ใครเป็นโรคกรดไหลย้อน เข้ามาอ่านเป็นข้อมูลได้คะ
ขอเริ่มเกริ่นนะคะ เราเป็นกรดไหลย้อนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557 ตอนนี้ก็ประมานสามเดือนกว่าๆแล้ว อาการดีขึ้นแล้วคะ แต่ยังไม่หายขาด
อาการเริ่มแรก : อาหารที่กินลงไปมันจะดันๆขึ้นมาคาๆอยู่ที่คอ กลืนน้ำลายติดคอ นอกนั้นปกติคะ ไม่มีอาการแสบร้อนกลางอก หรืออาเจียน
ตอนแรกก็พะวงมากหาอ่านในเนต ตัวเองต้องเป็นโรคกรดไหลย้อนแน่ๆ เลยตัดสินใจไปพบแพทย์ แล้วก็ได้ยาลดกรดมากิน กินไปจนยาหมดก็ไม่หาย เลยตัดสินใจพบแพทย์ใหม่ คราวนี้ไป ร.พ.พญาไท2 เลือกแพทย์เองเลย ด้วยความที่เป็นโรควิตกกังวล เลยได้ความเครียดมาเพิ่ม ทำให้อาการหนักขึ้นกว่าเดิม แล้วก็ได้ยามาทาน 3 ตัว ทานไปจนหมดก็ยังไม่หาย เลยขอหมอส่องกล้องเลยคะ
การส่องกล้อง : เราส่องกล้องที่พญาไท 2 ที่ตัดสินใจส่องเพราะว่าอยากรู้ว่าสาเหตุเกิดมาจากอะไร จะได้กินยาอย่างถูกต้อง การส่องกล้องที่นี่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ ทางรพ.จะฉีดยาเข้าเส้นทำให้เราสลึมสลือแล้วก็หลับ พอตื่นขึ้นมาก็ส่องเสร็จเรียบร้อยแล้วคะ ใช้เวลาประมาน 30 นาที ค่าใช้จ่ายเราเบิกประกันได้เลยไม่ต้องเสียคะ แต่ถ้าปกติก็ประมานไม่เกิน 1 หมื่นบาท สรป จากผลการส่องกล้อง หูรูดกะเพาะเราหลวมคะ ทำงานไม่เป็นปกติ ทำให้อาหารที่ทานลงไป สามารถขึ้นมาได้ รวมทั้งกรดก็สามารถไหลย้อนขึ้นมาได้เช่นกัน
คุณหมอให้ยามาทาน 3 ตัวคะ คร่าวๆ คือ ยาลดกรด ยาที่ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดทำงานได้ดีขึ้น ยาลดความไวของเส้นประสาทในทางเดินอาหาร
อาการระหว่างทานยา : อย่างที่บอกคือมีความเครียดเพิ่มมาด้วยเลยทำให้กรดในกะเพาะยิ่งเยอะ แล้วทำให้อาการหนักขึ้น ก็จะมีอาการแสบๆที่ลำคอ อาการกลืนน้ำลายติดยังมีอยู่ อาการท้องผูกก็มีคะเพราะว่าทานยา บางวันก็มีกลื่นเลือดขึ้นมาที่คอคุณหมอบอกว่า กรดมันไหลขึ้นมาที่คอแล้วโดนเส้นเลือดฝอยที่ลำคอแตกคะ ตอนมีอาการแสบคอเรากินกาวิสคอนร่วมด้วยคะ
การปฏิบัติตัวในการทานอาหาร :
1. ทานอาหารให้ตรงเวลา (อันนี้สำคัญมาก) อันนี้เป็นสาเหตุสำคัญของเราเลยที่ทำให้เป็นโรคนี้ เพราะว่าเมื่อก่อนทานอาหารไม่ตรงเวลาเลย แล้วก็ทานสายหรือบ่ายไปเลย ทานไม่ครบมื้อ
2. ทานผักผลไม้ จะได้ท้องไม่ผูก การถ่ายท้องเป็นประจำทำให้ของเสียที่หมักหมมออกไปจากร่างกาย
