สวัสดี เพื่อนๆชาวท่องเที่ยวทุกคน วันนี้อันตี้ขออนุญาติแชร์ประสบการณ์น่าสนใจเมื่อได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองมัณฑะเลย์ประเทศพม่ามาเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง เผื่อเพื่อนๆที่ไม่เคยไปจะได้ข้อมูลเก็บเพิ่มเติมไว้ถ้ามีโอกาสได้ไปเยือนเมืองนี้นะคะ
เรามาเริ่มกันเลยที่ประสบการณ์แรก
1. การตื่นนอนแต่เช้ามืด ประมาณตี 4 เพื่อไปเข้าชมพิธีการล้างพระพักตร์องค์พระมหามุนี ที่วัดพระมหามุนี (ถ้าหากเรียกผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ อันตี้ไม่ค่อยสันทัดคำเกี่ยวกับศาสนา เท่าใดนัก) เป็นการตื่นเช้าที่คุ้มค่ามาก ทางไกด์บอกว่า พิธีนี้สามารถกระทำได้โดยพระสงค์รูปเดียวเท่านั้น เมื่อเราไปถึงจะเห็นพุทธศาสนิกชนชาวพม่าจำนวนมากหลั่งไหลกันเดินเข้ามานั่งจับจองที่นั่ง ระหว่างพิธีก็มีการสวดไปด้วย สังเกตว่า บทสวดของเขาเหมือนของไทยเราเลย ทั้ง "นโมตัสสะ..." รวมถึงการเรียก "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" นั่งชมพิธีจนจบ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม เป็น 1 ชม ที่รู้สึกสงบมากๆ
2. กินอาหารเข้าแบบชาวพม่าที่ Tea Shop เมนูเด็ดคือ I-Ja-Kuay ซึ่งก็คือปาท่องโก๋บ้าเรานั่นเอง แต่เป็นปาท่องโก๋ที่นุ่มอร่อยมาก มีให้จิ้ม 2 อย่างคือ จิ้มนมข้นหวาน หรือจิ้มซอสถั่ว ซึ่งรสชาติก็แปลกไปอีกอย่าง ที่สำคัญ ต้องกินกับชาร้อนพม่า หวานๆอร่อยดี
3. การร่วมทำ Tanaka หรือแป้งทาหน้าของพม่า ชาวพม่าเขามีวิธีการทำบุญ ถ้าไม่ทำด้วยเงินบริจาค ก็สามารถทำบุญด้วยการบริจาคแรงกาย อันตี้ได้มีโอกาสไปร่วมทำ Tanaka ที่วัดพระมหามุนี ซึ่งที่ทำกันนั้นคือแป้งที่จะนำไปใช้ในพิธีล้างพระพักตร์ในเช้าวันรุ่งขึ้นนั่นเอง การทำ Tanaka คือการเอาไม้ชนิดนึง ขูดและถูลงบนพื้นครกซึ่งจะใช้การราดน้ำช่วยให้มีน้ำเหนียวๆสีออกเหลืองเข้มออกมาจากไม้ แล้วเราก็เก็บใส่ถ้วยนำไปรวมกันเป็นแป้งเพื่อใช้ในโอกาสต่อไป แป้ง Tanaka นี้ ชาวพม่าใช้ทั้งทาแก้ม และทาตัว ซึ่งเป็น Sunblock ได้อย่างดี เมื่อทาตัวจะรู้สึกเย็นๆ อารมณ์คล้ายๆแป้งร่ำบ้านเรา
4. การเช่าเรือข้ามฟากไปมิงกุน การไปมิงกุนสามารถนั่งรถไปก็ได้ แต่อันตี้แนะนำให้ลองประสบการณ์นี้ เพราะจะได้อารมณ์ว่า เรือลำนี้เป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว 5555 และยังได้ชมวิว 2 ฝั่งน้ำ โดยเฉพาะขากลับจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินจากบนเรืออีกด้วย
5. การชมพระอาทิตย์ตกดิน 3 แบบ 3 สถานที่
สถานที่แรกบนยอดเขา Mandalay Hill ความสวยงามของสถานที่เป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบบนตัววิหารและวัด สวยงามมาก รวมทั้งการมองเห็นวิวเมืองมัณฑะเลย์จากบนเนินเขา ยิ่งทำให้เห็นความสวยงามสุดลูกหูลูกตาทีเดียว
สถานที่ที่สอง คือการชมพระอาทิตย์ตกดิน (จริงๆต้องบอกเกือบตกดิน) บนเรือที่นั่งกลับจากมิงกุน สวยงามเมื่อแสงพระอาทิตย์ส่องกระทบพื้นผิวน้ำ
