ผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งเป็นผู้ชายสนิทมากๆ ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่กำลังจะจบ ม 6 เพื่อนผมติดงานส่งครูเยอะมาก ผมก็พยายามช่วยเท่าที่ทำได้ในฐานะเพื่อน ในช่วงเวลานี้ทำให้ผมสนิทกับเพื่อนมากกว่าเดิมมาก แคร์เพื่อนมากขึ้น ตอนเย็นโดยปกติแล้วผมจะแชทเฟส คุยโทรศัพท์ หาเรื่องคุยกันทุกวัน
แต่พอมาเดี่ยวนี้ผมรู้สึกว่าผมกับเพื่อนเปลี่ยนไปทั้งคู่ ผมอยากคุยกับมันมากขึ้น แต่เพื่อนผมเริ่มห่างมากขึ้น จากคุยโทรศัพท์ ทุกวันเปลี่ยนเป็นว่าไม่มีเลย ผมกับเพื่อนโกรธกัน ดีกัน ทะเลาะกันทุกวัน เพราะผมชอบหาเรื่องเพื่อนว่า เขาไม่สนใจผมมัวแต่คุยกับแฟนแล้วไม่แคร์เพื่อนอย่างผม ซึ่งเค้าไม่เคยเป็นอย่างนี้ ....เวลาคุยกันกับผมเขาพยายามเลี่ยง บอกผมว่ายังไม่ว่างทุกครั้งเวลาคุยเฟส ( ....แปบนะ รอแปบ ทำงานบ้านแปบ.......แล้วมันก็หายไปยาวๆเป็นวัน) จนผมรู้สึกเคว้งกว่าเดิม ผมยอมรับทุกอย่างครับว่าผมยุ่งเรื่องของเพื่อนมากไปอยากให้เค้าสนใจ เลยหาเรื่องคุยแต่พอเจอคำว่า ....แปบนะ....ผมก็ชวนมันทะเลาะตลอด จนบ่อยเข้า ผมเลยลบเพื่อนเค้าในเฟส ไม่ใช่ว่าผมอยากตัดเพื่อนนะครับเป็นเพราะผมอยากให้เพื่อนไม่ต้องมาทนกันอารมณ์ผมอีก ผมควรทำไงครับเพื่อนผมถึงจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการ ผมต้องการแค่ให้เค้าทำเป็นปกติเหมือนที่เคยทำ ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกันในฐานะเพื่อนแล้วรู้สึกสนิทกันคือวันเกิดเขาครับ และนี้คือสิ่งที่ผมบอกเขาผมคิดว่านี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วมันก็เป็นจริงเหมือนที่ผมคิด................. "วันเกิดล่ะ จำที่อวยพรวันเกิดกูได้ไหม ....
ปีนี้ก็ปีสุดท้ายและน่ะที่จะได้อยู่ รร. นี่ด้วยกัน คิดไปคิดมา เรามาสนิทกันได้ยังไงว่ะ 3 ปี ทั้งๆที่เรา ตรงข้ามกันทุกอย่างเลยน่ะ หน้าตา การเรียน นิสัย และอีกหลายอย่าง
แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก 55555. วันเกิดปีนี้อ่ะ อาจจะเป็นวันเกิดปีสุดท้าย ที่ข้าได้อยู่ใกล้ชิดกับเองแบบนี้น่ะ เพราะอนาคตจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
เพื่อนคนนี้ไม่มีอะไรจะบอกมากหรอก....แค่อยากบอกว่า รักมากน่ะ ขอให้เจอแต่เรื่องดีๆเข้ามาในชีวิต...สุขภาพร่างกายแข็งแรง...ขอให้เจอแต่คนดีๆน่ะในอนาคตข้างหน้า...ขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การเรียนและการงานน่ะ...อยากให้เจอเพื่อนที่ดีๆในอนาคตน่ะเว้ยยยย (อย่าลืมกันด้วย) ........................