3. ทานอาหารที่รสไม่จัด ไม่เผ็ดไปสักช่วงระยะนึงก่อนคะ รอให้อาการดีขึ้นก็จะเร่ิ่มกลับมาทานได้บ้าง
4. ลดอาหารทอด ของมันไม่ต้องทานเลยคะ
5. งดน้ำอัดลม ชา กาแฟ
6. อย่านอนดึกคะ แล้วเวลานอนก็นอนหมอนสูงๆหน่อย
7. ทานอาหารแล้วรอสัก 2-3 ชม.ก่อนนะคะ ค่อยเอนตัวนอน
8. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
9. อย่าทานน้ำหลังจากทานอาหารเสร็จใหม่ๆ คะ น้ำจะไปลดน้ำย่อยในกะเพราะทำให้อาหารไม่ย่อยแล้วท้องจะผูก ทานหลังจากทานอาหารไปแล้วประมาน 15-20 นาทีคะ
*อัพเดทอาการตอนนี้เราก็อาการดีขึ้นแล้วนะคะ ไม่ได้ทานอะไรเพิ่มเติม ไม่ได้ทานกล้วยน้ำว้า ไม่ได้ทานน้ำกะเพรา ทานแต่ยาและปรับพฤติกรรมการกินอาหาร อันนี้สำคัญที่สุดนะคะ เพราะสาเหตุการเป็นกรดไหลย้อนของเราอยู่ที่หูรูดทำงานไม่ปกติ แต่ถ้าเป็นท่านอื่นต้องหาสาเหตุให้เจอแล้วแก้ให้ถูกจุดคะ โรคนี้ต้องใจเย็นๆหน่อยนะคะ จะมาให้หายไวดั่งใจคิดเป็นไปไม่ได้คะ ทานยาไปตอนแรกเหมือนจะไม่ค่อยช่วยอะไร เราก็ต้องทานคะ ทานต่อเนื่อง 1-2 เดือนคะ ถึงจะเห็นผล ประกอบกับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารของเราด้วย จะหายไวยิ่งขึ้นคะ ตอนนี้ก็ยังมีอาการอยู่บ้าง แล้วตอนนี้เราก็หยุดยาแล้วคะ อาศัยปรับพฤติกรรมการกินเอา ทานอาหารที่อยากกินได้บ้างแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเราจะรู้ตัวเองดีที่สุดคะ ว่าอะไรทานได้หรือทานไม่ได้ เราต้องลองเองนะคะ คุณหมอบอกว่าให้เราสังเกตเองว่าเราทานอะไรได้หรือไม่ได้ แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ในเรื่องของการทานอาหารไม่มีข้อห้ามตายตัว ต้องลองเองแล้วเราจะรู้ว่าอะไรทานไม่ได้สำหรับตัวเรา
*ที่สำคัญ พยายามอย่าเครียดนะคะ อย่าไปอ่านเนตหรือกระทู้มาก จิตจะตกคะ เพราะเราเคยเป็นมาก่อน มีอะไรถามหมอเค้าจะรู้ดีที่สุดคะ สุดท้ายนี้เราก็ขอให้กำลังใจทุกท่านที่เป็นโรคนี้อยู่นะคะ โรคนี้อาจจะไม่หายขาดหรือหายขาด แต่เชื่อว่าโรคนี้จะค่อยๆดีขึ้นเมื่อเราหันมาดูแลตัวเอง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆคะ มีอะไรสอบถามได้หลังไมค์นะคะ ยินดีตอบคะ หวังว่าข้อมูลที่เขียนมาคงจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านที่เป็นโรคนี้ได้ไม่มาก็น้อยนะคะ ให้กำลังใจทุกท่านที่เป็นอยู่คะ ^^
