่ตอนเดินมันไกล๊ไกล การเดินในขาขึ้นนี้ต้องจัดการพลังงานและร่างกายให้ดีๆ เทคนิคที่ผมใช้ก้คือ การเดินตลอด และต่อเนื่อง จะไม่หยุดถ้าไม่จำเป็นนะครับ เพราะถ้าหยุดพักได้นั่งก้นสำผัสพื้นอแล้ว ขอบอกเลยว่าอยากจะทิ้งร่างไว้ตรงนั้นแล้ล่องลอยไปแต่วิญญาณเลยทีเดียวเชียว