ผมเองเป็นเด็กที่คนอื่นๆจะเรียกว่า "เด็กเก่ง" อันที่จริงผมไม่ชอบหรอก ผมอยากให้เรียกว่า "เด็กขยัน" มากกว่า
ตัวผมเองเป็นเด็กรุ่น 57 ตอนนี้เรียนปี 1 ที่คณะแพทย์แห่งหนึ่งในประเทศไทยนี่แหละครับ หวังว่าจะไม่ทำให้เพื่อนๆ
พี่ๆน้องๆเสียเวลาในการอ่านกระทู้นี้ และอยากเป็นทั้งข้อคิดและกำลังใจด้วย
เกริ่นก่อนว่าที่เขียนกระทู้นี้ขึ้น เพราะตัวผู้เขียนเองรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นในหลายๆครั้งมีคนมาต่อว่าด่าทอ
เมื่อตัวผู้เขียนเองไปสอบติดที่มหาวิทยาลัยต่างๆ แต่ไม่เอา ว่าเราเห็นแก่ตัว ว่าเราเอาเปรียบคนอื่น รู้สึก... ไม่ดีมากๆ
ผมเลยอยากจะมาเล่าขีวิตของผมให้ฟังบ้าง ให้พวกคุณลองฟังชีวิตของคนที่พวกคุณเรียกว่า "เด็กเก่ง" ว่ามันสวย
หรู น่าอิจฉาอย่างที่พวกคุณคิดกันมั้ย มาฟังกันครับ
ตัวผมนั้นเป็นครอบครัวรายได้ปานกลาง พ่อแม่เป็นข้าราชการ และแน่นอน ความฝันของพ่อแม่ก็คือให้ลูกเป็นหมอ แบบครอบครัวธรรมดาทั่วไป
การเป็นหมอต้องสอบให้ติด แน่นอน การสอบมันยากมาก ตัวผมเองอยู่โรงเรียนของ กทม ก็จริง แต่ไม่ใช่โรงเรียนดังอย่างเตรียมอุดมฯ
ความสำเร็จที่จะสอบติดมันยาก ผมต้องตั้งใจให้มาก
ผมเริ่มเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยตั้งแต่ปิดเทอม ม.3 ขึ้น ม.4 แม่ "บังคับ" ผมให้เริ่มเรียนพิเศษ ผมโดนส่งไปเรียนที่ตึกวรรณสรณ์
ตรงสถานีรถไฟฟ้าพญาไท เสริมสำหรับคนไม่รู้ ที่ตึกวรรณสรณ์เราต้องเดินเรียนแบบมหาลัย แต่ละวิชาจะมีห้องเรียนของตัวเอง
และถ้าเวลามันกระชั้นชิด ครับ "วิ่ง ไอ้หนู วิ่งงงงงงง" ตารางเรียนของผมตามที่แม่จัดให้คือวิชาแรก 8.30-10.00 วิชาถัดมา 10.10-12.40
กินข้าว 20 นาที ต่อด้วยตอนบ่าย 13.00-15.30 เป็นอันหมดวัน เมื่อกลับบ้านผมไม่มีหน้าที่ทำงานบ้านใดๆ หน้าที่ของผมคืออ่านหนังสือ
ทบทวนบทเรียนที่เรียนมาวันนี้ทั้งหมด จำให้ได้ทุกหน้า ฟังไม่ผิดหรอกครับ ทุกหน้า เพราะเดี๋ยวตอนก่อนนอนแม่จะถามว่าวันนี้เรียนอะไร
มาบ้าง ผมมีห้าที่สรุปทุกบทเรียนที่เรียนมาเล่าให้แม่ฟัง (เดี๋ยวผมจะบอกว่ากิจกรรมก่อนนอนนี้ช่วยผมได้มาก) ก่อนนอนก็ต้องทำการบ้าน
ที่ได้มาวันนี้ให้เสร็จ ห้ามค้าง เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเรียนเรื่องถัดไป + เฉลยการบ้าน เสร็จก็ประมาณ 22.00 แล้วเข้านอน
ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆในระหว่างปิดเทอมก่อนขึ้น ม.4 ไม่มีหยุดพัก ไม่มีเสาร์ อาทิตย์
เมื่อเปิดเทอม คาบเรียนของผมที่โรงเรียนคือตั้งแต่ 8.00-16.00 แต่ผมไม่หยุด หลังเลิกเรียน ผมรีบไปเรียนพิเศษต่อที่อาคารวรรณสรณ์
เวลาเรียนแตกต่างกันไป อาจจะ 17.00-19.30 หรือ 18.00-21.00 ก็แล้วแต่วิชาที่เรียน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เหมือนเดิมครับ เล่าให้แม่ฟัง
ว่าเรียนอะไรมาบ้าง แล้วก็ทำการบ้านที่โรงเรียนและโรงเรียนเรียนพิเศษให้เสร็จ (ประมาณ 22.30) แล้วก็เข้านอน
ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์ก็จะคล้ายๆปิดเทอม คือเรียนตั้งแต่ 8.30-15.30 แล้วกลับมาทำทบทวน ทำการบ้าน เข้านอน เตรียมตัวสำหรับวันถัดไป
การเรียนในห้องเรียนผมไม่ค่อยใส่ใจเท่าการเรียนที่โรงเรียนพิเศษ จะว่ากันตรงๆแล้วโรงเรียนสอนสู้โรงเรียนเรียนพิเศษไม่ได้ด้วยซ้ำ
ผมทำข้อสอบได้คะแนนสูงสุดของห้องโดยไม่ต้องฟังที่อาจารย์สอนเลย อาศัยแค่โรงเรียนเรียนพิเศษอย่างเดียว เวลาในห้องเรียนและพักเที่ยง
ของผมหมดไปกับการทำข้อสอบ entrance เก่าตั้งแต่ปี 254x มาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน แน่นอนคุณเดาได้ว่าผมไม่ได้ไปเที่ยวไหนและไม่ได้เล่นกีฬาอะไร
ตลอดการเรียน ม.ปลาย 3 ปี เวลาเกือบทั้งหมดของผมทุ่มให้กับการเรียน
เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญที่สุด เปิดเทอม 1 ของชั้น ม.6 หลังเปิดเทอมแค่ไม่กี่สัปดาห์การสอบตรงต่างๆของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศก็เริ่มต้นขึ้น
สำหรับผม มันไม่ยากเลยที่จะสอบให้ติด ต้องขอบคุณความพยายามตลอด 3 ปีจริงๆ ทุกมหาวิทยาลัย ทุกคณะ ที่ผมไปสอบ รวมถึงการยื่น
โควตาต่างๆ ผมติดตัวจริงทุกที่ และสุดท้ายผมเลือกคณะแพทย์ตามที่พ่อแม่ใฝ่ฝันไว้ ผมเป็นคนเเรกของทั้งชั้นที่ได้แพทย์ก่อนใคร
ชีวิต ม.6 เทอม 2 ของผมจึงมีแต่ เที่ยว กิน เล่น นอน เกม การ์ตูน กีฬา อันนี้ขอบอกน้องๆถ้าเข้ามาอ่าน การมีที่เรียนแล้ว ชีวิตมันดีจริงๆ
ก็ไม่ได้จะอวดอะไร แค่อยากให้ทุกๆคนได้ฟังบ้าง ว่าการเป็นคนเก่งมันไม่ง่าย ไม่สุขสบาย ผมได้ลองถามเพื่อนในคณะว่าแต่ละคนเป็นมา
อย่างไร ทำยังไงถึงสอบติด คุณคงเดาได้ พวกเขาไม่ต่างจากผม พวกเราทุกคนทุ่มสุดตัว เพื่อนเล่นเราเรียน เพื่อนพักเราอ่านหนังสือ
เพื่อนเที่ยวเราหัดทำแบบฝึกหัด เพื่อนเหนื่อยเราก็เหนื่อย แต่เราไม่หยุด เรายังเรียนต่อไป มีหลายครั้งที่ผมนอนร้องไห้บนเตียง ภาวนาเมื่อไหร่
ช่วงเวลานี้จะผ่านไป มันเหนื่อยเหลือเกิน ผมอยากให้ทุกคนเห็นใจเราบ้าง การที่ได้สอบติดหลายๆที่ การมีคนชมเชย
การถูกเรียกไปโชว์ตัวเมื่อได้คะแนนสูงๆที่พวกคุณเกลียด ขอเถอะครับ ให้มันเป็นรางวัลของพวกเรา ให้เราได้สิทธิ์ที่เราควรได้ เรายอมเสีย
ทุกอย่าง ทั้งเวลา ทั้งเงิน ทั้งชีวิต ม.ปลาย ที่ควรมี เพื่อความรู้ที่มากเกินพอในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้โปรด อย่าก่นด่าว่าเราเห็นแก่ตัว
สำหรับคนที่เตรียมตัวสอบ ผมไม่อยากทำลายความฝันของพวกคุณ ผมอยากให้คุณอ่านดูชีวิตผม คนแบบผมมีอีกหลายพันคนที่ทำแบบเดียวกัน
คุณต้องแข่งกับพวกเขา เพื่อเก้าอี้ 1 ตัวในมหาวิทยาลัย มันเป็นการแข่งขันที่ยากลำบาก ผมขอให้พวกคุณโชคดีตามปราถนา
สุดท้ายนี้ผมอยากบอกคุณว่า one night success นั้นไม่มีจริง ทุกความสำเร็จที่คุณเห็น เกิดจากการลงแรงทำงานหนักทั้งนั้น