กูอ่านแล้วกูอยากให้กับกูสนิทกันแบบตอนนั้นนะ แต่มันก็นะ เวลาเปลี่ยน กูก็เปลี่ยน ก็เปลี่ยน สถานการณ์มันเปลี่ยน อย่างที่บอกกูอยู่กับมัน 3 ปีไม่รู้ทำไมไปสนิทกับได้เพราะกับกูต่างกันเกือบทุกเรื่อง แต่กูว่าเพราะความเชื่อใจกันไง จำตอน ม4 ได้ไหมเป็นเพื่อนคนแรกของกูที่กูไว้ใจได้ ตอนเช้าให้กูรอเข้า รร พร้อมเกือบทุกวัน วันไหนกูเข้า รร ก่อนก็จะงอนกู ไม่คุยกับกูเกือบทั้งวัน และก็พอกูพูดอะไรไม่เข้าหูหน่อยก็งอนอีก กูแบบโครตเคว้งที่เป็นแบบนั้น ก็รู้ตอนนั้นกูเป็นคนเงียบไม่มีกูก็ไม่รู้จะคุยกับใครละ แต่ก็นะนี้แหละมั้งที่ทำให้กับกูสนิทกันเพราะกูคุยกับได้ทุกเรื่อง ระบายได้ทุกอย่าง ชอบหนีกลับบ้านตั้งแต่ รร ยังไม่เลิกพร้อมกันกับ พอมา ม5 มันมีปัญหาทางบ้านที่กูกับเหมือนกันทำให้มีไรกูกับช่วยเหลือกันตลอดทั้งเรื่องเรียน เรื่องเวลา เรื่องเงิน ถึงไม่มี ก็อดด้วยกัน มันบอกยากนะความรู้สึกกูอ่า กูไม่เคยมีใครเป็นเพื่อนแล้วกูสนิท ผูกพัน กูแคร์ กูรักขนาดนี้ หายไปกูเหมือนขาดอะไรสักอย่างใจคอมันรู้สึกไม่ดี ม6 กูว่าจำได้แหละงานคู่ งานกลุ่ม ที่กูกับไม่เคยแยกกัน ถึงจะทำอะไรไม่เป็นทั้งคู่ก็เถอะ5555 วันเกิดกูแต่งนี้ให้กู
เกือบ3ปีที่พบเจอเพื่อนคนหนึ่ง
มีทั้งซึ้งทั้งรอยยิ้มทั้งน้ำตา
เพื่อนคนนี้ชื่อว่า "ว" ดีนักหนา
ขอบคุณน้าที่ได้เจอเพื่อนแสนดี
แต่อย่างไรเมื่อมีพบต้องมีจาก
ทำใจยากแต่ไม่อยากให้จากหนี
ทั้งชีวิตคิดไว้ว่าเพื่อนคนนี้
เป็นเพื่อนดีเป็นเพื่อนแท้ตลอดไป........#จะร้องไห้แล้วเนี่ยยยย
กูยังอยากไปไหนกับ2คนเหมือนเมื่อก่อนนะ มันทำให้กูรู้ว่าก็เห็นกูเป็นเพื่อนสนิท ดีใจนะที่รู้ว่ากูเป็นคนยังไง แล้วรับกับนิสัยกูได้ คอยโทรหากันตลอดคุยกันทุกๆเรื่อง แต่มันคงไม่มีแล้วละ ที่กูจะได้ระบาย หัวเราะ ร้องไห้กับ กูลองย้อนอ่านแชทเก่าๆที่คุยกับก่อนเริ่มทะเลาะกัน มันมีความสุขมากวะ ต่างจากตอนนี้ที่กูทักไปแล้วไม่รู้จะคุยอะไร 5555กูคงไม่มีหน้าไปทักอีกแล้วละ กูไม่รู้เพราะอะไรนะถึงเป็นงี้ แล้วกูก็เริ่มเยอะกับ 5555 กูยอมรับเลยนะว่าพูดเอาดีใส่ตัว พูดเอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว แต่กูแค่อยากทำอะไรแบบนี้ ระบายแบบนี้กับเพราะไม่รู้ว่ากูจะมีโอกาสพูดแบบนี้กับอีกไหม ขอโทษที่กูไม่มีเหตุผล ที่กูเยอะ ขอโทษที่เอาแต่ใจ ขอโทษที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวมากไป ต่อจากนี้กูไม่ขออะไรอีกละ อนาคตอาจจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็ได้ เวลาเดียวมันพาไปเอง กุจะรอวันที่กลับมมานะ ............มีความสุขมากๆนะ สมหวังกับสิ่งที่หวังไว้ ผ่านปัญหาทุกอย่างในชีวิตไปให้ได้นะ #ยังเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับกูเสมอนะ วันเกิดปีนี้อาจจะเป็นปีสุดท้ายที่กูได้อวยพร โชคดีว่ะ"......