สวัสดีเพื่อนๆ พันทิป คะ

ตอนแรกก็ชั่งใจอยู่นะ ว่าจะ Review ทริปภูเก็ตที่เราไปคนเดียวลงในพันทิปดีไหม
แต่เราอยากเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงที่อยากไปเที่ยวคนเดียวแต่ยังลังเลใจอยู่ ได้ออกไปเที่ยวด้วยตัวเองดูคะ
การไปเที่ยวคนเดียว จะว่ายาก หรือ ง่าย ก็คงแล้วแต่คนนะ อยู่ที่เราเลือกไปที่ไหน Lift style ยังไง
คือ เราก็ต้องวางแผนการเดินทาง ให้ไปในสถานที่ที่ไม่เสี่ยง และคอยระแวดระวังรอบๆ ตัว

ทริปนี้ เราวางแผนมาเป็นปีแล้วคะ ช่วงนั้น Airaisago ออกโปร เที่ยวบิน+ที่พัก  
เราได้ทั้งสองอย่างในราคา 3,726.80 บาท เดินทางวันที่ 1-4 มีนาคม ที่ผ่านมา
ที่พักเราจอง 4วัน 3 คืน ที่โรงแรมชิโนอินน์ ในตัวเมืองภูเก็ต  

เริ่มวันแรกเลยแล้วกัน  เที่ยวบิน ออก 7.45 ที่สนามบินดอนเมือง  
เราทำการ Check in ผ่านมือถือ มาตั้งแต่ก่อนเดินทาง 1 วัน สัมภาระมีแค่กระเป๋าหนัก 5 กิโล หนึ่งใบ  



ในวันเดินทาง  เราออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 04.30 น. มาถึงสนามบินเช้ามาก แต่ผู้คนในสนามบินก็เยอะมากเช่นกัน
ด้วยความที่เรามาเร็วมาก  ทำให้กระดานเวลาบิน ยังเป็นเที่ยวบินในช่วงตีห้า ถึงหกโมงเช้า  เราเลยเดินไปซื้อขนมปังในเซเว่นแล้วไปนั่งรอที่เกทตาม E-Boarding Pass ของเรา สายการบินนู้น สายการบินนี้ ต่างประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง  จน 7 โมงคะ เราเริ่มแปลกใจ ทำไมเกทที่เรารอถึงเป็นสายการบินสีเหลืองมาเตรียมรออยู่นะ  เกท 44 คะที่เรารอ เราเดินย้อนกลับไปดูกระดานเวลาเที่ยวบิน ยังโชว์ถึง 7 โมงเอง แปลกคะ แปลกมาก เราเลยเดินย้อนกลับไปเพื่อที่จะอ่านจากหน้าจออีกตัวที่อยู่ห่างกัน ก็ยังโชว์แค่เที่ยวบินถึง 7 โมง สุดท้ายเราเห็นน้องพนักงานฝึกหัดของสายการบิน Airasia ที่เรียกผู้โดยสารเที่ยวบินไปที่อื่นอยู่ เลยเข้าไปถาม เที่ยวบินของเราว่าอยู่เกทไหน สุดท้ายเลยรู้ว่า เที่ยวบินเราอยู่เกท 35 ที่ก่อนจะถึงเซเว่นมาหน่อยคะ  เราวิ่งหน้าตั้งเลย  7 โมงแล้ว เราไปนั่งชิล กินขนมอยู่ผิดเกทที่เอง  

โชคดีมากคะ ไปถึงทันเวลา พนักงานพึ่งจะเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง  โอย! หัวใจจะวาย เหนื่อยมาก

เป็นความผิดของเราเองจริงๆคะที่ดูไม่ดีเอง ย้ำไว้เลยนะคะ คอยมหมั่นดู หน้าจอตารางเวลาการบินไว้  เจอแล้วค่อยไปเกทนั้นๆ  ไม่ใช่อยากเราที่ได้ E-Boarding Pass มาก็ไปตามนั้น โดยที่ไม่ได้เช็คเกทอีกที ไม่งั้นอาจจะตกเครื่องไปแล้วแน่ๆคะ




ถึงภูเก็ตประมาณ 09.00 น. ออกจากเกทมา เดินหาป้าย Airport Bus เลยคะ เลยอ่าน Review มา เป็นรถบัสคันสีส้ม ออกจากอาคารสนามบินเดินไปด้านซ้ายมือ ตามป้ายมาเรื่อยๆคะ จะมีพนักงานถือป้ายอยู่ว่า Airport Bus ไปถึงเป็นรถตู้แทน ค่ารถเข้าเมืองภูเก็ต ราคา 100 บาทคะ ส่วนใครจะไป ป่าตอง ก็มีรถไปเหมือนกันคะ แต่ไม่ชัวร์ราคานะคะ ได้ยินว่า 180 บาท พอคนเต็ม ได้เวลาออกรถ ปลายทางอยู่ที่สถานีขนส่งภูเก็ต  ใครอยากลงระหว่างทางที่รถผ่านก็สามารถแจ้งคนขับให้จอดได้นะ เช่น ลงโลตัส  เซ็นทรัล หรือลงที่โรงแรมชิโน อินน์ เหมือนเรา เพราะโรงแรมอยู่ถนนแม่หลวนซึ่งระหว่างทางพอดี  






จากรายละเอียดการจองที่พัก เราจะต้อง Check in เวลา 14.00 น. แต่พอไปถึงประมาณ 10.30 น. พนักงานของโรงแรมก็เคลียร์ห้องให้และเข้าพักได้เลยคะ มีวางมัดจำค่ากุญแจห้องและ Key card 1,000 บาท จะได้คืนเมื่อ Check out



ห้อง Standard สำหรับพัก 2 คน แต่เรานอนคนเดียว สบายเลยคะ กลิ้งไปกลิ้งมาได้เต็มที่ ภายในห้องมีเครื่องปรับอากาศ ทีวี  ตู้เย็นขนาดเล็กข้างในมีน้ำอัดลมให้ 2 ขวด ที่อ่างล้างหน้ามีน้ำเปล่า 2 ขวด



ส่วนบนโต๊ะข้างทีวีมีเครื่องทำน้ำร้อน และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 ซอง  (ไม่โอเคเลย เก่าแล้ว เราต้มกินไปซอง แทบกินไม่ได้เลย)  มีจาน ชาม และช้อนส้อม ให้ 2 ชุดด้วยคะ ซื้ออาหารมากินในห้องก็ใช้จานนี้ ทานเสร็จเคลียร์เศษอาหารแล้ววางไว้ให้แม่บ้านทำความสะอาดให้คะ


มองจากระเบียง เป็นวิวตัวเมืองภูเก็ต



พอเที่ยง เราออกไปเดินเที่ยวในตัวเมืองภูเก็ต  เริ่มจากบ้านชินประชา ค่าเข้าชม 100 บาท



เป็นบ้านเก่าแก่สไตล์ชิโน-โปรตุกีส ซึ่งสร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของเกาะภูเก็ต มีอายุกว่า 100 ปี  ตั้งอยู่ที่ถนนกระบี่ ตำบลตลาดเหนือ ในตัวเมืองภูเก็ต  เป็นบ้านของตระกูล ตัณฑวณิช  ผู้เป็นเจ้าของได้อนุรักษ์ตัวอาคารและเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่าง ๆ ในบ้านไว้เป็นอย่างดี โดยมีความมุ่งหวังให้สถานที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ซึ่งเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของภูเก็ตผ่าน การใช้ชีวิตของผู้คนชาวภูเก็ต ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา