ดูแล้วค่อยอ่าน
คู่แต่งงานผัวเมียคู่หนึ่ง ผัวเป็นช่างภาพ เมียทำงานบริษัท มีชู้เป็นหัวหน้าที่บริษัท ทั้งสองไปเที่ยวป่า ผัวถ่ายรูปในป่าไปเรื่อยจนไปสะดุดตรงต้นไม้ต้นหนึ่งที่แปลกเหมือนมีชีวิต มันดึงดูดเขามากประหนึ่งหญิงสาวน่าหลงใหล ต่อมาเค้าหายตัวไปในป่า เมียต้องออกตามหาแต่ไม่เจอ ชู้ของเมียซึ่งชู้คนนั้นมีเมียอยู่แล้วมารับกลับบ้าน จากนั้นก็แล้วแต่เมียแล้วแหละว่าจะเอาไงต่อ
หนังเล่าเรื่องความสัมพันธ์ทั้งสามคนกับหนึ่งตน ผัว เมีย ชู้ของเมีย และ สัมภเวสีที่จะเรียกว่านางไม้ ผมดูเรื่องนี้จนกระทั่งตอนท้ายเรื่อง ผมพบว่าเป็นเอกตีประเด็นความเป็นไปในความสัมพันธ์ชู้สาวหรือการผิดศีลข้อสามในทรรศนะแก ตัวละครทุกๆตัวไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตนเองหมด ตั้งแต่นางเอกก็นอกใจผัว ชู้ของนางเอกที่นอกใจเมียตัวเอง และพระเอกที่หลงไหลไปกับวิญญาณนางไม้ที่สิงอยู่ในต้นไม้ซึ่งผมถือว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน และมันเลยเถิดจนไม่สามารถลงเอยเหมือนเดิมได้ด้วย หนังเปิดเรื่องด้วยภาพเหตุการณ์ภายในป่า หญิงคนหนึ่งวิ่งหนีชายสองคนที่จะไล่ปล้ำแต่เธอหนีไม่ทัน มุมกล้อง long take ที่เผยการกระทำนั้นในระยะไกล เหมือนคนเดินป่าอยู่แล้วเหลือบเห็นแต่ไม่ได้สนใจ จบ long take เผยภาพศพชายสองคนลอยบนลำธาร แค่เปิดเรื่องมาแกก็เล่นเรื่องการทำผิดศีลธรรมแล้ว ยิ่งด้วยภาพแล้วเป็นจุดวัดใจเลย คุณดูจนจบ long take ได้ คุณผ่านด่าน ถ้าดูไม่จบคุณคงปิดและหาเรื่องอื่นดูดีกว่า
จากนั้นไปจนจบหนังจะแบ่งเป็นสามช่วงใหญ่ๆ
ช่วงแรก เป็นช่วงที่พระเอก-นางเอกไปเที่ยวป่าจนถึงพระเอกหายตัวไป พระเอกจะดูเด่น เป็นตัวเล่าเรื่อง หนังเผยความสัมพันธ์ที่ไม่สวิทเท่าไหร่ของสองคน พระเอกอยากนางเอกไม่เล่นด้วย เป็นจุดที่เมื่อพระเอกโดนการเเชื้อเชิญเขาก็ตอบรับได้ไม่ยาก ต้นไม้ต้นนั้นเชื้อเชิญเขา วางกับดัก ล่อให้เขาไปหาและเขาก็หายไป ความสัมพันธ์ไม่มั่นคงย่อมโดนแทรกแซงได้ง่าย
พอถึงช่วงสอง นางเอกเป็นตัวเล่าเรื่อง ตามหาพระเอกแต่ไม่พบ ชู้เธอมาตามและพากลับบ้าน เธอหลับไป ตื่นมาเธอพบผัวเธอกลับมาบ้านแล้ว เธอเริ่มเห็นค่าความสัมพันธ์และกลับมาใส่ใจมันอีกครั้ง พยายามห่างกับชู้มาเอาใจใส่ผัว ขนาดซื้อถุงยางเพื่อมามีอะไรกันที่บ้าน ยอมบอกความจริงเรื่องชู้ ซึ่งผัวเธอก็รู้ก่อนแล้วและเข้าใจ ช่วงนี้จบลงด้วยการมีอะไรกัน เป็นช่วงที่พยายามจะคืนความสัมพันธ์ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนจะแฮปปี้ แต่เป็นเอกไม่ยอม
