เขียนกระทู้อวยคนอื่นก็มากแล้ว วันนี้ขออนุญาตตั้งกระทู้อวยตัวเองบ้าง หวังว่าเพื่อนสมาชิกคงจะไม่รังเกียจนะครับ ส่วนบางท่านเห็นว่าไร้สาระ ก็กรุณาผ่านเลยนะครับ
เริ่มเลยนะครับ ทวดเองเป็นเพียงชายแก่ธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่รักความถูกต้อง ต้องการความยุติธรรมและอยากเห็นความเท่าเทียมในสังคมไทยเท่านั้นเอง
และหลายปีที่สิงสู่อยู่ในราชดำเนินแห่งนี้ จากข้อมูลที่หลากหลาย จากข้อเท็จจริงที่มากมาย ทำให้ผมรู้ว่า เรายังห่างไกลจากความยุติธรรม เรายังยากจะเห็นความเท่าเทียมและยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงการแยกแยะความถูกผิด
ดังนั้นผมจึงคิดว่า สมควรเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่ง นำข้อเปรียบเทียบที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและปัจจุบันมาให้คนที่แวะเข้ามา ได้พิจารณา ได้ไตร่ตรอง ได้ความคิด ได้ใช้สามัญสำนึก แล้วฉุกคิดได้ ดังนั้นแม้จะไม่เชื่อผม ผมก็ถือว่าประสบความสำเร็จตามต้องการแล้วครับ
ผมเองก็มีงานประจำต้องทำอยู่ทุกวัน ดังนั้นผมจึงมีจุดยืนในเรื่องการเมืองของผม หนึ่งวันต่อหนึ่งกระทู้ กลางคืนไม่เข้า วันหยุดไม่โพส จนเป็นเหตุให้
หลายคนสงสัยว่าผมเป็นพวกรับจ้างโพส ก็คิดกันตามสบายเถิดครับ ผมจะแก้ข้อกล่าวหาก็คงยากจะทำให้พวกเขาเชื่อ เพราะผมไม่มีหลักฐานมาแสดงว่า ผมไม่เคยไม่ได้รับเงินค่าจ้างแม้แต่บาทเดียวนี่นา
หลายคนอาจสงสัยว่า ผมมีทีมงานที่จะคอยให้กิ๊ฟ ด้วยการส่งหลังไมค์ไปให้มาร่วมด้วยช่วยกัน ผมก็ไม่เคยปฏิเสธ แม้ว่าหลังไมค์ที่ปรากฏเป็นข่าวฉาวนั้น มันไม่เคยมีหลังไมค์ของผมมาเป็นหลักฐานในการประจานผมก็ตาม
หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ผมชอบเขียนข้อมูลด้านเดียว แต่ก็ไม่ปรากฏว่า คนที่กล่าวหาจะเขียนข้อมูลอีกด้านมาเติมเต็มให้ข้อมูลของผมสมบูรณ์สักที
หลายคนก็เขียนว่าผมตรงๆเลยว่า ผมชอบตั้งกระทู้มโนเอง แต่คนเหล่านั้นก็ไม่เห็นจะเขียนกระทู้ที่เป็นจริง ไม่ได้เกิดจากมโนมาเปิดปัญญาให้ผมสักครั้ง
หลายคนหาว่าผมเป็นพวกบูชาคุณทักษิณ เรื่องนี้ผมขอปฏิเสธครับ ผมเพียงแต่ศรัทธาในผลงาน นับถือในเรื่องวิสัยทัศน์ และก็เห็นใจในเรื่องการถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมก็เท่านั้น
หลายคนหาว่าผมชอบตั้งกระทู้อวยคุณยิ่งลักษณ์ เรื่องนี้อาจจะจริง ก็ผมชื่นชมของผมนี่นา ผมเห็นการทำตัวของคุณยิ่งลักษณ์เหนือกว่านายกฯชายหลายคนที่ผ่านมา อย่างนี้ผมผิดด้วยอย่างนั้นหรือครับ
คนเห็นต่างจากผมก็มีสิทธิที่จะเขียนอวยคนที่ตัวเองชื่นชมได้ไม่ใช่หรือ หรือว่า ฝ่ายที่ตัวเองชื่นชมนั้น มันไม่รู้จะหาอะไรมาอวยได้ เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า นี่ผมไม่รู้นะครับ