นี้คือครั้งสุดท้ายที่ได้บอกเพื่อนผมคิดว่าผมมีส่วนผิดแล้วเขาก็มีส่วนผิดเหมือนกันเพราะแต่ก่อนผมกับเพื่อนจะมีกันแค่ 2 คนไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่พอมาช่วงหลัง มีการรวมกลุ่มกันของเพื่อนในห้องเรียนทีแรกผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ตอนหลังมันทำให้ผมได้รู้ว่าผมหมดประโยชน์แล้ว เพราะมีคนอื่นที่ช่วยเหลือมันได้ นี้อาจทำให้มันห่างผมไม่ได้คิดไปเองนะครับ การกระทำเพื่อนผมมันแสดงออกชัดเจนมาก นี้แหละครับจากประโยคที่เคยมีคนบอกผมไว้ว่าให้ลองล้มดูบ้าง เราจะได้รู้ว่าเท้าของเพื่อนคนไหนเหยียบอยู่บนหลังเราบ้าง ตอนนี้ผมเข้าใจประโยคนี้แล้วครับ บทสรุปผมจะเขียนให้สวยหรูเพื่อเท้าของคนบางคนที่อยู่บนหลังผมตั้งแต่วันนั้นจะได้เป็นบทเรียนและจำฝั่งใจของผมไปอีกยาวนาน แต่ผมคงไปโทษใครไม่ได้หรอกมั้งครับ ถ้าเป็นนิยายตอนจบ ...........เรื่องราวนี้ไม่ได้กล่าวโทษว่าเราผิดหรือเขาผิด แล้วก็ไม่ได้บอกว่าเขาถูกหรือเราถูก เป็นเพียงเรื่องราวของความคิดที่แตกต่าง และการให้คำจำกัดความของคำว่าเพื่อนที่ต่างกัน บทสรุปนี้ไม่ได้กล่าวแม้กระทั่งบอกขอโทษกัน ไม่สิไม่ได้กล่าวแม้แต่บอกลากันเพราะเส้นทางเส้นหนึ่งของเราทั้งคู่ มันสิ้นสุดลงที่จุดเล็กๆ แต่จุดนี้ทำให้เกิดรอยแตกแยกออกจากกันของเส้นทาง ที่ค่อยๆห่างกันออกไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถหาเส้นทางให้มันกลับมาเป็นเส้นเดียวกันอีกแล้ว และนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการจากลาที่ไม่มีวันหวนกลับได้อีก ไม่สิอาจไม่มีเส้นความสัมพันธ์นั้นตั้งแต่แรกแล้ว see you again my friend
ผมเปลี่ยนไป เพราะอยากให้เพื่อนเข้าใจ
แต่พอมาเดี่ยวนี้ผมรู้สึกว่าผมกับเพื่อนเปลี่ยนไปทั้งคู่ ผมอยากคุยกับมันมากขึ้น แต่เพื่อนผมเริ่มห่างมากขึ้น จากคุยโทรศัพท์ ทุกวันเปลี่ยนเป็นว่าไม่มีเลย ผมกับเพื่อนโกรธกัน ดีกัน ทะเลาะกันทุกวัน เพราะผมชอบหาเรื่องเพื่อนว่า เขาไม่สนใจผมมัวแต่คุยกับแฟนแล้วไม่แคร์เพื่อนอย่างผม ซึ่งเค้าไม่เคยเป็นอย่างนี้ ....เวลาคุยกันกับผมเขาพยายามเลี่ยง บอกผมว่ายังไม่ว่างทุกครั้งเวลาคุยเฟส ( ....แปบนะ รอแปบ ทำงานบ้านแปบ.......แล้วมันก็หายไปยาวๆเป็นวัน) จนผมรู้สึกเคว้งกว่าเดิม ผมยอมรับทุกอย่างครับว่าผมยุ่งเรื่องของเพื่อนมากไปอยากให้เค้าสนใจ เลยหาเรื่องคุยแต่พอเจอคำว่า ....แปบนะ....ผมก็ชวนมันทะเลาะตลอด จนบ่อยเข้า ผมเลยลบเพื่อนเค้าในเฟส ไม่ใช่ว่าผมอยากตัดเพื่อนนะครับเป็นเพราะผมอยากให้เพื่อนไม่ต้องมาทนกันอารมณ์ผมอีก ผมควรทำไงครับเพื่อนผมถึงจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการ ผมต้องการแค่ให้เค้าทำเป็นปกติเหมือนที่เคยทำ ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกันในฐานะเพื่อนแล้วรู้สึกสนิทกันคือวันเกิดเขาครับ และนี้คือสิ่งที่ผมบอกเขาผมคิดว่านี้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วมันก็เป็นจริงเหมือนที่ผมคิด................. "วันเกิดล่ะ จำที่อวยพรวันเกิดกูได้ไหม ....
