[แก้ไขหัวข้อกระทู้ครับ] จริงๆต้องเป็น 2500กม.ครับ ผมจำผิดครับ (เเต่เราเเก้หัวข้อกระทู้ไม่ได้ใช่มั้ยครับ)
กระทู้นี้เป็นกระทู้เเรกซึ่งยืมไอดีเพื่อนมารีวิวครับ (ผิดพลาดหรือผิดกฎยังไงขอโทษด้วยครับ จะรีบแก้ไข)
จริงๆเเล้วอยากจะรีวิวนานเเล้ว เเต่ไม่กล้า+ไม่มีเวลา
เเต่พอมาตอนนี้ผมกำลังหาข้อมูลขับรถเที่ยวลาวใต้อยู่
ซึ่งกว่าจะได้ข้อมูลเเต่ละอย่างมาก็ต้องออกเเรงเสิชเยอะหน่อย
เลยอยากให้รีวิวนี้เป็นข้อมูลให้เพื่อนๆที่มีเเนวทางเที่ยวแบบเดียวกันครับ
กระทู้นี้จะพยายามไม่ใส่น้ำเยอะนะครับ จะขอเป็นเนื้อเยอะนิดนึง เเต่ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า
ทริปนี้เกิดได้เนื่องจาก ผมอยากเที่ยวลาวมากเเละเป็นประเทศที่เรานำรถข้ามไปเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้เราได้ อีกทั้งยังสามารถไปสถานที่ที่ต้องการไปได้แบบชิลๆ ไม่ต้องรอรถ ไม่ต้องรอเวลา ต่างๆนานา ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้มากมายอะไร จึงเอ่ยปากชวนเพื่อนว่า "ไปกันมั้ย" ซึ่งตอนเเรกก็มีไปประมาณ 2คัน 8-10คน พอเวลานานเข้าๆ คนก็น้อยลงซักพักก็เพิ่มขึ้น มีสมาชิกร่วมทริปเพิ่มขึ้นลดลงตลอดเวลา จนสุดท้ายมาจบที่กระบะ3คัน คน12คน นั่งคันละ4สบายๆ (นั่ง4ก็สบายหน่อย นั่ง5ก็หารน้ำมันถูกลงหน่อย)
ทริปนี้ไปกันแบบมาราธอน ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ตั้งเเต่คืนวันที่ 26ธค2557 ยาวไปถึงคืนที่ 3มค2558ครับ เที่ยวข้ามปีกันเลยทีเดียว โดยลำดับการเที่ยวคร่าวๆจะเป็นประมาณนี้ครับ
คืน26เดินทางออกจากกทมไปด่านหนองคาย
คืน27นอนเวียงจันทน์
คืน28นอนวังเวียง
คืน29นอนวังเวียง
คืน30นอนโพนสวรรค์
คืน31นอนหลวงพระบาง
คืน1นอนหลวงพระบาง
คืน2นอนปัว@น่าน
คืน3ถึงกทม
เริ่มเลยนะครับ
27Dec2014
หลังจากขับรถในคืนที่ 26ธคมาทั้งคืน ซึ่งเราได้นัดเจอกันหน้าด่านชายแดนหนองคายครับ คันผมถึงประมาณตี4กว่าๆ เเล้วก็นอนหลับกันบนรถ ส่วนผมเป็นคนขับรถนอนไม่หลับครับ เพราะซัดกาแฟเยอะไปหน่อย(อีกใจนึงก็ตื่นเต้นด้วยว่าจะได้เอารถออกนอกประเทศเเล้ววุ้ย)