บางคนหาว่า ผมไม่เคยตั้งกระทู้ด่าฝ่ายตัวเองที่ทำผิดเลยสักกระทู้ ผมงงมากเลยครับสำหรับคำถามพวกนี้ ก็เราเห็นต่างกันไงครับ สิ่งที่พวกคุณเห็นว่าเป็นความผิดมากมาย ส่วนผมมองว่ามันไม่ผิด แล้วจะให้ผมด่าทั้งๆที่ผมคิดว่ามันไม่ผิดอย่างนั้นหรือครับ
อย่างเรื่องจำนำข้าว
พวกคุณมองว่า ทำให้ประเทศขาดทุน ผมกลับมองว่า เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนา
พวกคุณมองว่า ทำให้ประเทศวอดวาย ผมกลับมองว่า เป็นการนำเงินเข้าสู่ระบบ เพื่อหวังผลการกระตุ้นเศรษฐกิจ
พวกคุณมองว่า เป็นการหาเสียงผ่านประชานิยาม ผมกลับมองว่า เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของคนรากหญ้า
เห็นต่างกันอย่างนี้ แล้วจะให้ผมเขียนด่าเรื่องจำนำข้าวได้อย่างไรครับ
อย่างเรื่องเผาบ้านเผาเมือง
พวกคุณให้ความสำคัญกับตึกรามบ้านช่อง ส่วนผมให้ความสำคัญกับชีวิตเพื่อนร่วมชาติ
พวกคุณมองเห็นแต่ชายชุดดำ จึงสมควรใช้กระสุนจริง ส่วนผมกลับมองเห็นคนตายทั้งหมดไม่มีอาวุธ
ดังนั้นที่ผมจะเขียนได้ก็คงเป็น คนสั่งฆ่าก่อนยังลอยนวล ส่วนพวกเผาทีหลังกลับติดคุกกันเกือบหมด นี่เป็นความไม่เท่าเทียมกันทางกฎหมายที่ผมจำเป็นต้องเรียกร้องไงครับ
แม้แต่เรื่อง พรบ.นิรโทษกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวที่พวกเราเห็นพ้องต้องการ ยังมีเหตุผลต่างกันในการต่อต้าน พรบ.ฉบับนี้เลยนะครับ
พวกท่านไม่ต้องการนิรโทษกรรมให้กับนักโทษคดีเซ็นชื่อให้เมียซื้อที่ ส่วนผมกลับไม่ต้องการนิรโทษกรรมคนที่สั่งฆ่าประชาชน
เห็นหรือยังครับ ความคิดเห็นต่างมันเกิดขึ้นได้เสมอ บางครั้งเห็นด้วยในหลักการ ก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยกับวิธีการ ดังนั้นผมจึงอยากบอกว่า
ความคิดเห็นต่างได้ แต่ต้องอยู่บนกฎหมายเดียวกัน
ความคิดเห็นต่างได้ แต่ต้องได้รับการปฏิบัติบนบรรทัดฐานเดียวกัน
ความคิดเห็นต่างได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน
เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านี้ ความแตกแยกในสังคมไทยมันจึงเกิดขึ้น เพราะมีคนต้องการอาศัยความคิดเห็นต่าง มาสร้างความเกลียดชังซึ่งกันและกัน จนนำมาสู่ความขัดแย้งในสังคมเป็นวงกว้าง แล้วก็ใช้ความขัดแย้งของประชาชน เป็นหนทางในการช่วงชิงอำนาจ จนประสบความสำเร็จ โดยไม่เคยคำนึงถึงความเสียหายที่เกิดกับประเทศชาติและประชาชน
สุดท้ายที่ผมอยากบอกก็คือ ความชัดเจนที่เกิดขึ้น มันแสดงให้เห็นว่า เหล่าคนดีทั้งหลาย แท้จริงแล้วมันก็ไม่ได้ดีไปกว่านักการเมืองที่ประชาชนเป็นคนเลือกหรอกนะครับ อย่างนี้แล้วทำไมเราจึงยอมยกอำนาจของตัวเองไปให้คนกลุ่มนั้นกันล่ะครับ ไม่เข้าใจจริงๆ
