ผมตั้งสมมุติฐานเรื่องกรรม และ วิบาก แต่ผมขอเรียกมันว่าสัมพันธภาพของกรรมแทนก็แล้วกัน ไว้ประมาณนี้
เริ่มจากเราพูดแต่เรื่องคนและกรรมล้วนๆ โดยไม่สนใจว่า คน และ กรรม มันเป็นสิ่งมีชีวิตหรือตัวตนของใคร ประกอบขึ้นจากธาตุอะไร เหมือนเรานั่งดูหนังอยู่ โดยเริ่มต้นโฟกัสจากจุดเล็กๆ ที่คน 1 คน เหมือนกับว่ากล้องถ่ายอยู่ที่คน 1 คนกำลังทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
นึกภาพตามว่ากล้องค่อยๆ zoom out ภาพออกมากว้างขึ้นๆ เราจะเห็นว่า คนๆ นั้นและกิจกรรมที่เค้าทำจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่ 2345... แล้วกว้างขึ้นๆ
กิจกรรมของคนที่ 2345 นอกจากจะสัมพันธ์กับคนที่ 1 และตัว 2345 เองแล้วก็จะขยายวงกว้างออกไปสัมพันธ์กับคนที่ 6789.... ต่อไปเรื่อยๆ
นึกภาพกล้อง zoom out ออกไปอีกเรื่อยๆ จนเห็นหมดทั้งหมู่บ้าน จังหวัด ประเทศ โลก จักรวาล เราจะเห็นว่าในขณะที่เวลาเดินผ่านไป ผู้คนมีกิจกรรมที่สัมพันธ์กันทั้งหมดทั้งโลก(หรือทั้งจักรวาลก็ว่าได้) ไม่เฉพาะกับสิ่งมีชีวิตที่เป็นคน แต่รวมถึงสัตว์ ต้นไม้ แบคทีเรีย สิ่งของที่ไม่มีชีวิต พระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาวต่างๆ และทุกสรรพสิ่งที่ตาจะมองเห็นได้หรือไม่เห็นได้ก็ตาม
สมมุติให้มีกล้องที่สามารถถ่ายวีดีโอเก็บรายละเอียดของทุกๆ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสรรพสิ่งเหล่านี้ การจะที่จะลากเส้นโยงใยความสัมพันธ์ของกิจกรรมหนึ่งไปยังอีกกิจกรรมหนึ่งไปยังอีกในลักษณะที่เป็นเส้นตรงอาจจะทำได้แค่ช่วงสั้นๆ แต่ถ้าดูกันจริงๆแล้วกิจกกรรมรอบๆ ทั้งหมดมันเชื่อมโยงกันหมด ถึงแม้เราไม่สามารถลากเส้นเป็นลักษณะเส้นตรงได้แต่ถ้าเราลากเส้นตรงบ้างวนออกไปบ้างเราจะเห็นได้ว่าเราสามารถลากเส้นให้มาชนกันได้เสมอ
ยกตัวอย่างกิจกรรมเช่น การที่เราเอาไม้ตีหมาจนหมาขาหัก แล้วอีก 10 ปีต่อมาเราขี่มอเตอร์ไซค์แล้วมีเด็กวิ่งตัดหน้าจนเกิดอุบัติเหตุให้เราขาหัก เราไม่สามารถพูดลงไปเฉพาะได้ว่า การที่เราเกิดอุบัติเหตุนั้นเป็นเพราะเราเอาไม้ไปตีหมาเมื่อ 10 ปีที่แล้วด้วยเหตุผลหนึ่งต่อหนึ่ง แต่หากเราสามารถดูภาพจากกล้องวิเศษณ์ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมด 10 ปีย้อนหลังตั้งแต่หักมอเตอร์ไซค์หลบเด็กจนล้มขาหักย้อนหลังไปเรื่อยๆ เราจะสามารถลากเส้นไปยังจุดที่เราตีหมาจนมันขาหักเมื่อสิบปีได้แน่นอนไม่ทางใดก็กทางหนึ่ง
---------------------------------------------
จากสมมุติฐานของทฤษฎีนี้ คนที่เชื่อเรื่องกรรม-วิบาก ว่าทำดีแล้วจะต้องได้ผลดี หรือทำชั่วแล้วต้องได้ผลชั่วในวันข้างหน้า หรือ ชาติหน้า ก็จะสามารถลากเส้นความเชื่อมโยงมาจนถึงจุดของตนเองได้เสมอๆ ถูกต้องหรือเปล่าครับ
* ผมไม่ได้พูดเรื่องทุกข์ดับทุกข์ อนัตตา นะครับ วิเคราะห์เฉพาะสัมพันธภาพของกรรมเท่านั้น
