เนื้อเรื่องย่อ : เป็นเรื่องของเอลล่า-ซินเดอเรลล่า นิทานสุดคลาสสิคที่หญิงสาวสามัญชนธรรมดา ประสบความสำเร็จในการอ่อยเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ด้วยการทิ้งรองเท้าแก้วไว้เป็นที่ระลึก
- ด้านตัวละคร
แน่นอนว่าตัวละครแรกที่เราจะพูดถึงก็คือ 'Cinderella' (Lily James) หญิงสาวผู้แสนดี๊ ...... แสนดี ดีเท่าที่ท่านจะนึกภาพออกนั่นแหละ ซึ่งถึงแม้บทบาทอันดีงามของตัวละครมันออกจะล้าสมัยชวนหงุดหงิดใจไปบ้าง แต่ด้วยจริตจะก้านที่กรีดกรายเหลือรับประทานของนาง ทำให้ผู้ชมอย่างเราให้อภัยได้ในทันที (ยิ่งโดยเฉพาะฉากร้องไห้ริมระเบียงนั้นเล่นเอาใจไปเลย ขำจนปวดท้อง)
ทางด้านฝั่ง 'Prince-เจ้าชาย' (Richard Madden) ซึ่งแฟนๆ Game of Thrones หลายๆคนแอบตามมากรี๊ดนั้นก็ถือว่ารับบทบาทได้ดี ถึงแม้มิติจะไม่ได้กว้างเท่าไหร่เพราะหนังใช้เวลาส่วนมากไปกับนางเอกเสียก่อน แต่รอยยิ้มกระชากใจประดุจมีเสียง 'วิ๊ง' นั้นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เรียกได้ว่าเอาพี่แกมาทำยืนหล่อใส่กางเกงฟิตๆแล้วก็ยืนเคลิ้มกับนางก็พอแล้วล่ะ
ส่วนทางด้าน 'Stepmother-แม่เลี้ยง' (ทำไมตัวละครหนังเรื่องนี้มันไม่มีชื่อฟะ-*-) ก็ได้ดาราเจ้าบทบาทอย่าง Cate Blanchett หรือเทพธิดา Galadriel แห่ง the lord of the rings มาเติมเต็มได้อย่างครบถ้วน ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือตัวละครแม่เลี้ยงใจร้ายที่เราเคยเกลียดแสนเกลียดนั้น กลับถูกเติมเต็มความเป็นมนุษย์ได้อย่างดีงามในเรื่องนี้ การเพิ่มปมหรือเหตุและผลในการกระทำของตัวละครทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น และในบางมุมนางอาจจะสวยกว่านางเอกของเรื่องก็ว่าได้ (คหสต)
- ด้านการดำเนินเรื่อง
อย่างที่กล่าวไว้ว่า Cinderella เลือกที่จะดำเนินเรื่องอย่างตรงไปตรงมา โดยยกเอาเค้าเรื่องทั้งหมดมาจากนิทานชนิดไม่มีปรับเปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งข้อดีในจุดนี้ก็คงจะเป็นการที่ผู้ชมสามารถถกประเด็นหนังได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะสปอยล์หรือไม่ แต่ถึงแม้หนังจะเดินเรื่องอย่างเรียบง่ายเดาได้, ผู้สร้างก็ยังเลือกที่จะ 'เติมเต็มเรื่องราว' ให้กับตัวละครทั้งหลายเพื่อเพิ่มความเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น
ซึ่งการสอดแทรกที่กล่าวถึงไว้ข้างต้น อาทิการอธิบายโดยนัยยะว่าเหตุใด'แม่เลี้ยง' ต้องใจร้าย? ที่จะสื่อออกมาให้เราเห็นถึง 'ความจำเป็น' ของตัวละครที่หวังสิ่งดีๆให้ลูกตน หรือความริษยาของนางที่ไม่สามารถแทนที่ตัวเองเข้าไปในช่องว่างของ เอลล่าและพ่อได้ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นแรงขับดันที่แลดูมีเหตุผลมากขึ้น .. ผิดกับด้านของตัว Ella เอง ที่มีความไม่ชัดเจนในตัวละครสูง (จนอาจทำให้เราหงุดหงิด) ทั้งการที่ยึดติดการเป็นคนดีจนล้ำเส้นเข้าไปถึงขอบเขตของคนโง่ หรือตรรกะกับความยึดติดในบ้านของพ่อซึ่งขัดแย้งกับการกระทำของตัวเองในตอนท้ายไปเสียหมด
