คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
1. จะให้ผิดฐานฉ้อโกงได้ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีเจตนาทุจริตตั้งแต่แรก ถ้าสืบในศาลอย่างที่ จขกท. ได้อธิบาย คาดว่าศาลน่าจะฟังว่าเป็นผิดสัญญาทางแพ่ง แต่ถ้านำสืบในศาลว่าจำเลยไม่เคยนำเงินไปลงทุนในสื่ออย่างที่อ้าง แบบนี้ศาลน่าจะฟังว่ามีเจตนาทุจริตตั้งแต่แรกได้ (ผมไม่ทราบว่า จขกท. รู้ไหมว่าคู่กรณีนำเงินไปลงทุนในสื่อตามที่อ้างไหม ถ้ารู้ข้อมูลแล้วนำสืบได้ศาลน่าจะฟังเป็นฉ้อโกง)
2. หากฟังได้ว่าเป็นฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 อายุความจะมีอยู่สองประเภท คือ อายุความตามมาตรา 95 และตามมาตรา 96 ซึ่งต้องดูว่าขาดอายุความหรือไม่ทั้งสองมาตรา เพราะความผิดฐานตามมาตรา 341 เป็นความผิดยอมความได้
โดยอายุความแรกที่ต้องดู คือ ตามมาตรา 96 ให้นับสามเดือนนับแต่ จขกท. รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด รู้เรื่องความผิดในกรณีของ จขกท. คือ วันที่รู้ว่าเขามีเจตนาทุจริตแต่แรกไม่ได้นำเงินไปลงทุนในสื่อจริงตามที่อธิบายในข้อ 1.
หากอายุความไม่ขาดตามมาตรา 96 ก็ต้องมาดูอายุความตามมาตรา 95 ต่อ คือ สิบปีนับแต่วันลงมือกระทำความผิด ซึ่งก็คือวันที่เขาหลอกลวง จขกท. โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะนำเงินไปลงทุนในสื่อนั่นเอง
หากขาดอายุความตามมาตราหนึ่งมาตราใดในสองมาตรานี้ ก็ถือว่าคดีขาดอายุความครับ ฟ้องไปศาลก็ต้องยกฟ้อง
2. หากฟังได้ว่าเป็นฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 อายุความจะมีอยู่สองประเภท คือ อายุความตามมาตรา 95 และตามมาตรา 96 ซึ่งต้องดูว่าขาดอายุความหรือไม่ทั้งสองมาตรา เพราะความผิดฐานตามมาตรา 341 เป็นความผิดยอมความได้
โดยอายุความแรกที่ต้องดู คือ ตามมาตรา 96 ให้นับสามเดือนนับแต่ จขกท. รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด รู้เรื่องความผิดในกรณีของ จขกท. คือ วันที่รู้ว่าเขามีเจตนาทุจริตแต่แรกไม่ได้นำเงินไปลงทุนในสื่อจริงตามที่อธิบายในข้อ 1.