วันนี้ขออนุญาตตั้งกระทู้อวยตัวเองสักหนึ่งกระทู้นะครับ----------------ทวดเอง
เริ่มเลยนะครับ ทวดเองเป็นเพียงชายแก่ธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่รักความถูกต้อง ต้องการความยุติธรรมและอยากเห็นความเท่าเทียมในสังคมไทยเท่านั้นเอง
และหลายปีที่สิงสู่อยู่ในราชดำเนินแห่งนี้ จากข้อมูลที่หลากหลาย จากข้อเท็จจริงที่มากมาย ทำให้ผมรู้ว่า เรายังห่างไกลจากความยุติธรรม เรายังยากจะเห็นความเท่าเทียมและยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงการแยกแยะความถูกผิด
ดังนั้นผมจึงคิดว่า สมควรเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่ง นำข้อเปรียบเทียบที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและปัจจุบันมาให้คนที่แวะเข้ามา ได้พิจารณา ได้ไตร่ตรอง ได้ความคิด ได้ใช้สามัญสำนึก แล้วฉุกคิดได้ ดังนั้นแม้จะไม่เชื่อผม ผมก็ถือว่าประสบความสำเร็จตามต้องการแล้วครับ
ผมเองก็มีงานประจำต้องทำอยู่ทุกวัน ดังนั้นผมจึงมีจุดยืนในเรื่องการเมืองของผม หนึ่งวันต่อหนึ่งกระทู้ กลางคืนไม่เข้า วันหยุดไม่โพส จนเป็นเหตุให้
หลายคนสงสัยว่าผมเป็นพวกรับจ้างโพส ก็คิดกันตามสบายเถิดครับ ผมจะแก้ข้อกล่าวหาก็คงยากจะทำให้พวกเขาเชื่อ เพราะผมไม่มีหลักฐานมาแสดงว่า ผมไม่เคยไม่ได้รับเงินค่าจ้างแม้แต่บาทเดียวนี่นา
หลายคนอาจสงสัยว่า ผมมีทีมงานที่จะคอยให้กิ๊ฟ ด้วยการส่งหลังไมค์ไปให้มาร่วมด้วยช่วยกัน ผมก็ไม่เคยปฏิเสธ แม้ว่าหลังไมค์ที่ปรากฏเป็นข่าวฉาวนั้น มันไม่เคยมีหลังไมค์ของผมมาเป็นหลักฐานในการประจานผมก็ตาม
หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ผมชอบเขียนข้อมูลด้านเดียว แต่ก็ไม่ปรากฏว่า คนที่กล่าวหาจะเขียนข้อมูลอีกด้านมาเติมเต็มให้ข้อมูลของผมสมบูรณ์สักที
หลายคนก็เขียนว่าผมตรงๆเลยว่า ผมชอบตั้งกระทู้มโนเอง แต่คนเหล่านั้นก็ไม่เห็นจะเขียนกระทู้ที่เป็นจริง ไม่ได้เกิดจากมโนมาเปิดปัญญาให้ผมสักครั้ง
หลายคนหาว่าผมเป็นพวกบูชาคุณทักษิณ เรื่องนี้ผมขอปฏิเสธครับ ผมเพียงแต่ศรัทธาในผลงาน นับถือในเรื่องวิสัยทัศน์ และก็เห็นใจในเรื่องการถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมก็เท่านั้น
หลายคนหาว่าผมชอบตั้งกระทู้อวยคุณยิ่งลักษณ์ เรื่องนี้อาจจะจริง ก็ผมชื่นชมของผมนี่นา ผมเห็นการทำตัวของคุณยิ่งลักษณ์เหนือกว่านายกฯชายหลายคนที่ผ่านมา อย่างนี้ผมผิดด้วยอย่างนั้นหรือครับ
คนเห็นต่างจากผมก็มีสิทธิที่จะเขียนอวยคนที่ตัวเองชื่นชมได้ไม่ใช่หรือ หรือว่า ฝ่ายที่ตัวเองชื่นชมนั้น มันไม่รู้จะหาอะไรมาอวยได้ เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า นี่ผมไม่รู้นะครับ