แต่ความบันเทิงอย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับเลย คือจริตในการกรีดกรายของนางเอกที่เรียกได้ว่า 'อ่อยขั้นเทพ' (เจ้าชายจะไม่หลงยังไงไหว) ทั้งเล่นหูเล่นตา ยักไหล่และ gesturesอื่นๆอีกมากมาย, นี่ยังไม่พูดถึงฉากหยอกเย้าของพระ-นาง ที่ชวนเขินอายม้วนต้วนเสียอย่างปฏิเสธมิได้ (แม่นางที่ไปดูกับผู้เขียนถึงกับตบ-จิกเบาะด้วยความสะใจอยู่บ่อยครั้ง) แต่ที่แป้กอยู่เนืองๆคือมุกที่หนังตั้งใจเล่น กล่าวโดยง่ายก็คือการกระทำที่ไม่ตั้งใจให้ขำทุกอย่างในเรื่องนี่แหละ คือส่วนที่ชวนให้เราหัวเราะได้ตลอดเวลาจริงๆ
- ด้านงานภาพ-เพลงประกอบ
งานของดิสนี่ย์ยังไว้ลายความอลังการของการเล่นฉาก-กราฟฟิคและเพลงประกอบที่ชนะเลิศไม่ขาดตกบกพร่อง ทำให้คุมธีมหนังได้อย่างเหมาะสมตลอดชั่วโมงหนัง ในจุดนี้คงไม่มีอะไรให้ตำหนิ
"Cinderella เป็นการนำเสนอเรื่องราวในความทรงจำวัยเด็กของเรา ให้ออกมาเป็นอะไรที่สมจริงและมีน้ำหนักมากขึ้น การจงใจสวมบทบาทที่แลดูเชยกลับกลายเป็นเสน่ห์ที่เรียกความบันเทิงจากผู้ชมได้ดี และการแสดงที่เหมาะสมของนักแสดงเจ้าบทบาททุกคนก็ช่วยเติมเต็มนิทานเรื่องนี้ ให้กลายเป็นภาพยนต์ที่สมบูรณ์ เหมาะสมที่จะไปลองดูซักครั้ง"
ป.ล. มี Frozen ตอนพิเศษฉายให้ดูสั้นๆก่อนหนังเริ่มด้วยนะ
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 7.5/10
จะร้องไห้ หาระเบียงไม่ก็ขอบบ่อน้ำแปป by Jayz Hunhaboon
ติดตามรีวิวเก่าๆได้ที่ :
https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=3
[REVIEW]Cinderella - นิทานที่ถูกเติมเต็ม
- ด้านตัวละคร
แน่นอนว่าตัวละครแรกที่เราจะพูดถึงก็คือ 'Cinderella' (Lily James) หญิงสาวผู้แสนดี๊ ...... แสนดี ดีเท่าที่ท่านจะนึกภาพออกนั่นแหละ ซึ่งถึงแม้บทบาทอันดีงามของตัวละครมันออกจะล้าสมัยชวนหงุดหงิดใจไปบ้าง แต่ด้วยจริตจะก้านที่กรีดกรายเหลือรับประทานของนาง ทำให้ผู้ชมอย่างเราให้อภัยได้ในทันที (ยิ่งโดยเฉพาะฉากร้องไห้ริมระเบียงนั้นเล่นเอาใจไปเลย ขำจนปวดท้อง)
ทางด้านฝั่ง 'Prince-เจ้าชาย' (Richard Madden) ซึ่งแฟนๆ Game of Thrones หลายๆคนแอบตามมากรี๊ดนั้นก็ถือว่ารับบทบาทได้ดี ถึงแม้มิติจะไม่ได้กว้างเท่าไหร่เพราะหนังใช้เวลาส่วนมากไปกับนางเอกเสียก่อน แต่รอยยิ้มกระชากใจประดุจมีเสียง 'วิ๊ง' นั้นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เรียกได้ว่าเอาพี่แกมาทำยืนหล่อใส่กางเกงฟิตๆแล้วก็ยืนเคลิ้มกับนางก็พอแล้วล่ะ
ส่วนทางด้าน 'Stepmother-แม่เลี้ยง' (ทำไมตัวละครหนังเรื่องนี้มันไม่มีชื่อฟะ-*-) ก็ได้ดาราเจ้าบทบาทอย่าง Cate Blanchett หรือเทพธิดา Galadriel แห่ง the lord of the rings มาเติมเต็มได้อย่างครบถ้วน ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือตัวละครแม่เลี้ยงใจร้ายที่เราเคยเกลียดแสนเกลียดนั้น กลับถูกเติมเต็มความเป็นมนุษย์ได้อย่างดีงามในเรื่องนี้ การเพิ่มปมหรือเหตุและผลในการกระทำของตัวละครทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น และในบางมุมนางอาจจะสวยกว่านางเอกของเรื่องก็ว่าได้ (คหสต)
