สวัสดีค่ะทุกคน
สืบเนื่องมาจากว่า... เราเคยไปตอบกระทู้เรื่องเรียนภาษาที่ Portland, Oregon ในกระทู้ๆ หนึ่ง
หลังจากนั้นก็มีคน inbox เข้ามาถามเยอะมาก ซึ่งคำถามก็ซ้ำๆ กัน เช่น
เริ่มยังไง โรงเรียนเป็นยังไง สอนดีมั้ย พักที่ไหน ค่าครองชีพเท่าไหร่ ภาษาดีขึ้นมั้ย บลาๆๆ...
เราเลยคิดว่า อาจจะมีคนสนใจไปเรียนภาษาที่อเมริกากันหลายคน
ก็เลยอยากแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ ในฐานะคนที่เพิ่งกลับมานะคะ :^)
(เราไป Portland วันที่ 12 ก.ค. 57 ไปอยู่ 8 เดือน เพิ่งกลับไทยเมื่อเกือบ 3 อาทิตย์ก่อน)
เรายังไม่ได้วางแผนเป๊ะๆ ว่าจะมีทั้งหมดกี่กระทู้ เรื่องอะไรบ้าง
อาจจะมีแค่กระทู้เดียวก็ได้ แต่หัวข้อคร่าวๆ ก็น่าจะประมาณ...
- จุดเริ่มต้นของการสมัครไปเรียนภาษาที่อเมริกา
- ทำไมถึงเลือก Portland ?
- การเรียนการสอนและกิจกรรมของโรงเรียน
- ความเป็นอยู่ที่นั่น ซึ่งอาจจะมีหัวข้อย่อย เช่น อาหารการกิน กิจกรรมยามว่าง ที่พัก ฯลฯ
- เพื่อนต่างชาติ: เกิดมาไม่เคยมีเพื่อนต่างชาติ แล้วฉันจะมีเพื่อนมั้ย? ทำไงดีอะ?
- ถ้าคุณมีโอกาส คุณควรไปเรียนภาษาที่นี่อย่างยิ่ง เพราะ...?
- ทริคในการใช้ชีวิตในต่างแดนให้คุ้มค่ากับเงินที่สูญไป
- การขอข้อมูลของสถาบันต่างๆ เผื่อคนไหนอยากเรียนต่อป.โทที่นั่น
- การวางแผนไปเที่ยวรัฐอื่นตัวคนเดียวอย่างสนุกสนานด้วยรถบัสอย่างดี ราคาถูก
ตอนนี้นึกออกประมาณนี้ แต่อาจมีหัวข้อใหม่ๆ งอกขึ้นมาระหว่างทาง 55555*
ใครอยากทราบข้อมูลอะไรเพิ่ม หรือมีคำถาม ก็คอมเมนต์ไว้ด้านล่างได้เลยนะคะ
ถ้าตอบได้ก็จะพยายามตอบอย่างสุดความสามารถค่า ^^*
มาเริ่มกันเลยดีกว่า...
เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว(2014) หลังจากที่เราเรียนจบและทำงานได้เกือบ 1 ปี
อยู่ๆ ก็อยากไปเรียนภาษาที่เมืองนอกขึ้นมา อยากพูดภาษาอังกฤษได้ อยากพัฒนาตัวเอง
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะตามมาคือ ดูหนังฝรั่งรู้เรื่อง ไปเที่ยวด้วยตัวเองได้รอบโลก และ... การอัพเงินเดือน 555555*
เราเลยเริ่มหาข้อมูลว่าจะเรียนที่สถาบันไหน? ประเทศอะไรดี?
เอาไปเอามาก็ไปจบที่ Kaplan เพราะช่วงนั้นลด 20% พอดี ส่วนประเทศก็ยังลังเลว่าจะอังกฤษหรืออเมริกาดี
ส่วนตัวแล้วชอบสำเนียง British มาก อยากไปลอนดอนสุด แต่พอเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายแล้ว... ไปเมกาก็ด้ะ .___.
ก็เลยเลือกไปเมือง Portland, Oregon ค่ะ ซึ่งช่วงที่เราอยู่ที่นั่นก็รู้สึกว่าเมืองนี้เริ่มเป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้น ป็อปปูล่ามากขึ้นๆ ทุกวัน
จน a day ถึงกับทำเรื่อง Portland โดยเฉพาะ แถมยังมีการพูดถึง Portland ใน NEW YORK 1st TIME ของพี่เบ๊นด้วย
ซึ่ง Portland ก็เป็นเมืองที่ดีจริงๆ นั่นแหละ ส่วนเหตุผลที่เราเลือกไปเมืองนี้ก็เพราะ...
