ขอยืนยันอีกหนึ่งเสียงว่า ชีวิตนี้เป็นเพียงความฝัน

ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมด 31 ภูมิ  ชีวิตความเป็นอยู่ของเราท่านเป็นแค่ความฝัน
ที่บอกว่าฝันเพราะมันเป็นของสมมุติไม่มีอยู่จริง(อนัตตา)เดี่ยวก็ฝันดี เดี่ยวก็ฝันร้าย
ฝันว่าเป็นคนบ้าง เดี่ยวก็ฝันว่าเป็นเทวดา ฝันว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง เป็นพรหมบ้าง ภายใต้กฏแห่งกรรม
                  พระพุทธเจ้า คือ ผู้ตื่น แล้วมาปลุกสัตว์โลกทั้งหลายผู้หลับไหล
มีหลายคำถามที่ถามว่าทำไมพระพุทธองค์ ไม่พูดถึง ต้นตอของการเวียนว่าย ตายเกิด  
กรรมแรกมาจากไหน ก่อนที่จะมาเวียนว่ายเพราะมันเป็นระยะเวลายาวนาน เกินกว่าพระองค์จะหยั่งถึงได้
ก็เป็นระยะยาวนาน ซึ่งรู้ไปแล้วก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพ้นทุกข์  
แม้กระทั้งนักวิทยาศาสตร์ ที่พยายามหา ต้นกำเนิดของจักรวาล ว่าเริ่มต้นจากอะไร ก้อยังหาคำตอบไม่ได้
แล้วก็เชื่อว่า คงจะไม่มีวันนั้น เพราะ การที่เราจะหาจุดเริ่มต้นของความฝัน แน่นอน ทุกคนรู้ว่าฝัน ฝันเรื่องอะไร
แต่รู้หรือไม่ว่า ในห้วงของความฝัน ความฝันเริ่มต้นจากตรงไหน มาได้ยังไง แล้วนำหลักฐานของความฝันมาให้คนอื่นรู้
ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ พระท่านหนึ่งท่านเคยบอกว่า เราเหมือนแมงมุมโง่ ตัวหนึ่ง ที่ชักใย แล้วก็ติดใยตัวเองไปไหนไม่ได้
ที่เป็นอย่างนั่นเพราะทุกกคนติดในความฝันโดยการสร้างเครื่องพันธนาการตัวเอง(อวิชชา ตัณหา อุปาทาน) แล้วตื่นไม่ได้
ต้องตกอยู่ในห้วงของความฝัน จนกระทั้งได้ฟังธรรมของพุทธองค์  ผู้ตื่น มาปลุก ให้ตื่นจากความฝัน...


      สับสนวนว่ายในสมมุติ
ที่สุดปลายทางจึงว่างเปล่า
สิ่งที่รู้ที่เห็นเพียงแค่เงา
แแม้ตัวเราที่ว่าใช่ก็ไม่จริง...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่