คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 25
โอ่โหเหะ
24 คห กับอีก40 กว่าคหย่อย อะไรจะขนาดนั้น กระทู้ถามไม่น่าสนใจ แต่การตอบของคห1 ของผมน่าสนใจกว่า มีทั้งเข้าใจอยู่บ้างแต่ไม่เข้าใจแล้วติติงอย่างมีรสชาตนี่ผมคงเฉยไม่ได้ต้องชี้แจงกันหน่อย
นี่ถ้าเป็นคนอื่นตอบกระทู้แบบนี้แล้วโดนอย่างนี้คงโต้กันสนุกแน่ แม้ในคหย่อยยังแขวะกันเองซะอีก สำหรับผมแล้วมันไม่ได้เกินความคาดหมาย เคยโดนแบบซึ่งๆหน้าเพราะผู้ปกครองบ้างผู้เรียนบ้างที่ไม่ได้อย่างใจทีเขาคาดหวัง. กั๊กวิชารึเปล่า เลี้ยงไข้ใช่มั๊ย ตั้งใจสอนแค่ไหนและอีกมากมาย กับการถูกติติงแค่นี้ ผมต้องชี้แจงให้ผู้ ที่ติติงผมลองคิดใหม่ เช่นเดียวกับผมเคยชี้แจงกับผู้เรียนและผู้ปกครอง ในที่สุดเขาก็เข้าใจ.
ดนตรีคือมายา จะมองจะตีความแบบไหนก็ได้ คิดจะเริ่มจะเล่นแบบไหนย่อมได้เท่าที่คนนั้นจะลงมือ คนสอนคนแนะนำจะเริ่มจากจุดไหนก็อยู่ที่เทคนิคของคนคนนั้น แต่เป้าหมายคือเล่นเป็นเพลงได้ในที่สุดแต่ผมเป็นครูย่อมมีหลักที่ตนเองเรียนและอบรมมา อาจจะแตกต่างจากคนที่เรียนอีกแบบหนึ่งหรือเล่นเองโดยไม่ได้เรียนแล้วเก่งพอตัว จากประสบการณสอนผมพบเจอคนเล่นดนตรีเองจนถึงขั้นเล่นเป็นอาขีพแต่อ่านโน้ตไม่เป็น ต้องกลับมาเรียนรู้โน้ตและทฤษฎีแบบนี้เยอะพอสมควร. ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ฝึกเล่นเองแล้วตัน จนต้องกลับไปเรียนในโรงเรียนดนตรีถึง5 ปี ในที่สุดผมเลยเอาดีในการเป็นครูเพราะไดัรับคำแนะนำจากอาจารย์ว่าเป็นครูเถอะครูขาดแคลน.
อุปสรรคมากมายของการเล่นดนตรีในวัยรุ่นจนมาพบทางของตัวเอง ทำให้ผมอยากช่วยบรรดามือใหม่ให้รู้เท่าทันการเล่นดนตรีอย่างตรงไปตรงมา ไม่ไปเสียเวลาอย่างผมกับคนอีกไม่น้อยที่ต้องเสียเวลามากมายกว่าจะรู้ทัน นี่คือประเด็นที่ผมยึดถือในการตอบกระทู้
คห ย่อยที่ติติงผมคงเข้าใจนะครับ เราคนดนตรีเหมือนกันควรมองกันให้ลึกๆอย่างเข้าใจ อย่าให้มายาแห่งดนตรี มาบดบังความงดงามทางดนตรีที่คุณๆและผมกำลังรังสรรค์กันอยู่ มันจะกลายเป็นความไม่เข้าใจกันแล้วนำไปสื่อต่อในเชิงลบขยายออกไปแบบผิดๆ การที่คุณๆใช้ลีลาแบบสิงห์คะนองคีย์ มันไม่สร้างสรรค์อะไรหรอก มีแต่จะลองดีลองภูมิกันให้บรรยากาศมันหมองมัวโดยเปล่าประโยชน์ มารังสรรค์ประโยชน์ร่วมกันดีกว่า
24 คห กับอีก40 กว่าคหย่อย อะไรจะขนาดนั้น กระทู้ถามไม่น่าสนใจ แต่การตอบของคห1 ของผมน่าสนใจกว่า มีทั้งเข้าใจอยู่บ้างแต่ไม่เข้าใจแล้วติติงอย่างมีรสชาตนี่ผมคงเฉยไม่ได้ต้องชี้แจงกันหน่อย
นี่ถ้าเป็นคนอื่นตอบกระทู้แบบนี้แล้วโดนอย่างนี้คงโต้กันสนุกแน่ แม้ในคหย่อยยังแขวะกันเองซะอีก สำหรับผมแล้วมันไม่ได้เกินความคาดหมาย เคยโดนแบบซึ่งๆหน้าเพราะผู้ปกครองบ้างผู้เรียนบ้างที่ไม่ได้อย่างใจทีเขาคาดหวัง. กั๊กวิชารึเปล่า เลี้ยงไข้ใช่มั๊ย ตั้งใจสอนแค่ไหนและอีกมากมาย กับการถูกติติงแค่นี้ ผมต้องชี้แจงให้ผู้ ที่ติติงผมลองคิดใหม่ เช่นเดียวกับผมเคยชี้แจงกับผู้เรียนและผู้ปกครอง ในที่สุดเขาก็เข้าใจ.