1.
Portland เป็นเมืองที่เขียวที่สุดในอเมริกา: เมืองนี้ต้นไม้เยอะมาก ธรรมชาติสวยจริง อะไรจริง พวกนางแคร์ต้นไม้กันสุด
ขนาดในพื้นที่ Downtown ก็ยังต้นไม้เยอะ สวนสาธารณะเยอะ มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ขนานไปตามริมแม่น้ำ
ต้นสนต้นใหญ่วี้ดบึ้ม สิบคนโอบมาก ต้นไม้ใบหญ้าอุดมสุดๆ หนังหลายเรื่องก็มาถ่ายทำที่นี่ ซึ่ง Twilight ก็เป็นหนึ่งในนั้น
เราถ่ายภาพนี้ตอนยืนรอ Streetcar กับเพื่อนฝรั่งเศสค่ะ อะไรจะเขียวขนาดนั้นนนน~
นี่เป็นทิวสนแถวบ้านค่ะ เห็นรถที่จอดอยู่ใต้ต้นสนมั้ยคะ? นั่นแหละค่ะ ขนาดต้นสน ;^)
(แต่บ้านที่เราอยู่ไม่ได้อยู่ใน Portland นะคะ อยู่ Beaverton เมืองติดกันค่ะ อากาศดีมากกก)
2.
Portland เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีระบบจักรยานที่ดีที่สุดในอเมริกา: ขอออกตัวก่อนว่า เราก็ไม่ได้ชอบขี่จักรยานอะไรขนาดนั้น อ่าว?
แต่คำว่า เมืองจักรยาน มันทำให้เรานึกถึงคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเป็น Slow Life อะไรแบบนี้ ก็เลยชอบและรู้สึกดีค่ะ
ถ้าใครเคยอ่าน a day เล่มนี้ ก็คงพอจะนึกถึงคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คนเมืองนี้ออก ^^
3.
Oregon เป็นรัฐที่มี Sales tax 0%!!!: ข้อนี้สำหรับเราสำคัญมากนะคะ
Sales tax คือเงินที่คุณจะต้องจ่ายเพิ่มจากราคาที่ติดอยู่ ไม่ว่าจะกินข้าว ซื้อของ หรืออะไรก็ตาม
อย่างตอนเราไปเที่ยว Seattle, WA เมืองนี้มี Sales tax สูงถึง 9.5% ซื้อของทีไร homesick ทุกที คิดถึง Portland 555555*
เพราะฉะนั้น การไปใช้ชีวิตอยู่ในรัฐที่ไม่มี Sales tax จะสามารถช่วยเราประหยัดเงินไปได้เยอะมากจริงๆ ค่ะ
4.
เรามีญาติอยู่ที่นั่น: นี่เป็นความโชคดีอย่างมากของเรา ที่นอกจากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เรายังมีญาติอยู่ที่นั่นอีกด้วย
ขอเกริ่นก่อน เราเป็นลูกสาวคนเล็ก เกิดมาไม่เคยไปค้างที่ไหนนานๆ นานสุดคือตอนไปฝึกงานที่ภูเก็ต 2 เดือนครึ่ง
พ่อแม่เลยค่อนข้างเป็นห่วงถ้าเกิดเราต้องไปอยู่เมืองนอกตัวคนเดียว แต่พอเราจะไปพักบ้านญาติ พ่อแม่เราก็เบาใจ :^D
เหตุผลหลักๆ ที่คิดออกตอนนั้นก็แค่นี้แหละค่ะ แต่พอได้ไปอยู่จริงๆ เหตุผลใหม่ก็มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกว่าคิดถูกจริงๆ ที่เลือกมาเมืองนี้
ขอต่อเรื่องการเตรียมตัวที่ไทยนะคะ... หลังจากนั้นเราก็ไปติดต่อเอเจนซี่ เขาก็ให้ checklist มาค่ะ ว่าจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
เอกสารเยอะจริงๆ แต่ก็เตรียมจนครบตามลิสต์จนได้ค่ะ (แม่ก็มาช่วยเตรียมด้วย ขอบคุณมากค่า กราบ~ =/|\= )
พอเอเจนซี่ส่งเอกสารไปให้ Kaplan ที่อเมริกา ทางนั้นก็ส่ง I-20 กลับมาให้ที่ไทย จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการขอวีซ่าแล้วค่ะ
ช่วงนั้นเครียดมาก อ่านกระทู้เกี่ยวกับการขอวีซ่าอย่างเยอะ พอเห็นหลายคนขอไม่ผ่านก็เป็นกังวลมาก
เราโชคดีที่พ่อแม่เคยพาไปเที่ยวหลายประเทศ แต่อเมริกา... มีแค่พี่ชายเราที่เคยไป W&T แค่นั้น
เราก็พยายามเตรียมตัวไปให้พร้อมที่สุดแหละ แต่งตัวเรียบร้อยเพื่อให้เกียรติสถานที่ ไปถึงสถานทูตตั้งแต่ 7:30 น.