- ด้านการดำเนินเรื่อง
อย่างที่กล่าวไว้ว่า Cinderella เลือกที่จะดำเนินเรื่องอย่างตรงไปตรงมา โดยยกเอาเค้าเรื่องทั้งหมดมาจากนิทานชนิดไม่มีปรับเปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งข้อดีในจุดนี้ก็คงจะเป็นการที่ผู้ชมสามารถถกประเด็นหนังได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะสปอยล์หรือไม่ แต่ถึงแม้หนังจะเดินเรื่องอย่างเรียบง่ายเดาได้, ผู้สร้างก็ยังเลือกที่จะ 'เติมเต็มเรื่องราว' ให้กับตัวละครทั้งหลายเพื่อเพิ่มความเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น
ซึ่งการสอดแทรกที่กล่าวถึงไว้ข้างต้น อาทิการอธิบายโดยนัยยะว่าเหตุใด'แม่เลี้ยง' ต้องใจร้าย? ที่จะสื่อออกมาให้เราเห็นถึง 'ความจำเป็น' ของตัวละครที่หวังสิ่งดีๆให้ลูกตน หรือความริษยาของนางที่ไม่สามารถแทนที่ตัวเองเข้าไปในช่องว่างของ เอลล่าและพ่อได้ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นแรงขับดันที่แลดูมีเหตุผลมากขึ้น .. ผิดกับด้านของตัว Ella เอง ที่มีความไม่ชัดเจนในตัวละครสูง (จนอาจทำให้เราหงุดหงิด) ทั้งการที่ยึดติดการเป็นคนดีจนล้ำเส้นเข้าไปถึงขอบเขตของคนโง่ หรือตรรกะกับความยึดติดในบ้านของพ่อซึ่งขัดแย้งกับการกระทำของตัวเองในตอนท้ายไปเสียหมด
แต่ความบันเทิงอย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับเลย คือจริตในการกรีดกรายของนางเอกที่เรียกได้ว่า 'อ่อยขั้นเทพ' (เจ้าชายจะไม่หลงยังไงไหว) ทั้งเล่นหูเล่นตา ยักไหล่และ gesturesอื่นๆอีกมากมาย, นี่ยังไม่พูดถึงฉากหยอกเย้าของพระ-นาง ที่ชวนเขินอายม้วนต้วนเสียอย่างปฏิเสธมิได้ (แม่นางที่ไปดูกับผู้เขียนถึงกับตบ-จิกเบาะด้วยความสะใจอยู่บ่อยครั้ง) แต่ที่แป้กอยู่เนืองๆคือมุกที่หนังตั้งใจเล่น กล่าวโดยง่ายก็คือการกระทำที่ไม่ตั้งใจให้ขำทุกอย่างในเรื่องนี่แหละ คือส่วนที่ชวนให้เราหัวเราะได้ตลอดเวลาจริงๆ
- ด้านงานภาพ-เพลงประกอบ
งานของดิสนี่ย์ยังไว้ลายความอลังการของการเล่นฉาก-กราฟฟิคและเพลงประกอบที่ชนะเลิศไม่ขาดตกบกพร่อง ทำให้คุมธีมหนังได้อย่างเหมาะสมตลอดชั่วโมงหนัง ในจุดนี้คงไม่มีอะไรให้ตำหนิ
"Cinderella เป็นการนำเสนอเรื่องราวในความทรงจำวัยเด็กของเรา ให้ออกมาเป็นอะไรที่สมจริงและมีน้ำหนักมากขึ้น การจงใจสวมบทบาทที่แลดูเชยกลับกลายเป็นเสน่ห์ที่เรียกความบันเทิงจากผู้ชมได้ดี และการแสดงที่เหมาะสมของนักแสดงเจ้าบทบาททุกคนก็ช่วยเติมเต็มนิทานเรื่องนี้ ให้กลายเป็นภาพยนต์ที่สมบูรณ์ เหมาะสมที่จะไปลองดูซักครั้ง"
ป.ล. มี Frozen ตอนพิเศษฉายให้ดูสั้นๆก่อนหนังเริ่มด้วยนะ
คะแนนความเห็นส่วนตัว : 7.5/10
จะร้องไห้ หาระเบียงไม่ก็ขอบบ่อน้ำแปป by Jayz Hunhaboon
ติดตามรีวิวเก่าๆได้ที่ : https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=3