หากอายุความไม่ขาดตามมาตรา 96 ก็ต้องมาดูอายุความตามมาตรา 95 ต่อ คือ สิบปีนับแต่วันลงมือกระทำความผิด ซึ่งก็คือวันที่เขาหลอกลวง จขกท. โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะนำเงินไปลงทุนในสื่อนั่นเอง
หากขาดอายุความตามมาตราหนึ่งมาตราใดในสองมาตรานี้ ก็ถือว่าคดีขาดอายุความครับ ฟ้องไปศาลก็ต้องยกฟ้อง
แสดงความคิดเห็น
ถูกชักชวนให้ลงทุนกองทุนหุ้นระยะสั้น ฉ้อโกงหรือผิดสัญญา และการนับอายุความ
เรื่องมีอยู่ว่าผมไปรู้จักแฟรนไชน์ brand หนึ่ง(ขอไม่เอ่ยชื่อนะครับ ผมจะโดนข้อหาหมิ่นประมาทเอา) และชักชวนให้มาลงทุนหุ้นระยะสั้น โดยเขาอ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนในสื่อต่างๆ
ราคาหุ้นละ 10,000 บาท แต่ละคนสามารถซื้อได้ไม่เกิน 10 หุ้น การปันผลทุก 10,000 บาทจะได้รับผลตอบแทน 1,300 บาท แต่ก่อนจะให้เงินปันผล จะต้องใช้เวลาเงินทำงาน2เดือนนับจากวันที่ลงหุ้น และหุ้นมีอายุ5เดือน เมื่อครบ 7 เดือน (2 เดือนเงินทำงาน + 5 เดือนอายุหุ้น)จะได้รับเงินต้นคืนพร้อมปันผลทั้งหมด เช่นซื้อหุ้น 9 หุ้นเป็นเงิน 90,000 บาทที่เดือนกรกฏาคม 2557 จะเริ่มนับเงินปันผลเดือนแรกที่เดือนกันยายน และจะได้รับเงินต้นพร้อมปันผลคืนที่สิ้นเดือนมกราคม 2558 เป็นจำนวนเงิน 90,000(เงินต้น) + 58,500(ปันผล) = 148,500 บาท
พอครบกำหนดวันที่ 31มกราคม ผมโทรไปถามเค้าก็บอกว่าเงินปันผลจะจ่ายให้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ และนับไปอีก 25 วัน(คือวันที่ 7 มีนาคม) จะจ่ายเงินต้นให้ทั้งหมด ซึ่งจริงๆในสัญญาระบุไว้ว่าเงินต้นและเงินปันผลจะได้รับคืนทั้งหมดทันทีเมื่อสิ้นสุดสัญญา พอถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์โทรไปทวงถามแต่โอนมาให้จริง 20,000 บาท ซึ่งจริงๆต้องโอน 58,500 บาท และบอกว่าจะโอนให้เพิ่มภายหลังจากนี้ 7 วัน (17 กพ) แต่พอถึงวันก็บ่ายเบี่ยงอีกโดยอ้างว่าเช็คจากลูกค้าไม่สามารถขึ้นเงินได้ขอเลื่อนไปก่อน และโอนมาให้อีก 15,000 บาทในวันที่ 19 กุมภา ตอนนี้โอนมาให้แค่ 35,000 บาท
คำถาม
1) ผมสามารถฟ้องฉ้อโกงได้หรือไม่ หรือได้แค่ผิดสัญญาซึ่งเป็นคดีแพ่ง
ผมคิดเอาว่าน่าจะมีเจตนาหลอกลวงมาตั้งแต่ต้น และสัญญาน่าจะเป็นสัญญากลลวง ไม่มีการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงขนาดนี้ และผมยังรู้จักคนที่โดนลักษณะแบบนี้อีก 2-3 คน ผ่านมา 5-6 เดือนแล้วยังได้เงินต้นคืนยังไม่ครบ
2) ถ้าเป็นคดีฉ้อโกง การนับอายุความเริ่มจากวันไหน
2.1) สิ้นสุดสัญญา ที่สิ้นเดือนมกราคม เนื่องจากรู้ว่าเค้าหมกเม็ดผิดสัญญาไม่จ่ายเงินต้นและปันผลทั้งหมดทันทีที่ครบสัญญา
2.2) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ เพราะรู้ว่าคู่กรณีโอนเงินมาแค่บางส่วน และผ่อนชำระให้ แต่ไม่มีกำหนดว่าจะให้ที่เหลืออีกเท่าไหร่ วันไหน (ประมาณแล้วแต่เค้าจะมีหรือไม่มี หรืออยากให้ ไม่ทราบแน่ชัด)
2.3) วันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่โอนเงินครั้งสุดทาย ตอนนี้ยังสามารถติดต่อคู่กรณีได้ครับ
หลักฐานที่ผมมีตอนนี้
1) Facebook ของคู่กรณีกับผมที่ชักชวนให้ลงทุน
2) สัญญา
3) หลักฐานการโอนเงินให้คู่กรณี
ปล. เหตุทั้งหมดเกิดจากความโลภของผมเองครับ