นี่เป็นกระทู้แรกนะคะ ที่ได้มาแชร์ประสบการณ์ในกระทู้ Pantip ถ้ามีอะไรขาดตกบกพร่องก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยคะ
ขอเข้าเรื่องเลยละกันนะคะ
เราคบกับแฟนมาสักพัก แรกๆ อะไรๆ มันก็ดีนะคะ เราเจอกันตอนที่เค้าได้มีโอกาสเข้ามาทำงานที่บริษัทเราคะ
ตอนแรกที่เจอกัน ก็รู้สึกถูกชะตา แต่งานเราก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันคะ จนเวลาผ่านไปบังเอิญมีโอกาสได้เจอกันก็เลยขอเบอร์และไลน์ไว้
จากนั้นเราก็เริ่มคุยกัน แต่คุยกันแบบเพื่อนนะคะ เราคุยกันเกือบทุกวันคะ จนมารู้ว่าเค้าเพิ่งเลิกกับแฟน ทำให้เรารู้สึกเป็นห่วงเค้ามาก
เราก็พยายามคุยกับเค้า ปลอบใจเค้า อยู่เป็นเพื่อนเค้า และคอยให้กำลังใจเค้าเสมอมา จนวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เค้าต้องย้ายงาน
แต่เราก็ยังคุยกันเหมือนเดิมคะ เราเคยทะเลาะกันจนเลิกคุยกันไปสองสัปดาห์ แต่สุดท้ายก็กลับมาคุยกัน ช่วงปีใหม่เค้าขับรถจากกรุงเทพ มาหาเราที่บ้าน
เราก็ยังไม่กล้าคิดอะไร และอีกสักพักเค้าก็ขับรถไปหาเราที่ทำงานเราที่ต่างจังหวัด เราก็อืม... เค้าคงไม่ได้คิดอะไรหรอก เพื่อนกัน อีกอย่างเราก็ไม่กล้าคิดด้วยคะว่าเค้าจะมาชอบเรา จนสุดท้ายเค้ามาบอกชอบเราและตกลงเป็นแฟนกัน ตอนที่รู้ตอนนั้นดีใจมากคะ คบกันมาเราก็ไปเที่ยวด้วยกันบ่อย พยายามหาเวลาอยู่ด้วยกัน ช่วงแรกๆ เค้าขับรถมาหาเราค่อนข้างบ่อยทั้งที่บ้านและที่ทำงาน วันเวลาผ่านไป เค้าต้องทำงานของเค้าเราจึงมีเวลาเจอกันแค่เสาร์ อาทิตย์ เราเริ่มเป็นฝ่ายไปหาเค้าบ่อยขึ้นและเค้าเริ่มไม่ขับรถมาหาเรา ด้วยเหตุผลที่ว่า เค้าขับรถแล้วสั่น ตื่นเต้น เครียด ถนนบ้านเราไม่ดี นานาจิตตัง แต่ตอนแรกมาได้?
เราเริ่มมีปากเสียงกันบ้าง แต่ด้วยความรักมันทำให้เราเรียนรู้ที่จะให้อภัย และกลับมาดีกัน เค้าง้อเราบ้าง เราง้อเค้าบ้าง ก็ดูจะโอเคดีคะ
ตอนคบกันวันแรกเราบอกเค้าว่าไม่ต้องซื้ออะไรแพงๆ ให้กัน แต่...เค้าเป็นคนชอบซื้อคะ เราก็จะปฏิเสธ เค้าก็จะบังคับให้เรารับ และบังคับให้ใช้
เราเองก็รู้สึกไม่ดีคะ เวลาทานอาหารเราก็จะแชร์กัน แต่เค้าก็ชอบพูดแบบ ไม่เป็นไร เราเลี้ยง อืมม ให้เงินเค้าก็ไม่รับนะคะ
เวลามีปัญหากัน เค้าก็จะชอบใช้วาจาหยาบคาย ดูถูก และออกแนวทวงของคะ เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้อยากได้อยู่แล้วคะ ถ้าจะขอคืนเราก็ยินดีให้คะ
ช่วงมีปัญหาเค้าจะชอบบล๊อคทุกช่องทางการติดต่อทำให้เราต้องขับรถร้อยห้าสิบกว่าโล เพื่อมาง้อเค้า และ ขับกลับรัอยห้าสิบกว่าโล เพื่อไปเตรียมทำงาน