ดนตรีคือมายา จะมองจะตีความแบบไหนก็ได้ คิดจะเริ่มจะเล่นแบบไหนย่อมได้เท่าที่คนนั้นจะลงมือ คนสอนคนแนะนำจะเริ่มจากจุดไหนก็อยู่ที่เทคนิคของคนคนนั้น แต่เป้าหมายคือเล่นเป็นเพลงได้ในที่สุดแต่ผมเป็นครูย่อมมีหลักที่ตนเองเรียนและอบรมมา อาจจะแตกต่างจากคนที่เรียนอีกแบบหนึ่งหรือเล่นเองโดยไม่ได้เรียนแล้วเก่งพอตัว จากประสบการณสอนผมพบเจอคนเล่นดนตรีเองจนถึงขั้นเล่นเป็นอาขีพแต่อ่านโน้ตไม่เป็น ต้องกลับมาเรียนรู้โน้ตและทฤษฎีแบบนี้เยอะพอสมควร. ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ฝึกเล่นเองแล้วตัน จนต้องกลับไปเรียนในโรงเรียนดนตรีถึง5 ปี ในที่สุดผมเลยเอาดีในการเป็นครูเพราะไดัรับคำแนะนำจากอาจารย์ว่าเป็นครูเถอะครูขาดแคลน.
อุปสรรคมากมายของการเล่นดนตรีในวัยรุ่นจนมาพบทางของตัวเอง ทำให้ผมอยากช่วยบรรดามือใหม่ให้รู้เท่าทันการเล่นดนตรีอย่างตรงไปตรงมา ไม่ไปเสียเวลาอย่างผมกับคนอีกไม่น้อยที่ต้องเสียเวลามากมายกว่าจะรู้ทัน นี่คือประเด็นที่ผมยึดถือในการตอบกระทู้
คห ย่อยที่ติติงผมคงเข้าใจนะครับ เราคนดนตรีเหมือนกันควรมองกันให้ลึกๆอย่างเข้าใจ อย่าให้มายาแห่งดนตรี มาบดบังความงดงามทางดนตรีที่คุณๆและผมกำลังรังสรรค์กันอยู่ มันจะกลายเป็นความไม่เข้าใจกันแล้วนำไปสื่อต่อในเชิงลบขยายออกไปแบบผิดๆ การที่คุณๆใช้ลีลาแบบสิงห์คะนองคีย์ มันไม่สร้างสรรค์อะไรหรอก มีแต่จะลองดีลองภูมิกันให้บรรยากาศมันหมองมัวโดยเปล่าประโยชน์ มารังสรรค์ประโยชน์ร่วมกันดีกว่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
สมัยก่อนกีต้าร์สร้างขึ้นมา ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าต้องตั้งสายเป็ฯเสียงอะไรบ้าง แล้วแต่เจ้าของจะตั้งเป็นแบบไหน ตามที่ตัวเองถนัน หรือตั้งตามคนที่สอนมาอีกที และการเรียงแบบ eadgbe ก็สะดวกกับการไล่สเกลมากที่สุด พอถึงยุคที่การบันทึกตัวโน้ตเริ่มทำได้ง่ายขึ้น (มีเครื่องพิมพ์) ก็เริ่มมีการกำหนดการตั้งสายที่เป็นมาตรฐานขึ้นมา
เมื่อก่อนคนนิยมตั้งสายให้มีความห่างของเสียงในแต่ละสายดังนี้ ...