เนื่องด้วยตัวผมไม่เคยไปหนองคายและด่านชายแดนแห่งนี้ ผมไม่ทราบเลยว่ามีอะไรอยู่เเถวนั้นบ้าง ก็เลยจะถือโอกาสบอกตรงนี้เลยครับ หน้าด่านตรงนั้นไม่มีปั๊มน้ำมันนะครับ (มีเซเว่นอยู่1อัน) ต้องขับรถต่อไปอีกในเมืองหรือไม่ก็สายเลี่ยงเมืองไปหน่อยมีPTTเปิด 24ชมอยุ่ครับ เเต่จริงๆควรเติมน้ำมันที่ปั๊มก่อนเข้าหนองคายมาเลยครับ
รอจน7โมงเช้ารถทั้ง3คันก็มาพร้อมกันที่ด่าน เเต่สภาพง่วงกันทุกคนเลยขับรถเข้าไปในเมืองเจอปั๊มเอสโซ่ทำธุระส่วนตัวล้างหน้าแปรงฟันส่งแฟกซ์กันตามอัธยาศัย พอเสร็จกันหมดเเล้วก็เเวะเซเว่นซื้อขนมเด็กๆนิดนึงเพื่อเอาไปไปเเจกเด็กๆชาวเขาลาวครับ
8โมงก็ได้ทำเรื่องข้ามแดนทั้งรถทั้งคน ซึ่งผมไม่ขอกล่าวถึงเอกสารว่าต้องใช้อะไรไบ้างเพราะมีหลายกระทู้เเล้วที่บอกไว้ เเต่ข้อเสียของด่านที่พวกผมเจอกันนะครับ ควรปรับปรุงแก้ไขโดยด่วนก่อนเข้าAEC คือเอกสารรถของกรุปผม 3คันครบหมดจะมีเเค่ถ่ายเอกสารเพิ่มนิดเดียว เเต่ระยะเวลาการทำเอกสารรวมทั้งด่านไทยเเละด่านลาวซัดไป 3ชั่วโมง ขั้นตอนที่ช้ามาจากการยืนรอต่อคิวต่อมั่วไปมั่วมา ป้ายไม่ชัดเจนมากครับ ไม่เป็นลำดับเลย ไปเเถวนุ้นทีเเถวนี้ที เเล้วก็ย้อนกลับไปจ่ายตู้นู้นตู้นี้ (คืองงไปหมดครับ เเต่ก็ผ่านมาได้) จริงๆความเห็นส่วนตัวควรจะทำเป็น One stop service เลย เพราะต่อไปจะเปิดAECข้ามทีนึง2-3ชม.ก็ไม่ไหวนะครับ (ขอบ่นเล็กน้อย)
ขั้นตอนคร่าวๆข้ามด่านก็คือ
ยื่นเอกสารทำเรื่องรถข้าม
ยื่นเอกสารทำเรื่องคนข้าม
จ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ
ทำเรื่องเรื่องเกี่ยวกับศุลกากร
ขับรถข้ามสะพานมิตรภาพไทยลาว
ล้างล้อฆ่าเชื้อโรค(แปลกดี เสีย20บาท)
ทำเรื่องรถเข้า
ทำเรื่องคนเข้า
จ่ายค่าทำเนียมต่างๆ
ซื้อพรบ.รถในลาว (เเนะนำถ้ามามากกว่า1คันเเยกกันทำคนละเจ้าคนละยี่ห้อเลยครับ เจ้าหน้าที่เขียนกรมธรรม์ช้ามากครับ)
พอหลุดจากด่านมาได้เราก็มาหาของกินเเถวด่านนี่เเหละครับ(พวกเฝอ พวกตามสั่ง พวกข้าวแกง) จอดเเอบๆเอาเเถวไหล่ทางได้อยู่ เเล้วก็จัดการซื้อซิมมือถือซิมเนทเเถวๆด่านได้เลยครับ
<ขอโทษทีนะครับ ตอนทำเรื่องเเละขับผ่านด่านไม่มีรูปเลย เพราะขั้นตอนยุ่งยากมากอากาศร้อนมาก ยอมรับว่าอารมณ์เสียใช้ได้เลยครับ>