สถานที่ที่สามคือ การชมพระอาทิตย์ตกดินที่สะพาน Bein Bridge ซึ่งเป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก แสงอาทิตย์ย้อนแสงตัดกับเงาคนที่เดินบนสะพาน สวยงามอย่าบอกใครเชียว
6. การนั่งรถม้าไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆบนเกาะอังวะ งานนี้ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่เพิ่งผ่าตัดหรือมีอาการเจ็บป่วยที่รับแรงกระแทกไม่ได้นะค้าา แต่สำหรับเพื่อนๆที่แข็งแรงดี นั่งรถม้า ขอบอกว่า กระแทกได้ใจจริงๆ เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆเหมือนกัน รถม้าคันนึงนั่งได้ 2 คน หรือไม่ควรเกิน 3 เพราะเกรงว่าม้าจะทนรับน้ำหนักไม่ไหว การเดินทางทางนี้ทำให้เราได้มีโอกาสเจาะเข้าไปดูในทุ่งนา ที่รถทั่วๆไม่สามารถขับผ่านเข้าไปได้
7. การชมการตักบาตรพระสงฆ์ 1000 กว่ารูปพร้อมๆกันโดยฆราวาสที่ Mahagandayone Monastery ที่เมืองอมาปุระ จริงๆการตักบาตรเป็นเรื่องปกติของบ้านเรา แต่สิ่งที่พิเศษของที่นี่คือการตักบาตรพร้อมๆกันเป็นพันรูป การเห็นพระท่านเดินเรียงกันออกมารับบาตรดูเป็นอะไรที่มีความน่าเลื่อมใสศรัทธาทีเดียว
8. ประสบการณ์นี้อาจจะดูธรรมดา แต่สำหรับคนที่ชอบทานเบียร์ ขอบอกว่า "ต้องลอง" เมื่อเข้าสู่ประเทศพม่าจะเห็นโฆษณา Myanmar Beer เต็มไปหมด แต่เมื่อเรามา Mandalay ก็ต้องขอลอง Mandalay Beer สักครั้ง รสชาติถือว่าดีใช้ได้ แต่ถ้าคนชอบเข้มข้น อาจจะไม่ชอบนัก แนวๆมาโทนสีเขียวมากกว่าสีเข้ม อากาศที่ร้อนมากๆ จากการเดินชมวัดชมวา การได้พักจิบเบียร์เย็นฉ่ำสักนิด ชื่นจายยยย
9. การดูโชว์หุ่น Puppet Show ที่มัณฑะเลย์ มีโชว์ที่เป็น Traditional ของเขา ชื่อว่า Mandalay Marionettes ซึ่งเป็นโรงละครเล็กๆ แค่ 1 ห้องแถว แต่แสดงโชว์มานาน และผู้เฒ่าที่เชิดหุ่น เรียกได้ว่าเป็น Master ซึ่งมีอายุปาไปถึง 85 ปีแล้ว
อันตี้ไม่ได้ถ่ายวีดิโอไว้ แต่ขออนุญาติดึงมาจากคอื่นที่เขาถ่ายและโพสต์ไว้ใน YouTube เผื่อเพื่อนๆอยากจะลองดูเป็นตัวอย่าง
https://www.youtube.com/watch?v=athgoE5jDXA
10. สุดท้ายละ เป็นประสบการณ์ที่ขอบอกว่า ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย แต่ อันตี้เผอิญได้มีโอกาสเดินถนนในเมือง มัณฑะเลย์ ก็เลยได้ประสบการณ์ ที่ว่า ประทับใจและขำๆ คือการเดินบนถนนในเมืองต้องระวังมาก เพราะมีฟุตบาทก็เหมือนไม่มี รถยนตร์ รถมอเตอร์ไซด์จอดบนฟุตบาท จอดข้างทาง ทำให้เวลาเราเดินต้องลงมาเดินบนถนน แถมรถที่นี่ขับบนถนนฝั่งขวา เหมือนอเมริกาและยุโรป แต่พวงมาลัยอยู่ด้านขวามือเหมือนรถบ้านเรา เวลาเราจะข้ามถนน ถึงแม้เป็นสี่แยกใหญ่ มีไฟแดง แต่รู้สึกเหมือนมีรถวิ่งตลอดเวลา การจะข้ามถนนต้องอาศัยจังหวะการข้ามที่แม่นมาก และรถเขาไม่หยุดให้เราด้วย ตื่นเต้นมากๆ จะข้ามถนนที ที่สำคัญเจอสัญลักษณ์ไฟแดงไฟเขียวที่ไม่มีไฟ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาบังคับให้รถข้างไหนหยุด รถข้างไหนไปอย่างไร ก็ไม่อาจรู้ได้เลย
