อาจารย์มหาลัยฯ ขายข้อสอบกันแล้ว?
คงถือเป็นเรื่องที่จะฟังดูธรรมดาไปแล้วระดับหนึ่งในโรงเรียน ที่คุณครูผู้สอนจะรับสอนพิเศษหลังเลิกเรียน
แต่เชื่อว่าหลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า คุณครูบางท่าน มักจะเอาข้อสอบมาบอกเด็กเรียนพิเศษ
ทำให้เด็กแห่กันไปเรียน หรืออาจจะให้ผู้ปกครองคิดว่า คุณครูสอนให้เด็กเก่งขึ้นจริงๆ
ตอนนี้เราเป็นนิสิตอยู่ค่ะ แต่รับสอนพิเศษมาแล้วหลายปี
เคยนั่งคุยกับผู้ปกครองของน้องที่สอน
คุณแม่น้องบอกว่า มีหลายวิชาที่ยาก แต่ไม่อยากให้เรียนพิเศษกับคุณครู
เพราะชอบเอาข้อสอบมาบอกเด็ก ทำให้เด็กเสียนิสัย
โดนส่วนตัวเราคิดว่ามันฟังดูเกือบจะปกติแล้วในสังคมสมัยนี้
ขอสารภาพว่าตอนม.6 เคยอยากเรียนพิเศษ แต่เรียนได้ 3 ครั้ง
ก็รู้เลยว่า คุณครูกำลังเอาข้อสอบมาให้ลองทำแบบเนียนๆ
แต่ที่เราคิดไม่ถึงคือ มันจะเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยด้วย
ล่าสุด ในช่วงก่อนสอบกลางภาค เราได้รู้เรื่องนี้จากแฟนค่ะ
มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า จะถ่ายเอกสารแนวข้อสอบมาให้ แต่ต้องเป็นความลับนะ
พูดมาเป็น 2-3อาทิตย์ ก็เลื่อนไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้สักที
เราก็แนะนำแฟนไปว่า ไม่ต้องรอ ให้อ่านเองเถอะ
(ตอนนั้นส่วนตัวแค่คิดว่า แนวข้อสอบเฉยๆ เพราะตอนเราสอนพิเศษนิสิตคนอื่นๆ
เราก็จะมีสรุปในแบบของเรา รวมถึงแบบฝึกหัดเพิ่มเติมให้เข้าใจง่ายขึ้น
ซึ่งสามารถทำให้น้องๆเพื่อนๆทำข้อสอบได้คะแนนสูงขึ้น เพราะความเข้าใจ)
จนวันนึงแฟนบอกว่าไปติวฟิสิกส์ห้องเพื่อน
สักสามสี่ชั่วโมง แฟนกลับมาเล่าว่า ที่เพื่อนไม่ถ่ายเอกสารมาให้
เพราะนั่นคือข้อสอบ ที่แค่เปลี่ยนตัวเลข แต่โจทย์ข้อสอบจริงๆ
โดยเพื่อนไปเรียนพิเศษกับอาจารย์ บทละ 2000 บาท
และในชีทมีลายน้ำเป็นชื่อนิสิต ถ้าชีทหลุด หรือถูกเผยแพร่ มีค่าปรับ
เราลองถามถึงอาจารย์ ทราบมาว่าเป็นอาจารย์ในหมวดวิชานี้ แต่ไม่ใช่คนสอนของ section ที่เรียน
แต่อาจารย์จะพูดให้นิสิตที่เรียนพิเศษด้วยบ่อยๆว่า สนิทกัน ไม่ต้องห่วง (สนิทกับอาจารย์ที่สอนประจำ sec. นี้)
และเพื่อนที่ไปติวกันกับ เพื่อนที่ไปเรียนพิเศษในวันนั้น ก็ตัดสินใจจะเรียนพิเศษกับอาจารย์
ประมาน 4-5 คน กำลังไปติดต่อแล้วค่ะ...
คือเราฟังแล้วอึ้งมากค่ะ แม้กระทั่งบุคคลที่เป็นอาจารย์ ผู้ให้ความรู้กับผู้อื่น
ยังเห็นแก่ผลประโยชน์ มากกว่าจรรยาบรรณ?
เราไม่ได้ว่าอาจารย์ทุกท่านนะคะ แค่รู้สึกผิดหวังกับบางท่านที่ทำแบบนี้
โดยส่วนตัว ตั้งใจจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเช่นกันค่ะ
และแอบหวังเล็กๆ ว่าในอนาคต จะเจอเรื่องราวแบบนี้ ในวงการการศึกษาให้น้อยที่สุด
ขออนุญาตแท็กห้องชานเรือน ให้ผู้ปกครองได้อ่านนะคะ
วงการการศึกษาไทย ขนาดอาจารย์ยัง...