ปีนี้ก็ปีสุดท้ายและน่ะที่จะได้อยู่ รร. นี่ด้วยกัน คิดไปคิดมา เรามาสนิทกันได้ยังไงว่ะ 3 ปี ทั้งๆที่เรา ตรงข้ามกันทุกอย่างเลยน่ะ หน้าตา การเรียน นิสัย และอีกหลายอย่าง
แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก 55555. วันเกิดปีนี้อ่ะ อาจจะเป็นวันเกิดปีสุดท้าย ที่ข้าได้อยู่ใกล้ชิดกับเองแบบนี้น่ะ เพราะอนาคตจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
เพื่อนคนนี้ไม่มีอะไรจะบอกมากหรอก....แค่อยากบอกว่า รักมากน่ะ ขอให้เจอแต่เรื่องดีๆเข้ามาในชีวิต...สุขภาพร่างกายแข็งแรง...ขอให้เจอแต่คนดีๆน่ะในอนาคตข้างหน้า...ขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การเรียนและการงานน่ะ...อยากให้เจอเพื่อนที่ดีๆในอนาคตน่ะเว้ยยยย (อย่าลืมกันด้วย) ........................กูอ่านแล้วกูอยากให้กับกูสนิทกันแบบตอนนั้นนะ แต่มันก็นะ เวลาเปลี่ยน กูก็เปลี่ยน ก็เปลี่ยน สถานการณ์มันเปลี่ยน อย่างที่บอกกูอยู่กับมัน 3 ปีไม่รู้ทำไมไปสนิทกับได้เพราะกับกูต่างกันเกือบทุกเรื่อง แต่กูว่าเพราะความเชื่อใจกันไง จำตอน ม4 ได้ไหมเป็นเพื่อนคนแรกของกูที่กูไว้ใจได้ ตอนเช้าให้กูรอเข้า รร พร้อมเกือบทุกวัน วันไหนกูเข้า รร ก่อนก็จะงอนกู ไม่คุยกับกูเกือบทั้งวัน และก็พอกูพูดอะไรไม่เข้าหูหน่อยก็งอนอีก กูแบบโครตเคว้งที่เป็นแบบนั้น ก็รู้ตอนนั้นกูเป็นคนเงียบไม่มีกูก็ไม่รู้จะคุยกับใครละ แต่ก็นะนี้แหละมั้งที่ทำให้กับกูสนิทกันเพราะกูคุยกับได้ทุกเรื่อง ระบายได้ทุกอย่าง ชอบหนีกลับบ้านตั้งแต่ รร ยังไม่เลิกพร้อมกันกับ พอมา ม5 มันมีปัญหาทางบ้านที่กูกับเหมือนกันทำให้มีไรกูกับช่วยเหลือกันตลอดทั้งเรื่องเรียน เรื่องเวลา เรื่องเงิน ถึงไม่มี ก็อดด้วยกัน มันบอกยากนะความรู้สึกกูอ่า กูไม่เคยมีใครเป็นเพื่อนแล้วกูสนิท ผูกพัน กูแคร์ กูรักขนาดนี้ หายไปกูเหมือนขาดอะไรสักอย่างใจคอมันรู้สึกไม่ดี ม6 กูว่าจำได้แหละงานคู่ งานกลุ่ม ที่กูกับไม่เคยแยกกัน ถึงจะทำอะไรไม่เป็นทั้งคู่ก็เถอะ5555 วันเกิดกูแต่งนี้ให้กู
เกือบ3ปีที่พบเจอเพื่อนคนหนึ่ง
มีทั้งซึ้งทั้งรอยยิ้มทั้งน้ำตา
เพื่อนคนนี้ชื่อว่า "ว" ดีนักหนา
ขอบคุณน้าที่ได้เจอเพื่อนแสนดี
แต่อย่างไรเมื่อมีพบต้องมีจาก
ทำใจยากแต่ไม่อยากให้จากหนี
ทั้งชีวิตคิดไว้ว่าเพื่อนคนนี้
เป็นเพื่อนดีเป็นเพื่อนแท้ตลอดไป........#จะร้องไห้แล้วเนี่ยยยย