สวัสดีครับ
อยากแชร์ประสบการณ์ในฐานะเด็กเก่ง สอบติดทุกที่ มันเห็นแก่ตัวมากมั้ย มาฟังกัน
ตัวผมเองเป็นเด็กรุ่น 57 ตอนนี้เรียนปี 1 ที่คณะแพทย์แห่งหนึ่งในประเทศไทยนี่แหละครับ หวังว่าจะไม่ทำให้เพื่อนๆ
พี่ๆน้องๆเสียเวลาในการอ่านกระทู้นี้ และอยากเป็นทั้งข้อคิดและกำลังใจด้วย
เกริ่นก่อนว่าที่เขียนกระทู้นี้ขึ้น เพราะตัวผู้เขียนเองรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นในหลายๆครั้งมีคนมาต่อว่าด่าทอ
เมื่อตัวผู้เขียนเองไปสอบติดที่มหาวิทยาลัยต่างๆ แต่ไม่เอา ว่าเราเห็นแก่ตัว ว่าเราเอาเปรียบคนอื่น รู้สึก... ไม่ดีมากๆ
ผมเลยอยากจะมาเล่าขีวิตของผมให้ฟังบ้าง ให้พวกคุณลองฟังชีวิตของคนที่พวกคุณเรียกว่า "เด็กเก่ง" ว่ามันสวย
หรู น่าอิจฉาอย่างที่พวกคุณคิดกันมั้ย มาฟังกันครับ
ตัวผมนั้นเป็นครอบครัวรายได้ปานกลาง พ่อแม่เป็นข้าราชการ และแน่นอน ความฝันของพ่อแม่ก็คือให้ลูกเป็นหมอ แบบครอบครัวธรรมดาทั่วไป
การเป็นหมอต้องสอบให้ติด แน่นอน การสอบมันยากมาก ตัวผมเองอยู่โรงเรียนของ กทม ก็จริง แต่ไม่ใช่โรงเรียนดังอย่างเตรียมอุดมฯ
ความสำเร็จที่จะสอบติดมันยาก ผมต้องตั้งใจให้มาก
ผมเริ่มเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยตั้งแต่ปิดเทอม ม.3 ขึ้น ม.4 แม่ "บังคับ" ผมให้เริ่มเรียนพิเศษ ผมโดนส่งไปเรียนที่ตึกวรรณสรณ์
ตรงสถานีรถไฟฟ้าพญาไท เสริมสำหรับคนไม่รู้ ที่ตึกวรรณสรณ์เราต้องเดินเรียนแบบมหาลัย แต่ละวิชาจะมีห้องเรียนของตัวเอง
และถ้าเวลามันกระชั้นชิด ครับ "วิ่ง ไอ้หนู วิ่งงงงงงง" ตารางเรียนของผมตามที่แม่จัดให้คือวิชาแรก 8.30-10.00 วิชาถัดมา 10.10-12.40
กินข้าว 20 นาที ต่อด้วยตอนบ่าย 13.00-15.30 เป็นอันหมดวัน เมื่อกลับบ้านผมไม่มีหน้าที่ทำงานบ้านใดๆ หน้าที่ของผมคืออ่านหนังสือ
ทบทวนบทเรียนที่เรียนมาวันนี้ทั้งหมด จำให้ได้ทุกหน้า ฟังไม่ผิดหรอกครับ ทุกหน้า เพราะเดี๋ยวตอนก่อนนอนแม่จะถามว่าวันนี้เรียนอะไร
มาบ้าง ผมมีห้าที่สรุปทุกบทเรียนที่เรียนมาเล่าให้แม่ฟัง (เดี๋ยวผมจะบอกว่ากิจกรรมก่อนนอนนี้ช่วยผมได้มาก) ก่อนนอนก็ต้องทำการบ้าน
ที่ได้มาวันนี้ให้เสร็จ ห้ามค้าง เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเรียนเรื่องถัดไป + เฉลยการบ้าน เสร็จก็ประมาณ 22.00 แล้วเข้านอน
ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆในระหว่างปิดเทอมก่อนขึ้น ม.4 ไม่มีหยุดพัก ไม่มีเสาร์ อาทิตย์
เมื่อเปิดเทอม คาบเรียนของผมที่โรงเรียนคือตั้งแต่ 8.00-16.00 แต่ผมไม่หยุด หลังเลิกเรียน ผมรีบไปเรียนพิเศษต่อที่อาคารวรรณสรณ์
เวลาเรียนแตกต่างกันไป อาจจะ 17.00-19.30 หรือ 18.00-21.00 ก็แล้วแต่วิชาที่เรียน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เหมือนเดิมครับ เล่าให้แม่ฟัง
ว่าเรียนอะไรมาบ้าง แล้วก็ทำการบ้านที่โรงเรียนและโรงเรียนเรียนพิเศษให้เสร็จ (ประมาณ 22.30) แล้วก็เข้านอน
ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์ก็จะคล้ายๆปิดเทอม คือเรียนตั้งแต่ 8.30-15.30 แล้วกลับมาทำทบทวน ทำการบ้าน เข้านอน เตรียมตัวสำหรับวันถัดไป
การเรียนในห้องเรียนผมไม่ค่อยใส่ใจเท่าการเรียนที่โรงเรียนพิเศษ จะว่ากันตรงๆแล้วโรงเรียนสอนสู้โรงเรียนเรียนพิเศษไม่ได้ด้วยซ้ำ
ผมทำข้อสอบได้คะแนนสูงสุดของห้องโดยไม่ต้องฟังที่อาจารย์สอนเลย อาศัยแค่โรงเรียนเรียนพิเศษอย่างเดียว เวลาในห้องเรียนและพักเที่ยง
ของผมหมดไปกับการทำข้อสอบ entrance เก่าตั้งแต่ปี 254x มาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน แน่นอนคุณเดาได้ว่าผมไม่ได้ไปเที่ยวไหนและไม่ได้เล่นกีฬาอะไร
ตลอดการเรียน ม.ปลาย 3 ปี เวลาเกือบทั้งหมดของผมทุ่มให้กับการเรียน
เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญที่สุด เปิดเทอม 1 ของชั้น ม.6 หลังเปิดเทอมแค่ไม่กี่สัปดาห์การสอบตรงต่างๆของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศก็เริ่มต้นขึ้น
สำหรับผม มันไม่ยากเลยที่จะสอบให้ติด ต้องขอบคุณความพยายามตลอด 3 ปีจริงๆ ทุกมหาวิทยาลัย ทุกคณะ ที่ผมไปสอบ รวมถึงการยื่น
โควตาต่างๆ ผมติดตัวจริงทุกที่ และสุดท้ายผมเลือกคณะแพทย์ตามที่พ่อแม่ใฝ่ฝันไว้ ผมเป็นคนเเรกของทั้งชั้นที่ได้แพทย์ก่อนใคร
ชีวิต ม.6 เทอม 2 ของผมจึงมีแต่ เที่ยว กิน เล่น นอน เกม การ์ตูน กีฬา อันนี้ขอบอกน้องๆถ้าเข้ามาอ่าน การมีที่เรียนแล้ว ชีวิตมันดีจริงๆ
ก็ไม่ได้จะอวดอะไร แค่อยากให้ทุกๆคนได้ฟังบ้าง ว่าการเป็นคนเก่งมันไม่ง่าย ไม่สุขสบาย ผมได้ลองถามเพื่อนในคณะว่าแต่ละคนเป็นมา
อย่างไร ทำยังไงถึงสอบติด คุณคงเดาได้ พวกเขาไม่ต่างจากผม พวกเราทุกคนทุ่มสุดตัว เพื่อนเล่นเราเรียน เพื่อนพักเราอ่านหนังสือ
เพื่อนเที่ยวเราหัดทำแบบฝึกหัด เพื่อนเหนื่อยเราก็เหนื่อย แต่เราไม่หยุด เรายังเรียนต่อไป มีหลายครั้งที่ผมนอนร้องไห้บนเตียง ภาวนาเมื่อไหร่
ช่วงเวลานี้จะผ่านไป มันเหนื่อยเหลือเกิน ผมอยากให้ทุกคนเห็นใจเราบ้าง การที่ได้สอบติดหลายๆที่ การมีคนชมเชย
การถูกเรียกไปโชว์ตัวเมื่อได้คะแนนสูงๆที่พวกคุณเกลียด ขอเถอะครับ ให้มันเป็นรางวัลของพวกเรา ให้เราได้สิทธิ์ที่เราควรได้ เรายอมเสีย
ทุกอย่าง ทั้งเวลา ทั้งเงิน ทั้งชีวิต ม.ปลาย ที่ควรมี เพื่อความรู้ที่มากเกินพอในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ได้โปรด อย่าก่นด่าว่าเราเห็นแก่ตัว
สำหรับคนที่เตรียมตัวสอบ ผมไม่อยากทำลายความฝันของพวกคุณ ผมอยากให้คุณอ่านดูชีวิตผม คนแบบผมมีอีกหลายพันคนที่ทำแบบเดียวกัน
คุณต้องแข่งกับพวกเขา เพื่อเก้าอี้ 1 ตัวในมหาวิทยาลัย มันเป็นการแข่งขันที่ยากลำบาก ผมขอให้พวกคุณโชคดีตามปราถนา
สุดท้ายนี้ผมอยากบอกคุณว่า one night success นั้นไม่มีจริง ทุกความสำเร็จที่คุณเห็น เกิดจากการลงแรงทำงานหนักทั้งนั้น
สวัสดีครับ