ใครเป็นโรคกรดไหลย้อน เข้ามาอ่านเป็นข้อมูลได้คะ
ขอเริ่มเกริ่นนะคะ เราเป็นกรดไหลย้อนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557 ตอนนี้ก็ประมานสามเดือนกว่าๆแล้ว อาการดีขึ้นแล้วคะ แต่ยังไม่หายขาด
อาการเริ่มแรก : อาหารที่กินลงไปมันจะดันๆขึ้นมาคาๆอยู่ที่คอ กลืนน้ำลายติดคอ นอกนั้นปกติคะ ไม่มีอาการแสบร้อนกลางอก หรืออาเจียน
ตอนแรกก็พะวงมากหาอ่านในเนต ตัวเองต้องเป็นโรคกรดไหลย้อนแน่ๆ เลยตัดสินใจไปพบแพทย์ แล้วก็ได้ยาลดกรดมากิน กินไปจนยาหมดก็ไม่หาย เลยตัดสินใจพบแพทย์ใหม่ คราวนี้ไป ร.พ.พญาไท2 เลือกแพทย์เองเลย ด้วยความที่เป็นโรควิตกกังวล เลยได้ความเครียดมาเพิ่ม ทำให้อาการหนักขึ้นกว่าเดิม แล้วก็ได้ยามาทาน 3 ตัว ทานไปจนหมดก็ยังไม่หาย เลยขอหมอส่องกล้องเลยคะ
การส่องกล้อง : เราส่องกล้องที่พญาไท 2 ที่ตัดสินใจส่องเพราะว่าอยากรู้ว่าสาเหตุเกิดมาจากอะไร จะได้กินยาอย่างถูกต้อง การส่องกล้องที่นี่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ ทางรพ.จะฉีดยาเข้าเส้นทำให้เราสลึมสลือแล้วก็หลับ พอตื่นขึ้นมาก็ส่องเสร็จเรียบร้อยแล้วคะ ใช้เวลาประมาน 30 นาที ค่าใช้จ่ายเราเบิกประกันได้เลยไม่ต้องเสียคะ แต่ถ้าปกติก็ประมานไม่เกิน 1 หมื่นบาท สรป จากผลการส่องกล้อง หูรูดกะเพาะเราหลวมคะ ทำงานไม่เป็นปกติ ทำให้อาหารที่ทานลงไป สามารถขึ้นมาได้ รวมทั้งกรดก็สามารถไหลย้อนขึ้นมาได้เช่นกัน
คุณหมอให้ยามาทาน 3 ตัวคะ คร่าวๆ คือ ยาลดกรด ยาที่ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดทำงานได้ดีขึ้น ยาลดความไวของเส้นประสาทในทางเดินอาหาร
อาการระหว่างทานยา : อย่างที่บอกคือมีความเครียดเพิ่มมาด้วยเลยทำให้กรดในกะเพาะยิ่งเยอะ แล้วทำให้อาการหนักขึ้น ก็จะมีอาการแสบๆที่ลำคอ อาการกลืนน้ำลายติดยังมีอยู่ อาการท้องผูกก็มีคะเพราะว่าทานยา บางวันก็มีกลื่นเลือดขึ้นมาที่คอคุณหมอบอกว่า กรดมันไหลขึ้นมาที่คอแล้วโดนเส้นเลือดฝอยที่ลำคอแตกคะ ตอนมีอาการแสบคอเรากินกาวิสคอนร่วมด้วยคะ
การปฏิบัติตัวในการทานอาหาร :
1. ทานอาหารให้ตรงเวลา (อันนี้สำคัญมาก) อันนี้เป็นสาเหตุสำคัญของเราเลยที่ทำให้เป็นโรคนี้ เพราะว่าเมื่อก่อนทานอาหารไม่ตรงเวลาเลย แล้วก็ทานสายหรือบ่ายไปเลย ทานไม่ครบมื้อ
2. ทานผักผลไม้ จะได้ท้องไม่ผูก การถ่ายท้องเป็นประจำทำให้ของเสียที่หมักหมมออกไปจากร่างกาย