วีซ่าที่เราขอ คือ ประเภท F-1 ค่ะ (หลังเรียนจบโปรแกรมสามารถอยู่ต่อในอเมริกาได้อีก 60 วัน)
เราเลือกสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย ได้สัมภาษณ์กับท่านกงสุลคนที่หล่อๆ อะ สำเนียงน่ารักกุ๊บกิ๊บมาก
ซาหวัดดีค้าบ... ชื่ออาไรค้าบ?... จะไปทำอาไรที่อเมริกาค้าบ?... ไปนานเท่าไรค้าบ?...
ท่านพิมพ์อะไรก็อกแก็กๆ สักพัก ไม่ขอดูเอกสารอะไรเพิ่มเลย วีซ่าเราก็ผ่านเรียบร้อย เหมือนยกภูเขาออกจากอก
(แต่แอบเสียดาย เราได้วีซ่าแค่ 6 เดือนเอง เพราะเราตอบท่านว่าจะไปเรียนภาษา 3 เดือน
ส่วนเพื่อนเราบอกว่าจะไปเรียนภาษาและต่อป.โทด้วย เลยได้ตั้ง 4 ปี... ฮรึกกก... เราก็อยากต่อโทเหมือนกันนะ TT-TT )
พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เราก็เหลือเวลาเดือนกว่าๆ ก่อนไปค่ะ ช่วงนั้นออกจากงานแล้ว
เลยอยู่บ้านรื้อฟื้นภาษาอังกฤษและพยายามเรียนรู้สิ่งที่คิดว่าอยู่นั่นน่าจะได้ใช้แน่ๆ จาก Youtube
ขอบอกเลยว่าของฟรีและดี(มากกกก) มีในโลกนะคะ ช่องเรียนภาษาอังกฤษใน Youtube ที่เราขอแนะนำ คือ...
- Click : ภาษาอังกฤษ [by Mahidol] - อ.คริส (Chris Delivery)
- Adam Bradshaw - อ.อดัม
- MsLingLingOfficial - หลิงหลิง
- JamesESL English Lessons (engVid) - ฝรั่งสอน แต่เข้าใจง่าย นางพูดช้าสุด ชัดสุด
- Learn English with Emma [engVid] - ฝรั่งสอน เข้าใจง่ายเช่นกัน
จนถึงอาทิตย์สุดท้ายก่อนออกเดินทาง เรานั่งจัดกระเป๋าอยู่ทั้งอาทิตย์ เวิ่นเว้อมาก เอาของเข้าๆ ออกๆ อยู่นั่น
คือจัดกระเป๋าไม่ถูกไง ไม่เคยไปไหนนานขนาดนั้น แถมเป็นประเทศที่ไม่เคยไปอีก
ด้วยความที่อยากช่วยแม่ประหยัดเงิน เลยขนข้าวของไปเยอะเลย จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่ที่นู่น พอแม่มาดูกระเป๋า...