หลังจากกินข้าวก็ไปโรงเเรมที่จองไว้ (ให้เพื่อนคนไทยที่ทำงานที่ลาวจองให้ครับ อ้อเรื่องผ่านด่านกับซื้อซิมเพื่อนก็มาช่วยดูเอกสารช่วยเลือกซิมให้ด้วยเหมือนกันครับ) ซึ่งคืนเเรกที่เวียงจันทน์เราพักกันที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เเสนสุขรีสอร์ทครับ ห้องราคาไม่เเพงครับ เหมือนราคาจะ700ต่อคืนต่อ2คนถ้าจำไม่ผิดนะครับ ข้างรร.เป็นร้านอาหารกับผับของชาวลาว น่านั่งน่าเที่ยวอยู่ครับ สาวลาวหน้าตาดีเยอะอยู่ครับ
อะๆ นอกเรื่องๆ ต่อครับๆ หลังจากเก็บของอาบน้ำอาบท่า นอนซักงีบก็นัดกันบ่ายตรงครับ จะไปกินข้าวที่ท่าง่อน ล้อหมุนก็บ่ายโมงกว่าๆครับ ระหว่างทางไปท่าง่อนก็ผ่านประตูชัยเวียงจันทน์ครับ
รถในเวียงจันทน์ก็จอเเจตามนี้ครับ
ถ่ายรูปรวมรถ3คันรูปแรกในลาวซะหน่อย (หาเอานะครับว่าครบ3คันยังไง อิอิ)
ระหว่างทางไปท่าง่อนกำลังทำอยู่ครับ(ฝุ่นเยอะ) เลยใช้ความเร็วไม่ได้เลย รถมอไซค์ค่อนข้างเยอะครับ ต้องขับระวัง รถเพื่อน2คันข้างหลังติดรถน้ำที่รดถนนอยู่ รถผมหลุดมาคันเดียวเลยจอดเเวะถ่ายรูปก่อนครับ
ซักครึ่งชม.ก็ถึงท่าง่อนครับร้านอาหารริมน้ำ มีทั้งสองฝั่ง เเต่เราเลือกไปฝั่งที่ต้องข้ามสะพานครับ เเลดูน่ากินกว่า (เสียค่าข้ามสะพาน10หรือ20บาทเนี่ยเเหละครับต่อคัน เสียทั้งขาไปขากลับ)
ส่วนรูปอาหารหรอครับ แฮ่ๆ ไม่ต้องบอกครับ มีเเต่คนหิวครับ รูปอาหารหาไม่เจอครับ เเต่ได้รูปแก้ว2ใบกับ1ขวดนี้มาเเทน จริงๆอาหารร้านนี้ค่อนข้างอร่อยเลยครับ ปลาสดดี (น่าจะปลานิลตัวโตๆเเต่ไม่คาวนะ) ส่วนอาหารอย่างอื่นก็คล้ายๆอาหารอีสานครับ เเต่รสชาติก็แปลกออกไปนิดหน่อย
มีล่องแพคาราโอเกะเเบบกาญบ้านเราด้วยนะครับ กาโวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มิ้มมิมมิ้มมิมมี้มมม... เเดนซ์กระจายกันทีเดียว
พออิ่มเสร็จเเล้ว เเต่ละคนเริ่มอารมณ์ดีขึ้นก็ได้หยิบกล้องมาถ่ายภาพหมู่ภายแรกซะทีครับ (รุปภาพที่จะนำมารีวิวมาจากกล้องผมเเละกล้องเพื่อนคนนี้เเหละครับ)
จากนั้นก็ขับกลับมายังเมืองเวียงจันทน์ครับ (ลืมบอกครับท่าง่อนจะอยู่ด้านบนของเวียงจันทน์นิดๆ เเล้วก็เยื้องขวาหน่อยๆครับ ริมน้ำนั้นถ้าเข้าใจไม่ผิดก็คือเเม่น้ำงืมซึ่งไหลมาจากเขื่อนน้ำงืมครับ) ระหว่างทางก็เห็นการขนส่งขั้นเทพแบบนี้