Credit :
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aunty&group=2
[CR] 10 ประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปมัณฑะเลย์
เรามาเริ่มกันเลยที่ประสบการณ์แรก
1. การตื่นนอนแต่เช้ามืด ประมาณตี 4 เพื่อไปเข้าชมพิธีการล้างพระพักตร์องค์พระมหามุนี ที่วัดพระมหามุนี (ถ้าหากเรียกผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ อันตี้ไม่ค่อยสันทัดคำเกี่ยวกับศาสนา เท่าใดนัก) เป็นการตื่นเช้าที่คุ้มค่ามาก ทางไกด์บอกว่า พิธีนี้สามารถกระทำได้โดยพระสงค์รูปเดียวเท่านั้น เมื่อเราไปถึงจะเห็นพุทธศาสนิกชนชาวพม่าจำนวนมากหลั่งไหลกันเดินเข้ามานั่งจับจองที่นั่ง ระหว่างพิธีก็มีการสวดไปด้วย สังเกตว่า บทสวดของเขาเหมือนของไทยเราเลย ทั้ง "นโมตัสสะ..." รวมถึงการเรียก "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" นั่งชมพิธีจนจบ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม เป็น 1 ชม ที่รู้สึกสงบมากๆ
2. กินอาหารเข้าแบบชาวพม่าที่ Tea Shop เมนูเด็ดคือ I-Ja-Kuay ซึ่งก็คือปาท่องโก๋บ้าเรานั่นเอง แต่เป็นปาท่องโก๋ที่นุ่มอร่อยมาก มีให้จิ้ม 2 อย่างคือ จิ้มนมข้นหวาน หรือจิ้มซอสถั่ว ซึ่งรสชาติก็แปลกไปอีกอย่าง ที่สำคัญ ต้องกินกับชาร้อนพม่า หวานๆอร่อยดี
3. การร่วมทำ Tanaka หรือแป้งทาหน้าของพม่า ชาวพม่าเขามีวิธีการทำบุญ ถ้าไม่ทำด้วยเงินบริจาค ก็สามารถทำบุญด้วยการบริจาคแรงกาย อันตี้ได้มีโอกาสไปร่วมทำ Tanaka ที่วัดพระมหามุนี ซึ่งที่ทำกันนั้นคือแป้งที่จะนำไปใช้ในพิธีล้างพระพักตร์ในเช้าวันรุ่งขึ้นนั่นเอง การทำ Tanaka คือการเอาไม้ชนิดนึง ขูดและถูลงบนพื้นครกซึ่งจะใช้การราดน้ำช่วยให้มีน้ำเหนียวๆสีออกเหลืองเข้มออกมาจากไม้ แล้วเราก็เก็บใส่ถ้วยนำไปรวมกันเป็นแป้งเพื่อใช้ในโอกาสต่อไป แป้ง Tanaka นี้ ชาวพม่าใช้ทั้งทาแก้ม และทาตัว ซึ่งเป็น Sunblock ได้อย่างดี เมื่อทาตัวจะรู้สึกเย็นๆ อารมณ์คล้ายๆแป้งร่ำบ้านเรา
4. การเช่าเรือข้ามฟากไปมิงกุน การไปมิงกุนสามารถนั่งรถไปก็ได้ แต่อันตี้แนะนำให้ลองประสบการณ์นี้ เพราะจะได้อารมณ์ว่า เรือลำนี้เป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว 5555 และยังได้ชมวิว 2 ฝั่งน้ำ โดยเฉพาะขากลับจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินจากบนเรืออีกด้วย
5. การชมพระอาทิตย์ตกดิน 3 แบบ 3 สถานที่
สถานที่แรกบนยอดเขา Mandalay Hill ความสวยงามของสถานที่เป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบบนตัววิหารและวัด สวยงามมาก รวมทั้งการมองเห็นวิวเมืองมัณฑะเลย์จากบนเนินเขา ยิ่งทำให้เห็นความสวยงามสุดลูกหูลูกตาทีเดียว
สถานที่ที่สอง คือการชมพระอาทิตย์ตกดิน (จริงๆต้องบอกเกือบตกดิน) บนเรือที่นั่งกลับจากมิงกุน สวยงามเมื่อแสงพระอาทิตย์ส่องกระทบพื้นผิวน้ำ