บางคนหาว่า ผมไม่เคยตั้งกระทู้ด่าฝ่ายตัวเองที่ทำผิดเลยสักกระทู้ ผมงงมากเลยครับสำหรับคำถามพวกนี้ ก็เราเห็นต่างกันไงครับ สิ่งที่พวกคุณเห็นว่าเป็นความผิดมากมาย ส่วนผมมองว่ามันไม่ผิด แล้วจะให้ผมด่าทั้งๆที่ผมคิดว่ามันไม่ผิดอย่างนั้นหรือครับ
อย่างเรื่องจำนำข้าว
พวกคุณมองว่า ทำให้ประเทศขาดทุน ผมกลับมองว่า เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนา
พวกคุณมองว่า ทำให้ประเทศวอดวาย ผมกลับมองว่า เป็นการนำเงินเข้าสู่ระบบ เพื่อหวังผลการกระตุ้นเศรษฐกิจ
พวกคุณมองว่า เป็นการหาเสียงผ่านประชานิยาม ผมกลับมองว่า เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของคนรากหญ้า
เห็นต่างกันอย่างนี้ แล้วจะให้ผมเขียนด่าเรื่องจำนำข้าวได้อย่างไรครับ
อย่างเรื่องเผาบ้านเผาเมือง
พวกคุณให้ความสำคัญกับตึกรามบ้านช่อง ส่วนผมให้ความสำคัญกับชีวิตเพื่อนร่วมชาติ
พวกคุณมองเห็นแต่ชายชุดดำ จึงสมควรใช้กระสุนจริง ส่วนผมกลับมองเห็นคนตายทั้งหมดไม่มีอาวุธ
ดังนั้นที่ผมจะเขียนได้ก็คงเป็น คนสั่งฆ่าก่อนยังลอยนวล ส่วนพวกเผาทีหลังกลับติดคุกกันเกือบหมด นี่เป็นความไม่เท่าเทียมกันทางกฎหมายที่ผมจำเป็นต้องเรียกร้องไงครับ
แม้แต่เรื่อง พรบ.นิรโทษกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวที่พวกเราเห็นพ้องต้องการ ยังมีเหตุผลต่างกันในการต่อต้าน พรบ.ฉบับนี้เลยนะครับ
พวกท่านไม่ต้องการนิรโทษกรรมให้กับนักโทษคดีเซ็นชื่อให้เมียซื้อที่ ส่วนผมกลับไม่ต้องการนิรโทษกรรมคนที่สั่งฆ่าประชาชน
เห็นหรือยังครับ ความคิดเห็นต่างมันเกิดขึ้นได้เสมอ บางครั้งเห็นด้วยในหลักการ ก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยกับวิธีการ ดังนั้นผมจึงอยากบอกว่า
ความคิดเห็นต่างได้ แต่ต้องอยู่บนกฎหมายเดียวกัน
ความคิดเห็นต่างได้ แต่ต้องได้รับการปฏิบัติบนบรรทัดฐานเดียวกัน
ความคิดเห็นต่างได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน
เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านี้ ความแตกแยกในสังคมไทยมันจึงเกิดขึ้น เพราะมีคนต้องการอาศัยความคิดเห็นต่าง มาสร้างความเกลียดชังซึ่งกันและกัน จนนำมาสู่ความขัดแย้งในสังคมเป็นวงกว้าง แล้วก็ใช้ความขัดแย้งของประชาชน เป็นหนทางในการช่วงชิงอำนาจ จนประสบความสำเร็จ โดยไม่เคยคำนึงถึงความเสียหายที่เกิดกับประเทศชาติและประชาชน
สุดท้ายที่ผมอยากบอกก็คือ ความชัดเจนที่เกิดขึ้น มันแสดงให้เห็นว่า เหล่าคนดีทั้งหลาย แท้จริงแล้วมันก็ไม่ได้ดีไปกว่านักการเมืองที่ประชาชนเป็นคนเลือกหรอกนะครับ อย่างนี้แล้วทำไมเราจึงยอมยกอำนาจของตัวเองไปให้คนกลุ่มนั้นกันล่ะครับ ไม่เข้าใจจริงๆ