เเล้วพอมาถึงเวียงจันทน์ก็เเวะประตูชัยครับ เพราะเพื่อนๆตากล้องเค้ารีเควสมาว่าต้องเเสงประมาณเย็นๆเเบบนี้ ผมก็งงว่าทำไมต้องเเสงแบบนี้ ผมก็เอา D7100ถ่ายงูๆปลาๆไปไม่กล้าเอามาโชว์ ส่วน D7000ของเพื่อนผมออกมาเป็นแบบนี้ครับ
พอกลับจากประตูชัยก็ตรงไปพักที่โรงเเรมซักพักครับ หลังจากนั้นก็ออกไปเดินเล่นที่ตลาดมืดเหมือนเป็นตลาดคนเดินนั่นเเหละครับ มีของขายเป็นเเนวยาว(ทั้งของกินของใช้) เเล้วก็เดินเล่นริมโขงชมบรรยากาศไปเรื่อย เมื่อมองย้อนกลับไปฝั่งไทยก็มีเเสงสว่างตามเสาไฟเเต่ก็ไม่คึกคักเท่าไหร่ครับ
มื้อเย็นก็หาของกินตามตลาดมืดไปเรื่อยเเหละครับ ชายสี่ก็มีนะครับ(เเต่ไม่ได้ชิมนะ)
เเล้วเราก็ไป บาร์สล๊อบ ที่เป็นเหมือนฟลอร์เต้นรำของคนลาว (เหมือนๆลีลาสบ้านเราครับ เเต่ที่นู่นทั้งเด็กทั้งคนแก่เต้นกัน) น่าสนุกดีเหมือนกันครับ เรากินเบียร์กันนิดหน่อย(เบียร์ในนี้ราคาผับครับขวดเล็กขวดละ100บาท) นั่งชมพอเพลินๆครับ เมื่อเริ่มดึก(ประมาณ4ทุ่ม)คนลาวก็เริ่มเข้ามาเยอะขึ้นๆเรื่อยๆ เเต่ละคนที่เข้ามาเต้นเหมือนนัดท่าเต้นกันมา ท่าเต้นเหมือนกันหมดเลย เจ๋งจิง เเละมีคนเป็นคนนำเต้นคนนึงครับซึ่งก็คือผู้ชายคนนี้ครับเหมือนจะมาทุกวัน (ตอนถ่ายรูปมานี่คือตอนที่คนยังน้อยอยู่ครับ เเต่ผู้ชายคนนี้เเหละเป็นคนนำเต้นเลย เต้นเก่งมาก)
เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ก็เลยอยู่กันไม่ดึกครับ กลับโรงเเรมนอน (เเต่ข้างๆโรงเเรมมีผับนะ เเฮ่ๆ)
ที่จอดรถก็แบบนี้เเหละครับ ถือว่าปลอดภัยดีอยู่ จริงๆการขับรถเที่ยวลาวมีอีกข้อที่ต้องคำนึงถึงคือ จองโรงเเรมหรือบ้านพักที่มีที่จอดปลอดภัยครับ และหลังจากขับกันงงๆเพราะเราไม่ชินขับฝั่งตรงข้ามกับบ้านเรา เลยทำลูกสอนชี้เตือนกันเเละกันครับ ชอบหลงๆลืมๆมากในวันเเรก
จริงๆโปรเเกรมในเมืองเวียงจันทน์มีมากกว่านี้ครับ เเต่ด้วยเวลาเสียไปกับการข้ามไปซะเยอะ ก็เลยต้องตัดบางที่ออก เเต่ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ครับ เพราะเวียงจันทน์มาไม่ยากครับมาเก็บได้ง่ายครับ
เดี๋ยวมาต่อวันต่อไปนะครับ
ขับรถเที่ยวลาวเหนือ 9คืน8วัน 2000กม 8000บาท
[แก้ไขหัวข้อกระทู้ครับ] จริงๆต้องเป็น 2500กม.ครับ ผมจำผิดครับ (เเต่เราเเก้หัวข้อกระทู้ไม่ได้ใช่มั้ยครับ)
กระทู้นี้เป็นกระทู้เเรกซึ่งยืมไอดีเพื่อนมารีวิวครับ (ผิดพลาดหรือผิดกฎยังไงขอโทษด้วยครับ จะรีบแก้ไข)
จริงๆเเล้วอยากจะรีวิวนานเเล้ว เเต่ไม่กล้า+ไม่มีเวลา
เเต่พอมาตอนนี้ผมกำลังหาข้อมูลขับรถเที่ยวลาวใต้อยู่
ซึ่งกว่าจะได้ข้อมูลเเต่ละอย่างมาก็ต้องออกเเรงเสิชเยอะหน่อย
เลยอยากให้รีวิวนี้เป็นข้อมูลให้เพื่อนๆที่มีเเนวทางเที่ยวแบบเดียวกันครับ
กระทู้นี้จะพยายามไม่ใส่น้ำเยอะนะครับ จะขอเป็นเนื้อเยอะนิดนึง เเต่ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า
ทริปนี้เกิดได้เนื่องจาก ผมอยากเที่ยวลาวมากเเละเป็นประเทศที่เรานำรถข้ามไปเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้เราได้ อีกทั้งยังสามารถไปสถานที่ที่ต้องการไปได้แบบชิลๆ ไม่ต้องรอรถ ไม่ต้องรอเวลา ต่างๆนานา ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้มากมายอะไร จึงเอ่ยปากชวนเพื่อนว่า "ไปกันมั้ย" ซึ่งตอนเเรกก็มีไปประมาณ 2คัน 8-10คน พอเวลานานเข้าๆ คนก็น้อยลงซักพักก็เพิ่มขึ้น มีสมาชิกร่วมทริปเพิ่มขึ้นลดลงตลอดเวลา จนสุดท้ายมาจบที่กระบะ3คัน คน12คน นั่งคันละ4สบายๆ (นั่ง4ก็สบายหน่อย นั่ง5ก็หารน้ำมันถูกลงหน่อย)
ทริปนี้ไปกันแบบมาราธอน ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ตั้งเเต่คืนวันที่ 26ธค2557 ยาวไปถึงคืนที่ 3มค2558ครับ เที่ยวข้ามปีกันเลยทีเดียว โดยลำดับการเที่ยวคร่าวๆจะเป็นประมาณนี้ครับ
คืน26เดินทางออกจากกทมไปด่านหนองคาย
คืน27นอนเวียงจันทน์
คืน28นอนวังเวียง
คืน29นอนวังเวียง
คืน30นอนโพนสวรรค์
คืน31นอนหลวงพระบาง
คืน1นอนหลวงพระบาง
คืน2นอนปัว@น่าน
คืน3ถึงกทม
เริ่มเลยนะครับ
27Dec2014
หลังจากขับรถในคืนที่ 26ธคมาทั้งคืน ซึ่งเราได้นัดเจอกันหน้าด่านชายแดนหนองคายครับ คันผมถึงประมาณตี4กว่าๆ เเล้วก็นอนหลับกันบนรถ ส่วนผมเป็นคนขับรถนอนไม่หลับครับ เพราะซัดกาแฟเยอะไปหน่อย(อีกใจนึงก็ตื่นเต้นด้วยว่าจะได้เอารถออกนอกประเทศเเล้ววุ้ย)