สถานที่ที่สามคือ การชมพระอาทิตย์ตกดินที่สะพาน Bein Bridge ซึ่งเป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก แสงอาทิตย์ย้อนแสงตัดกับเงาคนที่เดินบนสะพาน สวยงามอย่าบอกใครเชียว
6. การนั่งรถม้าไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆบนเกาะอังวะ งานนี้ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่เพิ่งผ่าตัดหรือมีอาการเจ็บป่วยที่รับแรงกระแทกไม่ได้นะค้าา แต่สำหรับเพื่อนๆที่แข็งแรงดี นั่งรถม้า ขอบอกว่า กระแทกได้ใจจริงๆ เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆเหมือนกัน รถม้าคันนึงนั่งได้ 2 คน หรือไม่ควรเกิน 3 เพราะเกรงว่าม้าจะทนรับน้ำหนักไม่ไหว การเดินทางทางนี้ทำให้เราได้มีโอกาสเจาะเข้าไปดูในทุ่งนา ที่รถทั่วๆไม่สามารถขับผ่านเข้าไปได้
7. การชมการตักบาตรพระสงฆ์ 1000 กว่ารูปพร้อมๆกันโดยฆราวาสที่ Mahagandayone Monastery ที่เมืองอมาปุระ จริงๆการตักบาตรเป็นเรื่องปกติของบ้านเรา แต่สิ่งที่พิเศษของที่นี่คือการตักบาตรพร้อมๆกันเป็นพันรูป การเห็นพระท่านเดินเรียงกันออกมารับบาตรดูเป็นอะไรที่มีความน่าเลื่อมใสศรัทธาทีเดียว
8. ประสบการณ์นี้อาจจะดูธรรมดา แต่สำหรับคนที่ชอบทานเบียร์ ขอบอกว่า "ต้องลอง" เมื่อเข้าสู่ประเทศพม่าจะเห็นโฆษณา Myanmar Beer เต็มไปหมด แต่เมื่อเรามา Mandalay ก็ต้องขอลอง Mandalay Beer สักครั้ง รสชาติถือว่าดีใช้ได้ แต่ถ้าคนชอบเข้มข้น อาจจะไม่ชอบนัก แนวๆมาโทนสีเขียวมากกว่าสีเข้ม อากาศที่ร้อนมากๆ จากการเดินชมวัดชมวา การได้พักจิบเบียร์เย็นฉ่ำสักนิด ชื่นจายยยย
9. การดูโชว์หุ่น Puppet Show ที่มัณฑะเลย์ มีโชว์ที่เป็น Traditional ของเขา ชื่อว่า Mandalay Marionettes ซึ่งเป็นโรงละครเล็กๆ แค่ 1 ห้องแถว แต่แสดงโชว์มานาน และผู้เฒ่าที่เชิดหุ่น เรียกได้ว่าเป็น Master ซึ่งมีอายุปาไปถึง 85 ปีแล้ว
อันตี้ไม่ได้ถ่ายวีดิโอไว้ แต่ขออนุญาติดึงมาจากคอื่นที่เขาถ่ายและโพสต์ไว้ใน YouTube เผื่อเพื่อนๆอยากจะลองดูเป็นตัวอย่าง
https://www.youtube.com/watch?v=athgoE5jDXA
10. สุดท้ายละ เป็นประสบการณ์ที่ขอบอกว่า ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย แต่ อันตี้เผอิญได้มีโอกาสเดินถนนในเมือง มัณฑะเลย์ ก็เลยได้ประสบการณ์ ที่ว่า ประทับใจและขำๆ คือการเดินบนถนนในเมืองต้องระวังมาก เพราะมีฟุตบาทก็เหมือนไม่มี รถยนตร์ รถมอเตอร์ไซด์จอดบนฟุตบาท จอดข้างทาง ทำให้เวลาเราเดินต้องลงมาเดินบนถนน แถมรถที่นี่ขับบนถนนฝั่งขวา เหมือนอเมริกาและยุโรป แต่พวงมาลัยอยู่ด้านขวามือเหมือนรถบ้านเรา เวลาเราจะข้ามถนน ถึงแม้เป็นสี่แยกใหญ่ มีไฟแดง แต่รู้สึกเหมือนมีรถวิ่งตลอดเวลา การจะข้ามถนนต้องอาศัยจังหวะการข้ามที่แม่นมาก และรถเขาไม่หยุดให้เราด้วย ตื่นเต้นมากๆ จะข้ามถนนที ที่สำคัญเจอสัญลักษณ์ไฟแดงไฟเขียวที่ไม่มีไฟ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาบังคับให้รถข้างไหนหยุด รถข้างไหนไปอย่างไร ก็ไม่อาจรู้ได้เลย
Credit :http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aunty&group=2