แม่บอก "จะขนอะไรไปเยอะแยะ? เอาออก!" จ้ะ เอาออกก็ด้ะ =*= นั่งรื้ออีก... แล้วจะเอามาม่าไปกี่รสดี? ไหนจะโลโบ้อีก
บอกเลยว่ากว่าจะจัดกระเป๋าเสร็จ... คืนสุดท้ายก่อนไปนั่นแหละ ที่สุดของความเป็นมนุษย์เวิ่นเว้อ เยาวชนไม่ควรเอาอย่าง =___=;;;
และแล้ว... ก็ถึงวันต้องจากลาสยามประเทศ ด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 2 ใบ ใบเล็ก 1 ใบ เป้ 1 ใบ(เต็มโควต้าสุด 55555*)
ต้องบินไปคนเดียว เปลี่ยนเครื่อง 2 ครั้งที่เกาหลีกับฮาวาย แล้วไปตั้ง 3 เดือน(แต่ตอนหลังเราลงเรียนเพิ่มอีก 3 เดือน) บอกเลยว่าเปลี่ยวใจมาก
ครอบครัวไปส่งที่สนามบินนะ ตอนบ๊ายบายกันก็พยายามจะยิ้ม แต่พอหันหลังเท่านั้นแหละ... งานน้ำตาต้องมา 555555* TT^TT
นอกจากจะคิดถึงบ้านตั้งแต่ยังไม่ไปถึงไหนแล้ว ยังกังวลกับชีวิตในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าด้วย(เป็นคนติดบ้านมาก แค่ไปภูเก็ตยัง homesick - -*)
การเดินทางของเราราบรื่นดีค่ะ แอบร้องไห้เงียบๆ บนเครื่องบินเล็กน้อย .__. แต่อาหารบนเครื่องนี่คือฟาดเรียบทุกอย่าง ไม่พลาดสักมื้อ =.,=
การเดินทางทั้งหมด(รวมเปลี่ยนเครื่องด้วย) ใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างนั้นเอง ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับชีวิตอิชั้น...
To be continued... เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ ยาวเกิน 5555555*
ปล. โพสต์นี้ต้องพูดมากหน่อยนะคะ เพราะเป็นการเกริ่นเรื่อง
แต่โพสต์อื่นๆ... ก็อาจจะพูดมากเหมือนเดิม (อ่าว?) แต่จะมีรูปให้ดูเยอะเลย โดยเฉพาะหัวข้อ ของกิน !! ;^)
[EDIT: แก้คำผิดค่ะ]
[Review] เรียนภาษาที่ PORTLAND - ตอนที่ 1 Portland?!! ไปดี ไม่ไปดี? ไปละกัน!!
สืบเนื่องมาจากว่า... เราเคยไปตอบกระทู้เรื่องเรียนภาษาที่ Portland, Oregon ในกระทู้ๆ หนึ่ง
หลังจากนั้นก็มีคน inbox เข้ามาถามเยอะมาก ซึ่งคำถามก็ซ้ำๆ กัน เช่น
เริ่มยังไง โรงเรียนเป็นยังไง สอนดีมั้ย พักที่ไหน ค่าครองชีพเท่าไหร่ ภาษาดีขึ้นมั้ย บลาๆๆ...
เราเลยคิดว่า อาจจะมีคนสนใจไปเรียนภาษาที่อเมริกากันหลายคน
ก็เลยอยากแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ ในฐานะคนที่เพิ่งกลับมานะคะ :^)
(เราไป Portland วันที่ 12 ก.ค. 57 ไปอยู่ 8 เดือน เพิ่งกลับไทยเมื่อเกือบ 3 อาทิตย์ก่อน)
เรายังไม่ได้วางแผนเป๊ะๆ ว่าจะมีทั้งหมดกี่กระทู้ เรื่องอะไรบ้าง
อาจจะมีแค่กระทู้เดียวก็ได้ แต่หัวข้อคร่าวๆ ก็น่าจะประมาณ...
- จุดเริ่มต้นของการสมัครไปเรียนภาษาที่อเมริกา
- ทำไมถึงเลือก Portland ?
- การเรียนการสอนและกิจกรรมของโรงเรียน
- ความเป็นอยู่ที่นั่น ซึ่งอาจจะมีหัวข้อย่อย เช่น อาหารการกิน กิจกรรมยามว่าง ที่พัก ฯลฯ
- เพื่อนต่างชาติ: เกิดมาไม่เคยมีเพื่อนต่างชาติ แล้วฉันจะมีเพื่อนมั้ย? ทำไงดีอะ?
- ถ้าคุณมีโอกาส คุณควรไปเรียนภาษาที่นี่อย่างยิ่ง เพราะ...?