บางครั้งนี่แทบหลับในเลยคะ เราเป็นแบบนี้กันอยู่สักพัก ก็ดูเหมือนจะยังไม่มีอะไรน่าห่วงมาก จนมาวันนึง ที่เราขับรถไปส่งเค้า ซึ่งรถเราเป็นรถคันใหญ่ ทำให้หาที่จอดรถในกรุงเทพยาก เค้าก็มาพูดจาเชิงดูถูกว่าเราขับรถไม่เป็น(ตอนนั้นขับรถมา 12 ปี) เราก็พยายามอธิบายว่าเราไม่สะดวกจอดเพราะรถเรายาว หลังคาก็สูง ไม่อยากเสี่ยง เค้าก็ไม่ฟัง เราก็เลยบอกว่าทีคุณขับรถคันเล็กคุณยังกลัวนู่น นี่ แล้วรถเรามันใหญ่กว่ารถคุณมาก คุณช่วยเข้าใจหน่อย เท่านั้นละ!! โดนตบกลางสี่แยกเลย!!! น้ำตาเรานี่คลอเบ้า แถมเค้ายังไม่สำนึก ด่าว่าเราอีก จากนั้นเรานิ่งไม่พูดอะไร นอกจาก...เราอย่าเจอกันอีกเลย เค้าไม่ยอม และตบเราซ้ำอีก จนเราทนไม่ไหว ทำคืนบ้าง ...ครั้งนั้นเราแอบรู้สึกผิดและตามขอโทษเค้า เรายังไม่เลิกกันคะ
หลังๆ เราโดนด่า และทำร้ายบ่อยขึ้น เหมือนเค้าค่อยๆ ปล่อยตัวตนของเค้าออกมา เค้าจะทำตัวไม่ดี กับคนที่รักเค้า ด่าว่า ทำร้ายให้อีกฝ่ายเจ็บปวด ซึ่งก็เคยถามเค้าเช่นกันว่าทำไมทำแบบนั้น เค้าตอบว่าเค้าเคยแสดงความเป็นตัวตนของเค้าต่อเพื่อนๆ แล้วไม่มีใครรับได้ พาลจะรังเกียจและไม่ยุ่งกับเค้า...แต่มาทำพฤติกรรมแบบนี้กับคนที่เค้ารักและดีกับคุณหรือ? มันคือตรรกะข้อไหน? บางทีก็น้อยใจคะที่เราทำเพื่อเค้าแต่เค้ากลับไม่แคร์เราเลย แต่กลับไปแคร์เพื่อนๆ ที่คอยแต่จะเอาเค้าไปนินทา
เราจริงใจต่อเค้าและหวังดีต่อเค้ามาตลอด แต่ด้วยคำพูดที่เค้าแสดงออกมา มันบั่นทอนกำลังใจของเรามาก เค้าชอบบอกว่าเราไม่ทำอะไรเพื่อเค้า...เพราะสิ่งที่เราทำมันมาจากใจ เค้าจึงมองว่ามันไม่มีค่าเนื่องจากตีมูลค่าเป็นตัวเงินไม่ได้ เมื่อก่อนเราทำงานตจว เข้างานหกโมง เสาร์ อาทิตย์กลับมา ต้องทำงานบ้านบางส่วน ต้องเข้าไปหาเค้า บอกตรงๆ มันเหนื่อยนะ ขับรถไปมา เพราะเค้าไม่เคยมาหาเราอีกเลย ถ้าไม่เข้าไปก็ไม่ได้เจอกัน เค้าก็ยังเแต่ใจ ถ้าบอกให้ไปหาก็ต้องไป ถ้าไม่ไปก็เป็นเรื่องอีก เราก็พยายามหาเวลาไปเจอกัน เฟสไทม์คุยกัน เพื่อไม่อยากให้รู้สึกว่าระยะทางมันคือปัญหา
จนมาถึงต้นปีนี้ เราทะเลาะกันค่อนข้างหนัก เค้าชอบพูดจาดูถูก ทวงบุญคุณ อารมณ์ร้อน เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่เคยมีใครทำอะไรถูกใจเค้า ไม่ยอมใคร ทำให้เรามีปัญหากันหนักมาก จนเราไม่อยากยุ่งด้วย เราขอเลิกกับเค้าและไม่ขอเกี่ยวข้องด้วยอีก อยากให้จบๆ กันไป แต่เค้าไม่ยอม และ เกิดอาการคล้ายๆ ช๊อค ทำให้เรายังต้องอยู่กับเค้า แต่เรารู้สึกว่าเค้าไม่ปกติเหมือนเดิม เค้าเอาแต่ใจ ขี้โมโห จิกกัด ขุดคุ้ยเรื่องอดีตของตัวเค้า อารมณ์แปรปรวนมากกว่าเดิม