เนื่องด้วยตัวผมไม่เคยไปหนองคายและด่านชายแดนแห่งนี้ ผมไม่ทราบเลยว่ามีอะไรอยู่เเถวนั้นบ้าง ก็เลยจะถือโอกาสบอกตรงนี้เลยครับ หน้าด่านตรงนั้นไม่มีปั๊มน้ำมันนะครับ (มีเซเว่นอยู่1อัน) ต้องขับรถต่อไปอีกในเมืองหรือไม่ก็สายเลี่ยงเมืองไปหน่อยมีPTTเปิด 24ชมอยุ่ครับ เเต่จริงๆควรเติมน้ำมันที่ปั๊มก่อนเข้าหนองคายมาเลยครับ
รอจน7โมงเช้ารถทั้ง3คันก็มาพร้อมกันที่ด่าน เเต่สภาพง่วงกันทุกคนเลยขับรถเข้าไปในเมืองเจอปั๊มเอสโซ่ทำธุระส่วนตัวล้างหน้าแปรงฟันส่งแฟกซ์กันตามอัธยาศัย พอเสร็จกันหมดเเล้วก็เเวะเซเว่นซื้อขนมเด็กๆนิดนึงเพื่อเอาไปไปเเจกเด็กๆชาวเขาลาวครับ
8โมงก็ได้ทำเรื่องข้ามแดนทั้งรถทั้งคน ซึ่งผมไม่ขอกล่าวถึงเอกสารว่าต้องใช้อะไรไบ้างเพราะมีหลายกระทู้เเล้วที่บอกไว้ เเต่ข้อเสียของด่านที่พวกผมเจอกันนะครับ ควรปรับปรุงแก้ไขโดยด่วนก่อนเข้าAEC คือเอกสารรถของกรุปผม 3คันครบหมดจะมีเเค่ถ่ายเอกสารเพิ่มนิดเดียว เเต่ระยะเวลาการทำเอกสารรวมทั้งด่านไทยเเละด่านลาวซัดไป 3ชั่วโมง ขั้นตอนที่ช้ามาจากการยืนรอต่อคิวต่อมั่วไปมั่วมา ป้ายไม่ชัดเจนมากครับ ไม่เป็นลำดับเลย ไปเเถวนุ้นทีเเถวนี้ที เเล้วก็ย้อนกลับไปจ่ายตู้นู้นตู้นี้ (คืองงไปหมดครับ เเต่ก็ผ่านมาได้) จริงๆความเห็นส่วนตัวควรจะทำเป็น One stop service เลย เพราะต่อไปจะเปิดAECข้ามทีนึง2-3ชม.ก็ไม่ไหวนะครับ (ขอบ่นเล็กน้อย)
ขั้นตอนคร่าวๆข้ามด่านก็คือ
ยื่นเอกสารทำเรื่องรถข้าม
ยื่นเอกสารทำเรื่องคนข้าม
จ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ
ทำเรื่องเรื่องเกี่ยวกับศุลกากร
ขับรถข้ามสะพานมิตรภาพไทยลาว
ล้างล้อฆ่าเชื้อโรค(แปลกดี เสีย20บาท)
ทำเรื่องรถเข้า
ทำเรื่องคนเข้า
จ่ายค่าทำเนียมต่างๆ
ซื้อพรบ.รถในลาว (เเนะนำถ้ามามากกว่า1คันเเยกกันทำคนละเจ้าคนละยี่ห้อเลยครับ เจ้าหน้าที่เขียนกรมธรรม์ช้ามากครับ)
พอหลุดจากด่านมาได้เราก็มาหาของกินเเถวด่านนี่เเหละครับ(พวกเฝอ พวกตามสั่ง พวกข้าวแกง) จอดเเอบๆเอาเเถวไหล่ทางได้อยู่ เเล้วก็จัดการซื้อซิมมือถือซิมเนทเเถวๆด่านได้เลยครับ
<ขอโทษทีนะครับ ตอนทำเรื่องเเละขับผ่านด่านไม่มีรูปเลย เพราะขั้นตอนยุ่งยากมากอากาศร้อนมาก ยอมรับว่าอารมณ์เสียใช้ได้เลยครับ>