- ทริคในการใช้ชีวิตในต่างแดนให้คุ้มค่ากับเงินที่สูญไป
- การขอข้อมูลของสถาบันต่างๆ เผื่อคนไหนอยากเรียนต่อป.โทที่นั่น
- การวางแผนไปเที่ยวรัฐอื่นตัวคนเดียวอย่างสนุกสนานด้วยรถบัสอย่างดี ราคาถูก
ตอนนี้นึกออกประมาณนี้ แต่อาจมีหัวข้อใหม่ๆ งอกขึ้นมาระหว่างทาง 55555*
ใครอยากทราบข้อมูลอะไรเพิ่ม หรือมีคำถาม ก็คอมเมนต์ไว้ด้านล่างได้เลยนะคะ
ถ้าตอบได้ก็จะพยายามตอบอย่างสุดความสามารถค่า ^^*
มาเริ่มกันเลยดีกว่า...
เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว(2014) หลังจากที่เราเรียนจบและทำงานได้เกือบ 1 ปี
อยู่ๆ ก็อยากไปเรียนภาษาที่เมืองนอกขึ้นมา อยากพูดภาษาอังกฤษได้ อยากพัฒนาตัวเอง
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะตามมาคือ ดูหนังฝรั่งรู้เรื่อง ไปเที่ยวด้วยตัวเองได้รอบโลก และ... การอัพเงินเดือน 555555*
เราเลยเริ่มหาข้อมูลว่าจะเรียนที่สถาบันไหน? ประเทศอะไรดี?
เอาไปเอามาก็ไปจบที่ Kaplan เพราะช่วงนั้นลด 20% พอดี ส่วนประเทศก็ยังลังเลว่าจะอังกฤษหรืออเมริกาดี
ส่วนตัวแล้วชอบสำเนียง British มาก อยากไปลอนดอนสุด แต่พอเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายแล้ว... ไปเมกาก็ด้ะ .___.
ก็เลยเลือกไปเมือง Portland, Oregon ค่ะ ซึ่งช่วงที่เราอยู่ที่นั่นก็รู้สึกว่าเมืองนี้เริ่มเป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้น ป็อปปูล่ามากขึ้นๆ ทุกวัน
จน a day ถึงกับทำเรื่อง Portland โดยเฉพาะ แถมยังมีการพูดถึง Portland ใน NEW YORK 1st TIME ของพี่เบ๊นด้วย
ซึ่ง Portland ก็เป็นเมืองที่ดีจริงๆ นั่นแหละ ส่วนเหตุผลที่เราเลือกไปเมืองนี้ก็เพราะ...
1. Portland เป็นเมืองที่เขียวที่สุดในอเมริกา: เมืองนี้ต้นไม้เยอะมาก ธรรมชาติสวยจริง อะไรจริง พวกนางแคร์ต้นไม้กันสุด
ขนาดในพื้นที่ Downtown ก็ยังต้นไม้เยอะ สวนสาธารณะเยอะ มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ขนานไปตามริมแม่น้ำ
ต้นสนต้นใหญ่วี้ดบึ้ม สิบคนโอบมาก ต้นไม้ใบหญ้าอุดมสุดๆ หนังหลายเรื่องก็มาถ่ายทำที่นี่ ซึ่ง Twilight ก็เป็นหนึ่งในนั้น
เราถ่ายภาพนี้ตอนยืนรอ Streetcar กับเพื่อนฝรั่งเศสค่ะ อะไรจะเขียวขนาดนั้นนนน~
นี่เป็นทิวสนแถวบ้านค่ะ เห็นรถที่จอดอยู่ใต้ต้นสนมั้ยคะ? นั่นแหละค่ะ ขนาดต้นสน ;^)
(แต่บ้านที่เราอยู่ไม่ได้อยู่ใน Portland นะคะ อยู่ Beaverton เมืองติดกันค่ะ อากาศดีมากกก)
2. Portland เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีระบบจักรยานที่ดีที่สุดในอเมริกา: ขอออกตัวก่อนว่า เราก็ไม่ได้ชอบขี่จักรยานอะไรขนาดนั้น อ่าว?