ปัญหาทุกอย่างของเค้าก็จะโยนมาว่าเราเป็นตัวริเริ่มทำให้เกิด ทำให้เรายิ่งรู้สึกแย่และไม่รู้จะทำตัวยังไง ที่บ้านเค้าขอให้เราช่วยอยู่เป็นเพื่อนลูกเค้า คอยให้คำปรึกษา เป็นกำลังใจให้เค้า แต่ไม่อยากให้เจอกันเพราะกลัวทะเลาะกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่บ้านเค้าโทรมาช่วงที่ลูกเค้าเกรี้ยวกราด ว่าอยากให้เรารับลูกเค้ามาดูแลสักหนึ่งวัน จะได้ดีขึ้น เรารับปาก และพยายามคุยกับลูกเค้าดีๆ ทำให้อาการสงบลง เมื่ออาการสงบลง แม่เค้าโทรมาใหม่ และบอกประมาณว่าไม่ต้องเข้าไปรับลูกเค้าแล้วเพราะดูเค้าจะดีขึ้นแล้ว.....สรุป คุณใช้เราเพื่อเป็นเครื่องมือในการบำบัดลูกเค้า? แล้วความรู้สึกเราละ ใครรับผิดชอบ!!! ตอนนี้ก็เหมือนจะถูกกีดกันเป็นที่เรียบร้อย ประกอบกับแฟนเราเค้าต้องสนใจเรื่องตัวเองมากขึ้น ทำให้เรายิ่งห่างกัน บางทีนัดกันก็ต้องโดนยกเลิกแบบไม่บอกไม่กล่าว ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ยกเลิกซะงั้น คือเรายอมรับนะว่ายังรักเค้าอยู่ เวลาที่เค้าบอกว่าอยากเจอเรา เราจะดีใจมาก นั่งรอคอยที่จะเจอ พอโดนปฏิเสธทีไร เรานี่น้ำตาคลอเบ้าทุกที เรารู้สึกเหมือนเป็นของตายของเค้าจะเลิกก็ไม่ได้ อยู่ต่อก็ไม่มีใครดูแลความรู้สึก มีปัญหาก็เอาไปปรึกษาไม่ได้แม่เค้าห้ามไว้ ถ้าเอาไปปรึกษามีแต่จะโดนซ้ำเติม
ทุกวันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายืนอยู่ตรงจุดไหน ปากก็บอกรักเรา แต่การแสดงออกมันสวนทาง คุยกันได้ห้าประโยคก็ทะเลาะกันแล้วคะ อยากจบปัญหานี้ให้ได้คะ ชีวิตเหนื่อยมาก เค้าชอบว่าเราว่าเราเห็นแก่ตัว ไม่เคยเข้าใจอะไร เค้าทำทุกอย่างได้ แต่เราห้ามทำ ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรคะ เราก็ไม่ได้อยากจะงี่เง่าหรอกนะ แต่คนคบกันมันก็อยากได้รับการดูแล ใส่ใจ และทำอะไรเพื่อเราบ้าง ไม่ใช่ว่ามีแต่เราที่เป็นฝ่ายให้ เค้าบอกว่าอย่าหวังอะไรจากเค้ามาก แต่เค้าหวังกำลังใจ ความรัก ความห่วงใยจากเรา ซึ่ง...เรายอมรับว่าเราแสดงออกต่อเค้าน้อยลง เพราะหลายๆ อย่างที่มาบั่นทอนเรา เราอยู่เค้าก็ด่า ว่า พอเราจะไปก็ไม่ให้ไป มันคืออะไรคะ? เอาตรงๆ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เค้าเป็นเรียกว่ามีอาการทางจิต หรือ แค่นิสัยเอาแต่ก็ใจ ก็ไม่แน่ใจคะ
เราควรทำยังไงดีกับสถานการณ์เช่นนี้? หรือต้องอยู่เป็นของตายจนกว่าที่เค้าจะเดินออกไปจากชีวิตเราเอง....
ถ้าเค้าสนใจความรู้สึกของเราบ้างก็คงดีคะ😔
ถ้าคุณกับแฟนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ คุณจะทำอย่างไร?