จึงใส่พาร์ทสามมาเพื่อบอกความจริง เมียฝันหรือเพ้อเอออไปเองช่วงที่สองไปเป็นอาทิตย์ ผัวเธอยังไม่กลับมา กลับเจอชู้ของเธอแทนที่ เธอรีบกลับไปตามหาผัว ชู้ก็สาระแนติดไปด้วย(เค้ายอมเลิกกับเมียเพื่อเธอโดยเฉพาะ หนังเล่าในพาร์ทสอง) ช่วงสามตัวละครชู้มีบทเด่น เมียเจอต้นไม้ต้นนั้นซึ่งเธอเคยเจอตอนพาร์ทแรกแล้วและรู้สึกแปลกๆกับมัน เธอฟันต้นไม้ต้นนั้น นางไม้ก็เละสิ กำลังมันส์กับพระเอกอยู่เลยโดนขัดจังหวะ พระเอกพานางเอกที่สลบอยู่มาที่เต้นท์ เจอชู้ และพูดคุยด้วยบทสนทนาที่ประมาณจะบอกถึงสิ่งที่ควรจะดำเนินไปต่อจากนี้ เป็นการเผชิญความจริงในหนัง และตั้งคำถามกับคุณว่าจะทำตามสิ่งที่พระเอกแนะนำมั้ย
ผมอาจมองไอ้สามส่วนของหนังในทรรศนะผมว่าเป็นความเป็นไปของสามตัวละครเมื่อเจอกับปัญหาความสัมพันธ์ที่แต่ละคนล้วนนอกใจ พระเอกเลือกนางไม้, นางเอกเลือกบอกความจริงและเลือกพระเอก, ชู้เลือกนางเอก ทุกคนเหมือนไล่จับกัน ยังไงก็ตามหากมันเลยเถิด ยากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
การกำกับภาพที่เหมือนเดินหลงในป่าชวนอึดอัด การเล่าเรื่องสไตล์เป็นเอก ยังคงลึกลับและน่าค้นหา ประเด็นชู้สาว ("นางไม้แย่งสามีไปจากภรรยา ภรรยาเอามีดฟัน งั้นสามีก็เอามีดฟันชู้ได้ เพราะชู้แย่งภรรยาไปจากสามี" ตลกร้ายดี) สำหรับผมว่าเป็นงานที่ยังน่าดู อย่างน้อยก็ยังมีอะไรให้ดูและนำมาพูดถึง
นางไม้ (2552) กับประเด็นกาารนอกใจ
คู่แต่งงานผัวเมียคู่หนึ่ง ผัวเป็นช่างภาพ เมียทำงานบริษัท มีชู้เป็นหัวหน้าที่บริษัท ทั้งสองไปเที่ยวป่า ผัวถ่ายรูปในป่าไปเรื่อยจนไปสะดุดตรงต้นไม้ต้นหนึ่งที่แปลกเหมือนมีชีวิต มันดึงดูดเขามากประหนึ่งหญิงสาวน่าหลงใหล ต่อมาเค้าหายตัวไปในป่า เมียต้องออกตามหาแต่ไม่เจอ ชู้ของเมียซึ่งชู้คนนั้นมีเมียอยู่แล้วมารับกลับบ้าน จากนั้นก็แล้วแต่เมียแล้วแหละว่าจะเอาไงต่อ
หนังเล่าเรื่องความสัมพันธ์ทั้งสามคนกับหนึ่งตน ผัว เมีย ชู้ของเมีย และ สัมภเวสีที่จะเรียกว่านางไม้ ผมดูเรื่องนี้จนกระทั่งตอนท้ายเรื่อง ผมพบว่าเป็นเอกตีประเด็นความเป็นไปในความสัมพันธ์ชู้สาวหรือการผิดศีลข้อสามในทรรศนะแก ตัวละครทุกๆตัวไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตนเองหมด ตั้งแต่นางเอกก็นอกใจผัว ชู้ของนางเอกที่นอกใจเมียตัวเอง และพระเอกที่หลงไหลไปกับวิญญาณนางไม้ที่สิงอยู่ในต้นไม้ซึ่งผมถือว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน และมันเลยเถิดจนไม่สามารถลงเอยเหมือนเดิมได้ด้วย หนังเปิดเรื่องด้วยภาพเหตุการณ์ภายในป่า หญิงคนหนึ่งวิ่งหนีชายสองคนที่จะไล่ปล้ำแต่เธอหนีไม่ทัน มุมกล้อง long take ที่เผยการกระทำนั้นในระยะไกล เหมือนคนเดินป่าอยู่แล้วเหลือบเห็นแต่ไม่ได้สนใจ จบ long take เผยภาพศพชายสองคนลอยบนลำธาร แค่เปิดเรื่องมาแกก็เล่นเรื่องการทำผิดศีลธรรมแล้ว ยิ่งด้วยภาพแล้วเป็นจุดวัดใจเลย คุณดูจนจบ long take ได้ คุณผ่านด่าน ถ้าดูไม่จบคุณคงปิดและหาเรื่องอื่นดูดีกว่า
