ขออนุญาติเท้าความนิดนึงนะคะ เพื่อให้ผู้อ่านลองเปรียบเทียบการให้บริการของ พนง.แต่ละเคาท์เตอร์
เรื่องมีอยู่ว่า... เมื่ออาทิตย์ก่อน เราได้มีโอกาสไปเดินเล่นห้างแห่งนึง ที่กำลังจะปิดปรับปรุงย่านปิ่นเกล้า
โดยตั้งใจไปดูน้ำหอม เผื่อจะลดราคาแบบพิเศษๆ ตามที่เค้าแชร์ๆ กัน
เดินไป เดินมา นึกขึ้นได้ ว่าอยากได้ Coach ซึ่งกะจะซื้อไว้นานแล้ว แต่ยังไม่ได้ซื้อสะที
รอบนี้เลยกะว่าจะสอยมาครอบครอง และด้วยความที่ พนง. ให้คำแนะนำดีมาก คือเอาแต่ละตัวมาฉีดให้เทสกลิ่นแบบไม่กั๊ก
แถมคำพูดจา เป็นการแนะนำจริงๆ ว่าตัวนี้ กลิ่นไหน แนวไหน ให้เราตัดสินใจเอง ให้เชื่อในเทสตัวเองว่ากลิ่นไหนเหมาะ
(อ่อ.. ลืมบอกไปค่ะ ว่าวันที่เราไปเดินที่ห้างนี้ เราใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด แบบบ้านๆ ไปนะคะ)
เราเลยได้ Coach love eau blush 100ml. มาครอบครอง และ พนง. ก็แนะนำนู้นนี่เพิ่ม
เราก็เลยได้ Tommy Summer 100ml. มาอีกขวด และได้ของแถมเป็น DKNY เพิ่มมา 50ml. ค่ะ
เบ็ดเสร็จราคา 6,xxx โดยมีส่วนลด 10% จากราคาทั้งหมด (ก็ยัง 6,xxx อยู่ดี)
และพี่ที่ทำงานก็ฝากซื้ออีกขวด ก็บวกเพิ่มไปอีก 3,xxx
พอเปิดทำงานวันจันทร์ เอา Tommy มาให้น้องที่ทำงานเทสกลิ่น น้องปลื้มมาก อยากได้มาก
บ่ายวันนั้น เราเลยไปเดินที่พารากอน และจุดเกิดเหตุก็อยู่ตรงนี้คะ.....
โซนน้ำหอม... เรากับน้องเดินไปหา Tommy Summer แต่สินค้าหมด (น้องอดไป)
ระหว่างทางกลับ เดินผ่านเคาท์เตอร์ J'adore Dior ซึ่งเราก็เล็งๆ ไว้เหมือนกัน
เพราะเคยได้กลิ่นตอนเค้าจัดงานบริเวณชั้น 1 ที่พารากอนคะ
เราจึงชวนน้องเข้าไป ขอเทสกลิ่น เพราะอยากรู้ว่ามันยังหอมยั่วยวนเงินในกระเป๋าอยู่ไหม
แต่ก็ได้รับบริการที่น่าประทับใจ ของพนง.มากคะ
(พนง.ผู้ชาย หน้าตาหล่อเหลาเอาการ พอดีมองชื่อที่น่าอกไม่ชัด เลยขออนุญาติไม่เอ่ยนามคะ)
พนง.ก็มาฉีดให้เทสกลิ่น ซึ่งน่าจะเป็น Voile de Parfum ค่ะ เราว่าหอมดี แต่เราอยากเทสอีกกลิ่น
แต่พนง. หลีกเลี่ยงที่จะฉีดให้คะ (ฉีดในกระดาษนั้นหละ ไม่ได้ฉีดที่ผิวหนัง) แต่เลือกที่จะให้เทสจากฝาที่อยู่ด้านหน้า
ละเอ่ยปากถามเราว่า "ไม่ทราบว่าใช้ยี่ห้อไหนอยู่?" พอเราแจ้งไป ก็บอกว่าเราอ่ะเป็นประเภท generic (พร้อมทำหน้าทำตา)
ละฮีย้ำคำว่า generic อยู่หลายครั้งมาก พร้อมกับผายมือไปมา แบบหัวจรดเท้าใส่เรา (ไม่รู้ว่าคุณๆ จะนึกภาพออกไหม)
ละบอกว่าที่เราใช้ๆ มา มันออกไปแนวฟรุ๊ตตี้มากกว่า ซึ่งคุณไม่น่าจะเหมาะกับ J'adore หรอก
"คือแบบ อย่างคุณมันเป็น genericๆ คือไม่เหมาะหรอกกับอันนี้ เพราะอันนี้มันแบบ ผู้หญิ้งผู้หญิง แบบว่า...." (ทำหน้าตาเหมือนเดิม)
จริงๆ เราใช้น้ำหอมหลายยี่ห้ออยู่นะคะ จะใช้หมดถ้าชอบ ซึ่งมีหลากหลายแนว ไม่ว่าจะ True Love - Elizabeth Arden, Britney Curious Heart, Harajuku Love, Soul Curve, Coco Chanel, Viva La Juicy, CK In 2 U, CK Red ประมาณนี้
ซึ่งเราไม่รู้ว่าทุกกลิ่นที่เราเอ่ยมา มันคือกลิ่นฟรุ๊ตตี้หมดเหรอคะ? (รบกวนผู้เชียวชาญ)
พนง.ท่านนี้เลยทำให้เรารู้สึกขึ้นมาในใจว่า เอ๋... ถ้าเราซึ่งเป็นลูกค้า ต้องการที่จะซื้อจริงๆ เพราะอาจจะนำไปใช้ในโอกาสสำคัญๆ
ซึ่งเราก็ได้สอบถามราคา แล้วก็ไม่ได้ลำบากลำบนในการจ่ายสักเท่าไหร่
แต่ทำไม พนง.ท่านนี้ถึงตัดสินว่า "เราไม่เหมาะ" กับแบรนด์ของเค้า (อ่อ.... วันนั้นเราใส่ชุดปกตินะคะ กางเกงยีนส์ เสื้อซีทรู มีซับ มีเสื้อคลุม แบบสาวออฟฟิศธรรมดาแต่ไม่เคร่งในการแต่งกายอ่ะคะ คือ ดูดีกว่าที่ไปซื้ออีกห้างแน่นอน)
ก่อนออกจากร้าน (ตอนแรกเราตัดสินใจจะซื้อละคะ แต่พนง. ย้ำกับคำว่า generic และ ไม่เหมาะ บ่อยครั้งมาก เราเลยพูดกับน้องเราว่า "ไปกันเถอะ_ เราคงไม่เหมาะกับแบรนด์ของเค้าอ่ะ" เชื่อไหมคะ คำพูดส่งท้ายของ พนง. เป็นอย่างไร???
พนง.บอกว่า เอ้อ.. ไปไป พร้อมกับโบกมือไล่คะ !!!!! คือ แบบว่า เรารู้สึก อ่อ เป็นงี้หรอ...
คือ ถ้าเรามีตังค์ที่จะซื้อ แต่แบรนด์นี้เค้าเลือกลูกค้าด้วยใช่ไหม เรารู้สึกเฟลไปเลยคะ
(เราอาจเข้าใจผิดที่ว่าราคาที่ตั้งก็อาจเป็นการเลือกประเภทลูกค้าแล้วอย่างหนึ่ง)
เราเลยคิดถึงพี่คนที่เราไปซื้อแกครั้งก่อน 3 ขวด กับคำพูดของแกที่ว่า "ให้เราตัดสินใจเอง ให้เชื่อในเทสตัวเองว่ากลิ่นไหนเหมาะ"
แต่ไม่ใช่การบริการของ พนง.ท่านนี้ ที่มาตัดสินกันแบบนี้คะ
(นึกถึงกระทู้ที่ว่าใส่ชุดบ้านๆ ไปเดินในพารากอนแล้วถูก พนง.ปฏิบัติแตกต่างกันอ่ะคะ)
ที่พิมพ์มาทั้งหมด ก็แค่อยากรู้ว่า ใครเคยมีประสบการณ์แย่ๆ แบบนี้บ้างไหม?
หรือใครเคยโดนแบบไหน เล่าสู่กันฟังได้คะ
ขอบคุณทุกท่านที่เสียเวลาอ่านคะ ^^
น้ำหอม J'adore มีไว้สำหรับคุณหญิง คุณนาย เท่านั้นหรือ???
เรื่องมีอยู่ว่า... เมื่ออาทิตย์ก่อน เราได้มีโอกาสไปเดินเล่นห้างแห่งนึง ที่กำลังจะปิดปรับปรุงย่านปิ่นเกล้า
โดยตั้งใจไปดูน้ำหอม เผื่อจะลดราคาแบบพิเศษๆ ตามที่เค้าแชร์ๆ กัน
เดินไป เดินมา นึกขึ้นได้ ว่าอยากได้ Coach ซึ่งกะจะซื้อไว้นานแล้ว แต่ยังไม่ได้ซื้อสะที
รอบนี้เลยกะว่าจะสอยมาครอบครอง และด้วยความที่ พนง. ให้คำแนะนำดีมาก คือเอาแต่ละตัวมาฉีดให้เทสกลิ่นแบบไม่กั๊ก
แถมคำพูดจา เป็นการแนะนำจริงๆ ว่าตัวนี้ กลิ่นไหน แนวไหน ให้เราตัดสินใจเอง ให้เชื่อในเทสตัวเองว่ากลิ่นไหนเหมาะ
(อ่อ.. ลืมบอกไปค่ะ ว่าวันที่เราไปเดินที่ห้างนี้ เราใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด แบบบ้านๆ ไปนะคะ)
เราเลยได้ Coach love eau blush 100ml. มาครอบครอง และ พนง. ก็แนะนำนู้นนี่เพิ่ม
เราก็เลยได้ Tommy Summer 100ml. มาอีกขวด และได้ของแถมเป็น DKNY เพิ่มมา 50ml. ค่ะ
เบ็ดเสร็จราคา 6,xxx โดยมีส่วนลด 10% จากราคาทั้งหมด (ก็ยัง 6,xxx อยู่ดี)
และพี่ที่ทำงานก็ฝากซื้ออีกขวด ก็บวกเพิ่มไปอีก 3,xxx
พอเปิดทำงานวันจันทร์ เอา Tommy มาให้น้องที่ทำงานเทสกลิ่น น้องปลื้มมาก อยากได้มาก
บ่ายวันนั้น เราเลยไปเดินที่พารากอน และจุดเกิดเหตุก็อยู่ตรงนี้คะ.....
โซนน้ำหอม... เรากับน้องเดินไปหา Tommy Summer แต่สินค้าหมด (น้องอดไป)
ระหว่างทางกลับ เดินผ่านเคาท์เตอร์ J'adore Dior ซึ่งเราก็เล็งๆ ไว้เหมือนกัน
เพราะเคยได้กลิ่นตอนเค้าจัดงานบริเวณชั้น 1 ที่พารากอนคะ
เราจึงชวนน้องเข้าไป ขอเทสกลิ่น เพราะอยากรู้ว่ามันยังหอมยั่วยวนเงินในกระเป๋าอยู่ไหม
แต่ก็ได้รับบริการที่น่าประทับใจ ของพนง.มากคะ
(พนง.ผู้ชาย หน้าตาหล่อเหลาเอาการ พอดีมองชื่อที่น่าอกไม่ชัด เลยขออนุญาติไม่เอ่ยนามคะ)
พนง.ก็มาฉีดให้เทสกลิ่น ซึ่งน่าจะเป็น Voile de Parfum ค่ะ เราว่าหอมดี แต่เราอยากเทสอีกกลิ่น
แต่พนง. หลีกเลี่ยงที่จะฉีดให้คะ (ฉีดในกระดาษนั้นหละ ไม่ได้ฉีดที่ผิวหนัง) แต่เลือกที่จะให้เทสจากฝาที่อยู่ด้านหน้า
ละเอ่ยปากถามเราว่า "ไม่ทราบว่าใช้ยี่ห้อไหนอยู่?" พอเราแจ้งไป ก็บอกว่าเราอ่ะเป็นประเภท generic (พร้อมทำหน้าทำตา)
ละฮีย้ำคำว่า generic อยู่หลายครั้งมาก พร้อมกับผายมือไปมา แบบหัวจรดเท้าใส่เรา (ไม่รู้ว่าคุณๆ จะนึกภาพออกไหม)
ละบอกว่าที่เราใช้ๆ มา มันออกไปแนวฟรุ๊ตตี้มากกว่า ซึ่งคุณไม่น่าจะเหมาะกับ J'adore หรอก
"คือแบบ อย่างคุณมันเป็น genericๆ คือไม่เหมาะหรอกกับอันนี้ เพราะอันนี้มันแบบ ผู้หญิ้งผู้หญิง แบบว่า...." (ทำหน้าตาเหมือนเดิม)
จริงๆ เราใช้น้ำหอมหลายยี่ห้ออยู่นะคะ จะใช้หมดถ้าชอบ ซึ่งมีหลากหลายแนว ไม่ว่าจะ True Love - Elizabeth Arden, Britney Curious Heart, Harajuku Love, Soul Curve, Coco Chanel, Viva La Juicy, CK In 2 U, CK Red ประมาณนี้
ซึ่งเราไม่รู้ว่าทุกกลิ่นที่เราเอ่ยมา มันคือกลิ่นฟรุ๊ตตี้หมดเหรอคะ? (รบกวนผู้เชียวชาญ)
พนง.ท่านนี้เลยทำให้เรารู้สึกขึ้นมาในใจว่า เอ๋... ถ้าเราซึ่งเป็นลูกค้า ต้องการที่จะซื้อจริงๆ เพราะอาจจะนำไปใช้ในโอกาสสำคัญๆ
ซึ่งเราก็ได้สอบถามราคา แล้วก็ไม่ได้ลำบากลำบนในการจ่ายสักเท่าไหร่
แต่ทำไม พนง.ท่านนี้ถึงตัดสินว่า "เราไม่เหมาะ" กับแบรนด์ของเค้า (อ่อ.... วันนั้นเราใส่ชุดปกตินะคะ กางเกงยีนส์ เสื้อซีทรู มีซับ มีเสื้อคลุม แบบสาวออฟฟิศธรรมดาแต่ไม่เคร่งในการแต่งกายอ่ะคะ คือ ดูดีกว่าที่ไปซื้ออีกห้างแน่นอน)
ก่อนออกจากร้าน (ตอนแรกเราตัดสินใจจะซื้อละคะ แต่พนง. ย้ำกับคำว่า generic และ ไม่เหมาะ บ่อยครั้งมาก เราเลยพูดกับน้องเราว่า "ไปกันเถอะ_ เราคงไม่เหมาะกับแบรนด์ของเค้าอ่ะ" เชื่อไหมคะ คำพูดส่งท้ายของ พนง. เป็นอย่างไร???
พนง.บอกว่า เอ้อ.. ไปไป พร้อมกับโบกมือไล่คะ !!!!! คือ แบบว่า เรารู้สึก อ่อ เป็นงี้หรอ...
คือ ถ้าเรามีตังค์ที่จะซื้อ แต่แบรนด์นี้เค้าเลือกลูกค้าด้วยใช่ไหม เรารู้สึกเฟลไปเลยคะ
(เราอาจเข้าใจผิดที่ว่าราคาที่ตั้งก็อาจเป็นการเลือกประเภทลูกค้าแล้วอย่างหนึ่ง)
เราเลยคิดถึงพี่คนที่เราไปซื้อแกครั้งก่อน 3 ขวด กับคำพูดของแกที่ว่า "ให้เราตัดสินใจเอง ให้เชื่อในเทสตัวเองว่ากลิ่นไหนเหมาะ"
แต่ไม่ใช่การบริการของ พนง.ท่านนี้ ที่มาตัดสินกันแบบนี้คะ
(นึกถึงกระทู้ที่ว่าใส่ชุดบ้านๆ ไปเดินในพารากอนแล้วถูก พนง.ปฏิบัติแตกต่างกันอ่ะคะ)
ที่พิมพ์มาทั้งหมด ก็แค่อยากรู้ว่า ใครเคยมีประสบการณ์แย่ๆ แบบนี้บ้างไหม?
หรือใครเคยโดนแบบไหน เล่าสู่กันฟังได้คะ
ขอบคุณทุกท่านที่เสียเวลาอ่านคะ ^^