4สายบน(ส่วนของเบส) กับ 2สายล่าง ห่างกันอย่างละ 5 semi-tone
ส่วนบน(4สายบน)กับส่วนล่าง(2สายล่าง) จะห่างกัน 4 semi-tone
แต่ไม่ได้กำหนด ว่าสายแรกต้องเป็นเสียง E กำหนดแค่ว่า ถ้าตั้งสายแรกไว้เป็นเสียงอะไร สายสุดท้าย ก็ต้องเป็ฯเสียงนั้นเหมือนกัน แต่คนละออคเต็ป เลยมีการกำหนดให้เลือกเสียงใดเสียงหนึ่งเป็นเสียงของสาย 1 กับ 6 นี่เป็นมาตรฐาน ... เหตุผลที่เป็น E เพราะ สายอื่นจะได้ไม่ติดชาร์ปติดแฟลต (ถ้าตั้งให้สายแรกเป็น Aหรือ D ทุกๆสายก็จะไม่คิดชาร์ปติดแฟชตเลย เหมือนกัน แต่ที่ถูกเลือกเป็น E เพราะรวมๆแล้วง่ายกว่า)
ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีคนที่ไม่ได้ตั้งเป็น eadgbe ก็มี อาจจะดรอปสายบางสายลงบ้างเพื่อเอาไว้เล่นเพลงบางสไตล์ ที่ดรอปแล้วจะเล่นได้ง่ายกว่า เช่นวง เรทโทรสเปค มือกีต้าร์ก็ตั้งสายไม่เหมือนชาวบ้าน แล้วก็กีต้าร์ที่เอาไว้เล่นเพลงหมอลำ หรือ contempolaryของอีสาน ส่วนใหญ่ก็นิยมดรอป
เมื่อก่อนคนนิยมตั้งสายให้มีความห่างของเสียงในแต่ละสายดังนี้ ...
4สายบน(ส่วนของเบส) กับ 2สายล่าง ห่างกันอย่างละ 5 semi-tone
ส่วนบน(4สายบน)กับส่วนล่าง(2สายล่าง) จะห่างกัน 4 semi-tone
แต่ไม่ได้กำหนด ว่าสายแรกต้องเป็นเสียง E กำหนดแค่ว่า ถ้าตั้งสายแรกไว้เป็นเสียงอะไร สายสุดท้าย ก็ต้องเป็ฯเสียงนั้นเหมือนกัน แต่คนละออคเต็ป เลยมีการกำหนดให้เลือกเสียงใดเสียงหนึ่งเป็นเสียงของสาย 1 กับ 6 นี่เป็นมาตรฐาน ... เหตุผลที่เป็น E เพราะ สายอื่นจะได้ไม่ติดชาร์ปติดแฟลต (ถ้าตั้งให้สายแรกเป็น Aหรือ D ทุกๆสายก็จะไม่คิดชาร์ปติดแฟชตเลย เหมือนกัน แต่ที่ถูกเลือกเป็น E เพราะรวมๆแล้วง่ายกว่า)
ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีคนที่ไม่ได้ตั้งเป็น eadgbe ก็มี อาจจะดรอปสายบางสายลงบ้างเพื่อเอาไว้เล่นเพลงบางสไตล์ ที่ดรอปแล้วจะเล่นได้ง่ายกว่า เช่นวง เรทโทรสเปค มือกีต้าร์ก็ตั้งสายไม่เหมือนชาวบ้าน แล้วก็กีต้าร์ที่เอาไว้เล่นเพลงหมอลำ หรือ contempolaryของอีสาน ส่วนใหญ่ก็นิยมดรอป
แสดงความคิดเห็น
ทำไมกีตาร์ต้องเรียง สายเป็น E B G D A E ครับ
สาย1 E
สาย2 B
สาย3 G
สาย4 D
สาย5 A
สาย6 E สายเส้นใหญ่สุด