จากนั้นไปจนจบหนังจะแบ่งเป็นสามช่วงใหญ่ๆ
ช่วงแรก เป็นช่วงที่พระเอก-นางเอกไปเที่ยวป่าจนถึงพระเอกหายตัวไป พระเอกจะดูเด่น เป็นตัวเล่าเรื่อง หนังเผยความสัมพันธ์ที่ไม่สวิทเท่าไหร่ของสองคน พระเอกอยากนางเอกไม่เล่นด้วย เป็นจุดที่เมื่อพระเอกโดนการเเชื้อเชิญเขาก็ตอบรับได้ไม่ยาก ต้นไม้ต้นนั้นเชื้อเชิญเขา วางกับดัก ล่อให้เขาไปหาและเขาก็หายไป ความสัมพันธ์ไม่มั่นคงย่อมโดนแทรกแซงได้ง่าย
พอถึงช่วงสอง นางเอกเป็นตัวเล่าเรื่อง ตามหาพระเอกแต่ไม่พบ ชู้เธอมาตามและพากลับบ้าน เธอหลับไป ตื่นมาเธอพบผัวเธอกลับมาบ้านแล้ว เธอเริ่มเห็นค่าความสัมพันธ์และกลับมาใส่ใจมันอีกครั้ง พยายามห่างกับชู้มาเอาใจใส่ผัว ขนาดซื้อถุงยางเพื่อมามีอะไรกันที่บ้าน ยอมบอกความจริงเรื่องชู้ ซึ่งผัวเธอก็รู้ก่อนแล้วและเข้าใจ ช่วงนี้จบลงด้วยการมีอะไรกัน เป็นช่วงที่พยายามจะคืนความสัมพันธ์ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนจะแฮปปี้ แต่เป็นเอกไม่ยอม
จึงใส่พาร์ทสามมาเพื่อบอกความจริง เมียฝันหรือเพ้อเอออไปเองช่วงที่สองไปเป็นอาทิตย์ ผัวเธอยังไม่กลับมา กลับเจอชู้ของเธอแทนที่ เธอรีบกลับไปตามหาผัว ชู้ก็สาระแนติดไปด้วย(เค้ายอมเลิกกับเมียเพื่อเธอโดยเฉพาะ หนังเล่าในพาร์ทสอง) ช่วงสามตัวละครชู้มีบทเด่น เมียเจอต้นไม้ต้นนั้นซึ่งเธอเคยเจอตอนพาร์ทแรกแล้วและรู้สึกแปลกๆกับมัน เธอฟันต้นไม้ต้นนั้น นางไม้ก็เละสิ กำลังมันส์กับพระเอกอยู่เลยโดนขัดจังหวะ พระเอกพานางเอกที่สลบอยู่มาที่เต้นท์ เจอชู้ และพูดคุยด้วยบทสนทนาที่ประมาณจะบอกถึงสิ่งที่ควรจะดำเนินไปต่อจากนี้ เป็นการเผชิญความจริงในหนัง และตั้งคำถามกับคุณว่าจะทำตามสิ่งที่พระเอกแนะนำมั้ย
ผมอาจมองไอ้สามส่วนของหนังในทรรศนะผมว่าเป็นความเป็นไปของสามตัวละครเมื่อเจอกับปัญหาความสัมพันธ์ที่แต่ละคนล้วนนอกใจ พระเอกเลือกนางไม้, นางเอกเลือกบอกความจริงและเลือกพระเอก, ชู้เลือกนางเอก ทุกคนเหมือนไล่จับกัน ยังไงก็ตามหากมันเลยเถิด ยากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
การกำกับภาพที่เหมือนเดินหลงในป่าชวนอึดอัด การเล่าเรื่องสไตล์เป็นเอก ยังคงลึกลับและน่าค้นหา ประเด็นชู้สาว ("นางไม้แย่งสามีไปจากภรรยา ภรรยาเอามีดฟัน งั้นสามีก็เอามีดฟันชู้ได้ เพราะชู้แย่งภรรยาไปจากสามี" ตลกร้ายดี) สำหรับผมว่าเป็นงานที่ยังน่าดู อย่างน้อยก็ยังมีอะไรให้ดูและนำมาพูดถึง