แต่คำว่า เมืองจักรยาน มันทำให้เรานึกถึงคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเป็น Slow Life อะไรแบบนี้ ก็เลยชอบและรู้สึกดีค่ะ
ถ้าใครเคยอ่าน a day เล่มนี้ ก็คงพอจะนึกถึงคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คนเมืองนี้ออก ^^
3. Oregon เป็นรัฐที่มี Sales tax 0%!!!: ข้อนี้สำหรับเราสำคัญมากนะคะ
Sales tax คือเงินที่คุณจะต้องจ่ายเพิ่มจากราคาที่ติดอยู่ ไม่ว่าจะกินข้าว ซื้อของ หรืออะไรก็ตาม
อย่างตอนเราไปเที่ยว Seattle, WA เมืองนี้มี Sales tax สูงถึง 9.5% ซื้อของทีไร homesick ทุกที คิดถึง Portland 555555*
เพราะฉะนั้น การไปใช้ชีวิตอยู่ในรัฐที่ไม่มี Sales tax จะสามารถช่วยเราประหยัดเงินไปได้เยอะมากจริงๆ ค่ะ
4. เรามีญาติอยู่ที่นั่น: นี่เป็นความโชคดีอย่างมากของเรา ที่นอกจากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เรายังมีญาติอยู่ที่นั่นอีกด้วย
ขอเกริ่นก่อน เราเป็นลูกสาวคนเล็ก เกิดมาไม่เคยไปค้างที่ไหนนานๆ นานสุดคือตอนไปฝึกงานที่ภูเก็ต 2 เดือนครึ่ง
พ่อแม่เลยค่อนข้างเป็นห่วงถ้าเกิดเราต้องไปอยู่เมืองนอกตัวคนเดียว แต่พอเราจะไปพักบ้านญาติ พ่อแม่เราก็เบาใจ :^D
เหตุผลหลักๆ ที่คิดออกตอนนั้นก็แค่นี้แหละค่ะ แต่พอได้ไปอยู่จริงๆ เหตุผลใหม่ก็มากขึ้นเรื่อยๆ และรู้สึกว่าคิดถูกจริงๆ ที่เลือกมาเมืองนี้
ขอต่อเรื่องการเตรียมตัวที่ไทยนะคะ... หลังจากนั้นเราก็ไปติดต่อเอเจนซี่ เขาก็ให้ checklist มาค่ะ ว่าจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
เอกสารเยอะจริงๆ แต่ก็เตรียมจนครบตามลิสต์จนได้ค่ะ (แม่ก็มาช่วยเตรียมด้วย ขอบคุณมากค่า กราบ~ =/|\= )
พอเอเจนซี่ส่งเอกสารไปให้ Kaplan ที่อเมริกา ทางนั้นก็ส่ง I-20 กลับมาให้ที่ไทย จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการขอวีซ่าแล้วค่ะ
ช่วงนั้นเครียดมาก อ่านกระทู้เกี่ยวกับการขอวีซ่าอย่างเยอะ พอเห็นหลายคนขอไม่ผ่านก็เป็นกังวลมาก
เราโชคดีที่พ่อแม่เคยพาไปเที่ยวหลายประเทศ แต่อเมริกา... มีแค่พี่ชายเราที่เคยไป W&T แค่นั้น
เราก็พยายามเตรียมตัวไปให้พร้อมที่สุดแหละ แต่งตัวเรียบร้อยเพื่อให้เกียรติสถานที่ ไปถึงสถานทูตตั้งแต่ 7:30 น.
วีซ่าที่เราขอ คือ ประเภท F-1 ค่ะ (หลังเรียนจบโปรแกรมสามารถอยู่ต่อในอเมริกาได้อีก 60 วัน)
เราเลือกสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย ได้สัมภาษณ์กับท่านกงสุลคนที่หล่อๆ อะ สำเนียงน่ารักกุ๊บกิ๊บมาก
ซาหวัดดีค้าบ... ชื่ออาไรค้าบ?... จะไปทำอาไรที่อเมริกาค้าบ?... ไปนานเท่าไรค้าบ?...