หลังจากกินข้าวก็ไปโรงเเรมที่จองไว้ (ให้เพื่อนคนไทยที่ทำงานที่ลาวจองให้ครับ อ้อเรื่องผ่านด่านกับซื้อซิมเพื่อนก็มาช่วยดูเอกสารช่วยเลือกซิมให้ด้วยเหมือนกันครับ) ซึ่งคืนเเรกที่เวียงจันทน์เราพักกันที่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ครับ ห้องราคาไม่เเพงครับ เหมือนราคาจะ700ต่อคืนต่อ2คนถ้าจำไม่ผิดนะครับ ข้างรร.เป็นร้านอาหารกับผับของชาวลาว น่านั่งน่าเที่ยวอยู่ครับ สาวลาวหน้าตาดีเยอะอยู่ครับ
อะๆ นอกเรื่องๆ ต่อครับๆ หลังจากเก็บของอาบน้ำอาบท่า นอนซักงีบก็นัดกันบ่ายตรงครับ จะไปกินข้าวที่ท่าง่อน ล้อหมุนก็บ่ายโมงกว่าๆครับ ระหว่างทางไปท่าง่อนก็ผ่านประตูชัยเวียงจันทน์ครับ
รถในเวียงจันทน์ก็จอเเจตามนี้ครับ
ถ่ายรูปรวมรถ3คันรูปแรกในลาวซะหน่อย (หาเอานะครับว่าครบ3คันยังไง อิอิ)
ระหว่างทางไปท่าง่อนกำลังทำอยู่ครับ(ฝุ่นเยอะ) เลยใช้ความเร็วไม่ได้เลย รถมอไซค์ค่อนข้างเยอะครับ ต้องขับระวัง รถเพื่อน2คันข้างหลังติดรถน้ำที่รดถนนอยู่ รถผมหลุดมาคันเดียวเลยจอดเเวะถ่ายรูปก่อนครับ
ซักครึ่งชม.ก็ถึงท่าง่อนครับร้านอาหารริมน้ำ มีทั้งสองฝั่ง เเต่เราเลือกไปฝั่งที่ต้องข้ามสะพานครับ เเลดูน่ากินกว่า (เสียค่าข้ามสะพาน10หรือ20บาทเนี่ยเเหละครับต่อคัน เสียทั้งขาไปขากลับ)
ส่วนรูปอาหารหรอครับ แฮ่ๆ ไม่ต้องบอกครับ มีเเต่คนหิวครับ รูปอาหารหาไม่เจอครับ เเต่ได้รูปแก้ว2ใบกับ1ขวดนี้มาเเทน จริงๆอาหารร้านนี้ค่อนข้างอร่อยเลยครับ ปลาสดดี (น่าจะปลานิลตัวโตๆเเต่ไม่คาวนะ) ส่วนอาหารอย่างอื่นก็คล้ายๆอาหารอีสานครับ เเต่รสชาติก็แปลกออกไปนิดหน่อย
มีล่องแพคาราโอเกะเเบบกาญบ้านเราด้วยนะครับ กาโวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มิ้มมิมมิ้มมิมมี้มมม... เเดนซ์กระจายกันทีเดียว
พออิ่มเสร็จเเล้ว เเต่ละคนเริ่มอารมณ์ดีขึ้นก็ได้หยิบกล้องมาถ่ายภาพหมู่ภายแรกซะทีครับ (รุปภาพที่จะนำมารีวิวมาจากกล้องผมเเละกล้องเพื่อนคนนี้เเหละครับ)
จากนั้นก็ขับกลับมายังเมืองเวียงจันทน์ครับ (ลืมบอกครับท่าง่อนจะอยู่ด้านบนของเวียงจันทน์นิดๆ เเล้วก็เยื้องขวาหน่อยๆครับ ริมน้ำนั้นถ้าเข้าใจไม่ผิดก็คือเเม่น้ำงืมซึ่งไหลมาจากเขื่อนน้ำงืมครับ) ระหว่างทางก็เห็นการขนส่งขั้นเทพแบบนี้