3. ทานอาหารที่รสไม่จัด ไม่เผ็ดไปสักช่วงระยะนึงก่อนคะ รอให้อาการดีขึ้นก็จะเร่ิ่มกลับมาทานได้บ้าง
4. ลดอาหารทอด ของมันไม่ต้องทานเลยคะ
5. งดน้ำอัดลม ชา กาแฟ
6. อย่านอนดึกคะ แล้วเวลานอนก็นอนหมอนสูงๆหน่อย
7. ทานอาหารแล้วรอสัก 2-3 ชม.ก่อนนะคะ ค่อยเอนตัวนอน
8. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
9. อย่าทานน้ำหลังจากทานอาหารเสร็จใหม่ๆ คะ น้ำจะไปลดน้ำย่อยในกะเพราะทำให้อาหารไม่ย่อยแล้วท้องจะผูก ทานหลังจากทานอาหารไปแล้วประมาน 15-20 นาทีคะ
*อัพเดทอาการตอนนี้เราก็อาการดีขึ้นแล้วนะคะ ไม่ได้ทานอะไรเพิ่มเติม ไม่ได้ทานกล้วยน้ำว้า ไม่ได้ทานน้ำกะเพรา ทานแต่ยาและปรับพฤติกรรมการกินอาหาร อันนี้สำคัญที่สุดนะคะ เพราะสาเหตุการเป็นกรดไหลย้อนของเราอยู่ที่หูรูดทำงานไม่ปกติ แต่ถ้าเป็นท่านอื่นต้องหาสาเหตุให้เจอแล้วแก้ให้ถูกจุดคะ โรคนี้ต้องใจเย็นๆหน่อยนะคะ จะมาให้หายไวดั่งใจคิดเป็นไปไม่ได้คะ ทานยาไปตอนแรกเหมือนจะไม่ค่อยช่วยอะไร เราก็ต้องทานคะ ทานต่อเนื่อง 1-2 เดือนคะ ถึงจะเห็นผล ประกอบกับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารของเราด้วย จะหายไวยิ่งขึ้นคะ ตอนนี้ก็ยังมีอาการอยู่บ้าง แล้วตอนนี้เราก็หยุดยาแล้วคะ อาศัยปรับพฤติกรรมการกินเอา ทานอาหารที่อยากกินได้บ้างแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเราจะรู้ตัวเองดีที่สุดคะ ว่าอะไรทานได้หรือทานไม่ได้ เราต้องลองเองนะคะ คุณหมอบอกว่าให้เราสังเกตเองว่าเราทานอะไรได้หรือไม่ได้ แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ในเรื่องของการทานอาหารไม่มีข้อห้ามตายตัว ต้องลองเองแล้วเราจะรู้ว่าอะไรทานไม่ได้สำหรับตัวเรา
*ที่สำคัญ พยายามอย่าเครียดนะคะ อย่าไปอ่านเนตหรือกระทู้มาก จิตจะตกคะ เพราะเราเคยเป็นมาก่อน มีอะไรถามหมอเค้าจะรู้ดีที่สุดคะ สุดท้ายนี้เราก็ขอให้กำลังใจทุกท่านที่เป็นโรคนี้อยู่นะคะ โรคนี้อาจจะไม่หายขาดหรือหายขาด แต่เชื่อว่าโรคนี้จะค่อยๆดีขึ้นเมื่อเราหันมาดูแลตัวเอง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆคะ มีอะไรสอบถามได้หลังไมค์นะคะ ยินดีตอบคะ หวังว่าข้อมูลที่เขียนมาคงจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านที่เป็นโรคนี้ได้ไม่มาก็น้อยนะคะ ให้กำลังใจทุกท่านที่เป็นอยู่คะ ^^