กูยังอยากไปไหนกับ2คนเหมือนเมื่อก่อนนะ มันทำให้กูรู้ว่าก็เห็นกูเป็นเพื่อนสนิท ดีใจนะที่รู้ว่ากูเป็นคนยังไง แล้วรับกับนิสัยกูได้ คอยโทรหากันตลอดคุยกันทุกๆเรื่อง แต่มันคงไม่มีแล้วละ ที่กูจะได้ระบาย หัวเราะ ร้องไห้กับ กูลองย้อนอ่านแชทเก่าๆที่คุยกับก่อนเริ่มทะเลาะกัน มันมีความสุขมากวะ ต่างจากตอนนี้ที่กูทักไปแล้วไม่รู้จะคุยอะไร 5555กูคงไม่มีหน้าไปทักอีกแล้วละ กูไม่รู้เพราะอะไรนะถึงเป็นงี้ แล้วกูก็เริ่มเยอะกับ 5555 กูยอมรับเลยนะว่าพูดเอาดีใส่ตัว พูดเอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว แต่กูแค่อยากทำอะไรแบบนี้ ระบายแบบนี้กับเพราะไม่รู้ว่ากูจะมีโอกาสพูดแบบนี้กับอีกไหม ขอโทษที่กูไม่มีเหตุผล ที่กูเยอะ ขอโทษที่เอาแต่ใจ ขอโทษที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวมากไป ต่อจากนี้กูไม่ขออะไรอีกละ อนาคตอาจจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็ได้ เวลาเดียวมันพาไปเอง กุจะรอวันที่กลับมมานะ ............มีความสุขมากๆนะ สมหวังกับสิ่งที่หวังไว้ ผ่านปัญหาทุกอย่างในชีวิตไปให้ได้นะ #ยังเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับกูเสมอนะ วันเกิดปีนี้อาจจะเป็นปีสุดท้ายที่กูได้อวยพร โชคดีว่ะ"......นี้คือครั้งสุดท้ายที่ได้บอกเพื่อนผมคิดว่าผมมีส่วนผิดแล้วเขาก็มีส่วนผิดเหมือนกันเพราะแต่ก่อนผมกับเพื่อนจะมีกันแค่ 2 คนไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่พอมาช่วงหลัง มีการรวมกลุ่มกันของเพื่อนในห้องเรียนทีแรกผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ตอนหลังมันทำให้ผมได้รู้ว่าผมหมดประโยชน์แล้ว เพราะมีคนอื่นที่ช่วยเหลือมันได้ นี้อาจทำให้มันห่างผมไม่ได้คิดไปเองนะครับ การกระทำเพื่อนผมมันแสดงออกชัดเจนมาก นี้แหละครับจากประโยคที่เคยมีคนบอกผมไว้ว่าให้ลองล้มดูบ้าง เราจะได้รู้ว่าเท้าของเพื่อนคนไหนเหยียบอยู่บนหลังเราบ้าง ตอนนี้ผมเข้าใจประโยคนี้แล้วครับ บทสรุปผมจะเขียนให้สวยหรูเพื่อเท้าของคนบางคนที่อยู่บนหลังผมตั้งแต่วันนั้นจะได้เป็นบทเรียนและจำฝั่งใจของผมไปอีกยาวนาน แต่ผมคงไปโทษใครไม่ได้หรอกมั้งครับ ถ้าเป็นนิยายตอนจบ ...........เรื่องราวนี้ไม่ได้กล่าวโทษว่าเราผิดหรือเขาผิด แล้วก็ไม่ได้บอกว่าเขาถูกหรือเราถูก เป็นเพียงเรื่องราวของความคิดที่แตกต่าง และการให้คำจำกัดความของคำว่าเพื่อนที่ต่างกัน บทสรุปนี้ไม่ได้กล่าวแม้กระทั่งบอกขอโทษกัน ไม่สิไม่ได้กล่าวแม้แต่บอกลากันเพราะเส้นทางเส้นหนึ่งของเราทั้งคู่ มันสิ้นสุดลงที่จุดเล็กๆ แต่จุดนี้ทำให้เกิดรอยแตกแยกออกจากกันของเส้นทาง ที่ค่อยๆห่างกันออกไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถหาเส้นทางให้มันกลับมาเป็นเส้นเดียวกันอีกแล้ว และนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการจากลาที่ไม่มีวันหวนกลับได้อีก ไม่สิอาจไม่มีเส้นความสัมพันธ์นั้นตั้งแต่แรกแล้ว see you again my friend