เเล้วพอมาถึงเวียงจันทน์ก็เเวะประตูชัยครับ เพราะเพื่อนๆตากล้องเค้ารีเควสมาว่าต้องเเสงประมาณเย็นๆเเบบนี้ ผมก็งงว่าทำไมต้องเเสงแบบนี้ ผมก็เอา D7100ถ่ายงูๆปลาๆไปไม่กล้าเอามาโชว์ ส่วน D7000ของเพื่อนผมออกมาเป็นแบบนี้ครับ
พอกลับจากประตูชัยก็ตรงไปพักที่โรงเเรมซักพักครับ หลังจากนั้นก็ออกไปเดินเล่นที่ตลาดมืดเหมือนเป็นตลาดคนเดินนั่นเเหละครับ มีของขายเป็นเเนวยาว(ทั้งของกินของใช้) เเล้วก็เดินเล่นริมโขงชมบรรยากาศไปเรื่อย เมื่อมองย้อนกลับไปฝั่งไทยก็มีเเสงสว่างตามเสาไฟเเต่ก็ไม่คึกคักเท่าไหร่ครับ
มื้อเย็นก็หาของกินตามตลาดมืดไปเรื่อยเเหละครับ ชายสี่ก็มีนะครับ(เเต่ไม่ได้ชิมนะ)
เเล้วเราก็ไป บาร์สล๊อบ ที่เป็นเหมือนฟลอร์เต้นรำของคนลาว (เหมือนๆลีลาสบ้านเราครับ เเต่ที่นู่นทั้งเด็กทั้งคนแก่เต้นกัน) น่าสนุกดีเหมือนกันครับ เรากินเบียร์กันนิดหน่อย(เบียร์ในนี้ราคาผับครับขวดเล็กขวดละ100บาท) นั่งชมพอเพลินๆครับ เมื่อเริ่มดึก(ประมาณ4ทุ่ม)คนลาวก็เริ่มเข้ามาเยอะขึ้นๆเรื่อยๆ เเต่ละคนที่เข้ามาเต้นเหมือนนัดท่าเต้นกันมา ท่าเต้นเหมือนกันหมดเลย เจ๋งจิง เเละมีคนเป็นคนนำเต้นคนนึงครับซึ่งก็คือผู้ชายคนนี้ครับเหมือนจะมาทุกวัน (ตอนถ่ายรูปมานี่คือตอนที่คนยังน้อยอยู่ครับ เเต่ผู้ชายคนนี้เเหละเป็นคนนำเต้นเลย เต้นเก่งมาก)
เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า ก็เลยอยู่กันไม่ดึกครับ กลับโรงเเรมนอน (เเต่ข้างๆโรงเเรมมีผับนะ เเฮ่ๆ)
ที่จอดรถก็แบบนี้เเหละครับ ถือว่าปลอดภัยดีอยู่ จริงๆการขับรถเที่ยวลาวมีอีกข้อที่ต้องคำนึงถึงคือ จองโรงเเรมหรือบ้านพักที่มีที่จอดปลอดภัยครับ และหลังจากขับกันงงๆเพราะเราไม่ชินขับฝั่งตรงข้ามกับบ้านเรา เลยทำลูกสอนชี้เตือนกันเเละกันครับ ชอบหลงๆลืมๆมากในวันเเรก
จริงๆโปรเเกรมในเมืองเวียงจันทน์มีมากกว่านี้ครับ เเต่ด้วยเวลาเสียไปกับการข้ามไปซะเยอะ ก็เลยต้องตัดบางที่ออก เเต่ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ครับ เพราะเวียงจันทน์มาไม่ยากครับมาเก็บได้ง่ายครับ
เดี๋ยวมาต่อวันต่อไปนะครับ