3-4-3 เข้าใจว่าเปลี่ยนแปลงได้ยาก เพราะนักเตะเริ่มคุ้นเคยกันมากๆแล้ว แม้แมนยู จะมีคาร์ริค อันเรร่า มาต้า วาเลนเซีย ยัง ที่เริ่มจะจูนกันติดเมื่อ rvg เริ่มตาสว่าง
แต่ปัญหาจากเกมสำคัญๆ br มักจะเปลั่ยนแปลงวิธีการเล่น ทั้งๆที่นักเตะเริ่มจะมั่นใจ
อย่างที่ว่า นัดนี้เป็นนัดสำคัญหรือเรียกว่าพีคสุดๆ สำหรับโควต้า ucl ความกดดันย่อมตามมาเป็นธรรมดา
ดูจากระบบการเล่น br วันนี้ถอย มิดฟิลด์อย่าง เฮนโด้ และ อัลเลน อยู่ใกล้หน้าเซนเตอร์มากขึ้น ทำให้เหลืองช่องโหว่ที่ตรงกลาง และ กองหน้า
การเพรสซิ่งทำได้แค่ช่วงเดียว ในจังหวะที่สเตอริด ลัลลาน่า คุตินโญ่ โดยขาดการสนับสนุนจาก เฮนโด้ และ อัลเลน ทำให้แมนยูกล้าครองบอลมากขึ้น
แต่เราเห็นด้วย ที่ส่งเจอราด ลงมา เพราะเวลาแบบนี้ทีมระส่ำและไม่นิ่ง บางครั้งการมีกัปตันมันก็เหมือนศูนย์รวมกำลังใจของทีม แต่คืนนี้เปนวันที่เจอราด ตั้งใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้
เราไม่โทษเจอราดเลยนะ เพราะลงมาครั้งแรก ก็อัดบอลเข้าสกัดหนักหน่วง เจ้าตัวก้อพยายามเต็มที่เพื่อลูกทีม เพื่อการกลับมา สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้ การที่เจอราดโดนดรอปและลงมาครึ่งหลังแบบนี้ ทำให้ความกระหายจัดเต็มมันล้นปรี่ออกมาจนเกินงามไปหน่อยก็เถอะ
สิ่งเดียวที่เราเห็นจาก br คือความเก๋าเมื่อถึงเวลาสำคัญๆ นัดนี้ทำให้เราคิดถึงนัดเซลซีของฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งมันก้อใกล้เคียงการตัดสินแชมป์ได้เลย
ลิเวอร์พูล ตอนนั้นที่มีซัวเรส เพิ่งคว่ำ แมนซิตี้ มาแบบระทึก ซึ่งใครต่อใครคิดไปไกล รวมทั้งเรามองว่า ถ้าลิเวอร์พูล เล่นแบบไม่ต้องกลัวใคร เล่นแบบกดดันด้วยความเร็ว มันก็คิดถึงแชมป์ได้ใช่ไม๊ครับ
แต่ผิดคลาด เมื่อการเล่นกับเซลซี มันไม่ใช่สไตส์ที่ลิเวอร์พูลร้อนแรงมาก่อนหน้านี้
นัดนี้ก็ให้กองกลางยืนต่ำเกินไป การเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินไป ที่เกิดขึ้นเราว่า br คือส่วนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบ
เพื่อนๆคิดว่ายังไงบ้างครับ
BR กดดันอะไรหรือเปล่าครับ ถึงเกมสำคัญกลับเล่นไม่เหมือนที่เคยเป็น
แต่ปัญหาจากเกมสำคัญๆ br มักจะเปลั่ยนแปลงวิธีการเล่น ทั้งๆที่นักเตะเริ่มจะมั่นใจ
อย่างที่ว่า นัดนี้เป็นนัดสำคัญหรือเรียกว่าพีคสุดๆ สำหรับโควต้า ucl ความกดดันย่อมตามมาเป็นธรรมดา
ดูจากระบบการเล่น br วันนี้ถอย มิดฟิลด์อย่าง เฮนโด้ และ อัลเลน อยู่ใกล้หน้าเซนเตอร์มากขึ้น ทำให้เหลืองช่องโหว่ที่ตรงกลาง และ กองหน้า
การเพรสซิ่งทำได้แค่ช่วงเดียว ในจังหวะที่สเตอริด ลัลลาน่า คุตินโญ่ โดยขาดการสนับสนุนจาก เฮนโด้ และ อัลเลน ทำให้แมนยูกล้าครองบอลมากขึ้น
แต่เราเห็นด้วย ที่ส่งเจอราด ลงมา เพราะเวลาแบบนี้ทีมระส่ำและไม่นิ่ง บางครั้งการมีกัปตันมันก็เหมือนศูนย์รวมกำลังใจของทีม แต่คืนนี้เปนวันที่เจอราด ตั้งใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้
เราไม่โทษเจอราดเลยนะ เพราะลงมาครั้งแรก ก็อัดบอลเข้าสกัดหนักหน่วง เจ้าตัวก้อพยายามเต็มที่เพื่อลูกทีม เพื่อการกลับมา สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้ การที่เจอราดโดนดรอปและลงมาครึ่งหลังแบบนี้ ทำให้ความกระหายจัดเต็มมันล้นปรี่ออกมาจนเกินงามไปหน่อยก็เถอะ
สิ่งเดียวที่เราเห็นจาก br คือความเก๋าเมื่อถึงเวลาสำคัญๆ นัดนี้ทำให้เราคิดถึงนัดเซลซีของฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งมันก้อใกล้เคียงการตัดสินแชมป์ได้เลย
ลิเวอร์พูล ตอนนั้นที่มีซัวเรส เพิ่งคว่ำ แมนซิตี้ มาแบบระทึก ซึ่งใครต่อใครคิดไปไกล รวมทั้งเรามองว่า ถ้าลิเวอร์พูล เล่นแบบไม่ต้องกลัวใคร เล่นแบบกดดันด้วยความเร็ว มันก็คิดถึงแชมป์ได้ใช่ไม๊ครับ
แต่ผิดคลาด เมื่อการเล่นกับเซลซี มันไม่ใช่สไตส์ที่ลิเวอร์พูลร้อนแรงมาก่อนหน้านี้
นัดนี้ก็ให้กองกลางยืนต่ำเกินไป การเปลี่ยนแปลงที่เร็วเกินไป ที่เกิดขึ้นเราว่า br คือส่วนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบ
เพื่อนๆคิดว่ายังไงบ้างครับ