คงถือเป็นเรื่องที่จะฟังดูธรรมดาไปแล้วระดับหนึ่งในโรงเรียน ที่คุณครูผู้สอนจะรับสอนพิเศษหลังเลิกเรียน
แต่เชื่อว่าหลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า คุณครูบางท่าน มักจะเอาข้อสอบมาบอกเด็กเรียนพิเศษ
ทำให้เด็กแห่กันไปเรียน หรืออาจจะให้ผู้ปกครองคิดว่า คุณครูสอนให้เด็กเก่งขึ้นจริงๆ
ตอนนี้เราเป็นนิสิตอยู่ค่ะ แต่รับสอนพิเศษมาแล้วหลายปี
เคยนั่งคุยกับผู้ปกครองของน้องที่สอน
คุณแม่น้องบอกว่า มีหลายวิชาที่ยาก แต่ไม่อยากให้เรียนพิเศษกับคุณครู
เพราะชอบเอาข้อสอบมาบอกเด็ก ทำให้เด็กเสียนิสัย
โดนส่วนตัวเราคิดว่ามันฟังดูเกือบจะปกติแล้วในสังคมสมัยนี้
ขอสารภาพว่าตอนม.6 เคยอยากเรียนพิเศษ แต่เรียนได้ 3 ครั้ง
ก็รู้เลยว่า คุณครูกำลังเอาข้อสอบมาให้ลองทำแบบเนียนๆ
แต่ที่เราคิดไม่ถึงคือ มันจะเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยด้วย
ล่าสุด ในช่วงก่อนสอบกลางภาค เราได้รู้เรื่องนี้จากแฟนค่ะ
มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า จะถ่ายเอกสารแนวข้อสอบมาให้ แต่ต้องเป็นความลับนะ
พูดมาเป็น 2-3อาทิตย์ ก็เลื่อนไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้สักที
เราก็แนะนำแฟนไปว่า ไม่ต้องรอ ให้อ่านเองเถอะ
(ตอนนั้นส่วนตัวแค่คิดว่า แนวข้อสอบเฉยๆ เพราะตอนเราสอนพิเศษนิสิตคนอื่นๆ
เราก็จะมีสรุปในแบบของเรา รวมถึงแบบฝึกหัดเพิ่มเติมให้เข้าใจง่ายขึ้น
ซึ่งสามารถทำให้น้องๆเพื่อนๆทำข้อสอบได้คะแนนสูงขึ้น เพราะความเข้าใจ)
จนวันนึงแฟนบอกว่าไปติวฟิสิกส์ห้องเพื่อน
สักสามสี่ชั่วโมง แฟนกลับมาเล่าว่า ที่เพื่อนไม่ถ่ายเอกสารมาให้
เพราะนั่นคือข้อสอบ ที่แค่เปลี่ยนตัวเลข แต่โจทย์ข้อสอบจริงๆ
โดยเพื่อนไปเรียนพิเศษกับอาจารย์ บทละ 2000 บาท
และในชีทมีลายน้ำเป็นชื่อนิสิต ถ้าชีทหลุด หรือถูกเผยแพร่ มีค่าปรับ
เราลองถามถึงอาจารย์ ทราบมาว่าเป็นอาจารย์ในหมวดวิชานี้ แต่ไม่ใช่คนสอนของ section ที่เรียน
แต่อาจารย์จะพูดให้นิสิตที่เรียนพิเศษด้วยบ่อยๆว่า สนิทกัน ไม่ต้องห่วง (สนิทกับอาจารย์ที่สอนประจำ sec. นี้)
และเพื่อนที่ไปติวกันกับ เพื่อนที่ไปเรียนพิเศษในวันนั้น ก็ตัดสินใจจะเรียนพิเศษกับอาจารย์
ประมาน 4-5 คน กำลังไปติดต่อแล้วค่ะ...
คือเราฟังแล้วอึ้งมากค่ะ แม้กระทั่งบุคคลที่เป็นอาจารย์ ผู้ให้ความรู้กับผู้อื่น
ยังเห็นแก่ผลประโยชน์ มากกว่าจรรยาบรรณ?
เราไม่ได้ว่าอาจารย์ทุกท่านนะคะ แค่รู้สึกผิดหวังกับบางท่านที่ทำแบบนี้
โดยส่วนตัว ตั้งใจจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเช่นกันค่ะ
และแอบหวังเล็กๆ ว่าในอนาคต จะเจอเรื่องราวแบบนี้ ในวงการการศึกษาให้น้อยที่สุด
ขออนุญาตแท็กห้องชานเรือน ให้ผู้ปกครองได้อ่านนะคะ