ท่านพิมพ์อะไรก็อกแก็กๆ สักพัก ไม่ขอดูเอกสารอะไรเพิ่มเลย วีซ่าเราก็ผ่านเรียบร้อย เหมือนยกภูเขาออกจากอก
(แต่แอบเสียดาย เราได้วีซ่าแค่ 6 เดือนเอง เพราะเราตอบท่านว่าจะไปเรียนภาษา 3 เดือน
ส่วนเพื่อนเราบอกว่าจะไปเรียนภาษาและต่อป.โทด้วย เลยได้ตั้ง 4 ปี... ฮรึกกก... เราก็อยากต่อโทเหมือนกันนะ TT-TT )
พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เราก็เหลือเวลาเดือนกว่าๆ ก่อนไปค่ะ ช่วงนั้นออกจากงานแล้ว
เลยอยู่บ้านรื้อฟื้นภาษาอังกฤษและพยายามเรียนรู้สิ่งที่คิดว่าอยู่นั่นน่าจะได้ใช้แน่ๆ จาก Youtube
ขอบอกเลยว่าของฟรีและดี(มากกกก) มีในโลกนะคะ ช่องเรียนภาษาอังกฤษใน Youtube ที่เราขอแนะนำ คือ...
- Click : ภาษาอังกฤษ [by Mahidol] - อ.คริส (Chris Delivery)
- Adam Bradshaw - อ.อดัม
- MsLingLingOfficial - หลิงหลิง
- JamesESL English Lessons (engVid) - ฝรั่งสอน แต่เข้าใจง่าย นางพูดช้าสุด ชัดสุด
- Learn English with Emma [engVid] - ฝรั่งสอน เข้าใจง่ายเช่นกัน
จนถึงอาทิตย์สุดท้ายก่อนออกเดินทาง เรานั่งจัดกระเป๋าอยู่ทั้งอาทิตย์ เวิ่นเว้อมาก เอาของเข้าๆ ออกๆ อยู่นั่น
คือจัดกระเป๋าไม่ถูกไง ไม่เคยไปไหนนานขนาดนั้น แถมเป็นประเทศที่ไม่เคยไปอีก
ด้วยความที่อยากช่วยแม่ประหยัดเงิน เลยขนข้าวของไปเยอะเลย จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่ที่นู่น พอแม่มาดูกระเป๋า...
แม่บอก "จะขนอะไรไปเยอะแยะ? เอาออก!" จ้ะ เอาออกก็ด้ะ =*= นั่งรื้ออีก... แล้วจะเอามาม่าไปกี่รสดี? ไหนจะโลโบ้อีก
บอกเลยว่ากว่าจะจัดกระเป๋าเสร็จ... คืนสุดท้ายก่อนไปนั่นแหละ ที่สุดของความเป็นมนุษย์เวิ่นเว้อ เยาวชนไม่ควรเอาอย่าง =___=;;;
และแล้ว... ก็ถึงวันต้องจากลาสยามประเทศ ด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 2 ใบ ใบเล็ก 1 ใบ เป้ 1 ใบ(เต็มโควต้าสุด 55555*)
ต้องบินไปคนเดียว เปลี่ยนเครื่อง 2 ครั้งที่เกาหลีกับฮาวาย แล้วไปตั้ง 3 เดือน(แต่ตอนหลังเราลงเรียนเพิ่มอีก 3 เดือน) บอกเลยว่าเปลี่ยวใจมาก
ครอบครัวไปส่งที่สนามบินนะ ตอนบ๊ายบายกันก็พยายามจะยิ้ม แต่พอหันหลังเท่านั้นแหละ... งานน้ำตาต้องมา 555555* TT^TT
นอกจากจะคิดถึงบ้านตั้งแต่ยังไม่ไปถึงไหนแล้ว ยังกังวลกับชีวิตในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าด้วย(เป็นคนติดบ้านมาก แค่ไปภูเก็ตยัง homesick - -*)
การเดินทางของเราราบรื่นดีค่ะ แอบร้องไห้เงียบๆ บนเครื่องบินเล็กน้อย .__. แต่อาหารบนเครื่องนี่คือฟาดเรียบทุกอย่าง ไม่พลาดสักมื้อ =.,=
การเดินทางทั้งหมด(รวมเปลี่ยนเครื่องด้วย) ใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างนั้นเอง ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับชีวิตอิชั้น...
To be continued... เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ ยาวเกิน 5555555*
ปล. โพสต์นี้ต้องพูดมากหน่อยนะคะ เพราะเป็นการเกริ่นเรื่อง
แต่โพสต์อื่นๆ... ก็อาจจะพูดมากเหมือนเดิม (อ่าว?) แต่จะมีรูปให้ดูเยอะเลย โดยเฉพาะหัวข้อ ของกิน !! ;^)
[EDIT: แก้คำผิดค่ะ]