สัมพันธภาพของสิ่งต่างๆ ที่เรียกกว่ากรรมหรือการกระทำ
เริ่มจากเราพูดแต่เรื่องคนและกรรมล้วนๆ โดยไม่สนใจว่า คน และ กรรม มันเป็นสิ่งมีชีวิตหรือตัวตนของใคร ประกอบขึ้นจากธาตุอะไร เหมือนเรานั่งดูหนังอยู่ โดยเริ่มต้นโฟกัสจากจุดเล็กๆ ที่คน 1 คน เหมือนกับว่ากล้องถ่ายอยู่ที่คน 1 คนกำลังทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
นึกภาพตามว่ากล้องค่อยๆ zoom out ภาพออกมากว้างขึ้นๆ เราจะเห็นว่า คนๆ นั้นและกิจกรรมที่เค้าทำจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่ 2345... แล้วกว้างขึ้นๆ
กิจกรรมของคนที่ 2345 นอกจากจะสัมพันธ์กับคนที่ 1 และตัว 2345 เองแล้วก็จะขยายวงกว้างออกไปสัมพันธ์กับคนที่ 6789.... ต่อไปเรื่อยๆ
นึกภาพกล้อง zoom out ออกไปอีกเรื่อยๆ จนเห็นหมดทั้งหมู่บ้าน จังหวัด ประเทศ โลก จักรวาล เราจะเห็นว่าในขณะที่เวลาเดินผ่านไป ผู้คนมีกิจกรรมที่สัมพันธ์กันทั้งหมดทั้งโลก(หรือทั้งจักรวาลก็ว่าได้) ไม่เฉพาะกับสิ่งมีชีวิตที่เป็นคน แต่รวมถึงสัตว์ ต้นไม้ แบคทีเรีย สิ่งของที่ไม่มีชีวิต พระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาวต่างๆ และทุกสรรพสิ่งที่ตาจะมองเห็นได้หรือไม่เห็นได้ก็ตาม
สมมุติให้มีกล้องที่สามารถถ่ายวีดีโอเก็บรายละเอียดของทุกๆ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสรรพสิ่งเหล่านี้ การจะที่จะลากเส้นโยงใยความสัมพันธ์ของกิจกรรมหนึ่งไปยังอีกกิจกรรมหนึ่งไปยังอีกในลักษณะที่เป็นเส้นตรงอาจจะทำได้แค่ช่วงสั้นๆ แต่ถ้าดูกันจริงๆแล้วกิจกกรรมรอบๆ ทั้งหมดมันเชื่อมโยงกันหมด ถึงแม้เราไม่สามารถลากเส้นเป็นลักษณะเส้นตรงได้แต่ถ้าเราลากเส้นตรงบ้างวนออกไปบ้างเราจะเห็นได้ว่าเราสามารถลากเส้นให้มาชนกันได้เสมอ
ยกตัวอย่างกิจกรรมเช่น การที่เราเอาไม้ตีหมาจนหมาขาหัก แล้วอีก 10 ปีต่อมาเราขี่มอเตอร์ไซค์แล้วมีเด็กวิ่งตัดหน้าจนเกิดอุบัติเหตุให้เราขาหัก เราไม่สามารถพูดลงไปเฉพาะได้ว่า การที่เราเกิดอุบัติเหตุนั้นเป็นเพราะเราเอาไม้ไปตีหมาเมื่อ 10 ปีที่แล้วด้วยเหตุผลหนึ่งต่อหนึ่ง แต่หากเราสามารถดูภาพจากกล้องวิเศษณ์ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมด 10 ปีย้อนหลังตั้งแต่หักมอเตอร์ไซค์หลบเด็กจนล้มขาหักย้อนหลังไปเรื่อยๆ เราจะสามารถลากเส้นไปยังจุดที่เราตีหมาจนมันขาหักเมื่อสิบปีได้แน่นอนไม่ทางใดก็กทางหนึ่ง
---------------------------------------------
จากสมมุติฐานของทฤษฎีนี้ คนที่เชื่อเรื่องกรรม-วิบาก ว่าทำดีแล้วจะต้องได้ผลดี หรือทำชั่วแล้วต้องได้ผลชั่วในวันข้างหน้า หรือ ชาติหน้า ก็จะสามารถลากเส้นความเชื่อมโยงมาจนถึงจุดของตนเองได้เสมอๆ ถูกต้องหรือเปล่าครับ
* ผมไม่ได้พูดเรื่องทุกข์ดับทุกข์ อนัตตา นะครับ วิเคราะห์เฉพาะสัมพันธภาพของกรรมเท่านั้น