ขอเข้าเรื่องเลยละกันนะคะ
เราคบกับแฟนมาสักพัก แรกๆ อะไรๆ มันก็ดีนะคะ เราเจอกันตอนที่เค้าได้มีโอกาสเข้ามาทำงานที่บริษัทเราคะ
ตอนแรกที่เจอกัน ก็รู้สึกถูกชะตา แต่งานเราก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันคะ จนเวลาผ่านไปบังเอิญมีโอกาสได้เจอกันก็เลยขอเบอร์และไลน์ไว้
จากนั้นเราก็เริ่มคุยกัน แต่คุยกันแบบเพื่อนนะคะ เราคุยกันเกือบทุกวันคะ จนมารู้ว่าเค้าเพิ่งเลิกกับแฟน ทำให้เรารู้สึกเป็นห่วงเค้ามาก
เราก็พยายามคุยกับเค้า ปลอบใจเค้า อยู่เป็นเพื่อนเค้า และคอยให้กำลังใจเค้าเสมอมา จนวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เค้าต้องย้ายงาน
แต่เราก็ยังคุยกันเหมือนเดิมคะ เราเคยทะเลาะกันจนเลิกคุยกันไปสองสัปดาห์ แต่สุดท้ายก็กลับมาคุยกัน ช่วงปีใหม่เค้าขับรถจากกรุงเทพ มาหาเราที่บ้าน
เราก็ยังไม่กล้าคิดอะไร และอีกสักพักเค้าก็ขับรถไปหาเราที่ทำงานเราที่ต่างจังหวัด เราก็อืม... เค้าคงไม่ได้คิดอะไรหรอก เพื่อนกัน อีกอย่างเราก็ไม่กล้าคิดด้วยคะว่าเค้าจะมาชอบเรา จนสุดท้ายเค้ามาบอกชอบเราและตกลงเป็นแฟนกัน ตอนที่รู้ตอนนั้นดีใจมากคะ คบกันมาเราก็ไปเที่ยวด้วยกันบ่อย พยายามหาเวลาอยู่ด้วยกัน ช่วงแรกๆ เค้าขับรถมาหาเราค่อนข้างบ่อยทั้งที่บ้านและที่ทำงาน วันเวลาผ่านไป เค้าต้องทำงานของเค้าเราจึงมีเวลาเจอกันแค่เสาร์ อาทิตย์ เราเริ่มเป็นฝ่ายไปหาเค้าบ่อยขึ้นและเค้าเริ่มไม่ขับรถมาหาเรา ด้วยเหตุผลที่ว่า เค้าขับรถแล้วสั่น ตื่นเต้น เครียด ถนนบ้านเราไม่ดี นานาจิตตัง แต่ตอนแรกมาได้?
เราเริ่มมีปากเสียงกันบ้าง แต่ด้วยความรักมันทำให้เราเรียนรู้ที่จะให้อภัย และกลับมาดีกัน เค้าง้อเราบ้าง เราง้อเค้าบ้าง ก็ดูจะโอเคดีคะ
ตอนคบกันวันแรกเราบอกเค้าว่าไม่ต้องซื้ออะไรแพงๆ ให้กัน แต่...เค้าเป็นคนชอบซื้อคะ เราก็จะปฏิเสธ เค้าก็จะบังคับให้เรารับ และบังคับให้ใช้
เราเองก็รู้สึกไม่ดีคะ เวลาทานอาหารเราก็จะแชร์กัน แต่เค้าก็ชอบพูดแบบ ไม่เป็นไร เราเลี้ยง อืมม ให้เงินเค้าก็ไม่รับนะคะ
เวลามีปัญหากัน เค้าก็จะชอบใช้วาจาหยาบคาย ดูถูก และออกแนวทวงของคะ เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้อยากได้อยู่แล้วคะ ถ้าจะขอคืนเราก็ยินดีให้คะ
ช่วงมีปัญหาเค้าจะชอบบล๊อคทุกช่องทางการติดต่อทำให้เราต้องขับรถร้อยห้าสิบกว่าโล เพื่อมาง้อเค้า และ ขับกลับรัอยห้าสิบกว่าโล เพื่อไปเตรียมทำงาน
บางครั้งนี่แทบหลับในเลยคะ เราเป็นแบบนี้กันอยู่สักพัก ก็ดูเหมือนจะยังไม่มีอะไรน่าห่วงมาก จนมาวันนึง ที่เราขับรถไปส่งเค้า ซึ่งรถเราเป็นรถคันใหญ่ ทำให้หาที่จอดรถในกรุงเทพยาก เค้าก็มาพูดจาเชิงดูถูกว่าเราขับรถไม่เป็น(ตอนนั้นขับรถมา 12 ปี) เราก็พยายามอธิบายว่าเราไม่สะดวกจอดเพราะรถเรายาว หลังคาก็สูง ไม่อยากเสี่ยง เค้าก็ไม่ฟัง เราก็เลยบอกว่าทีคุณขับรถคันเล็กคุณยังกลัวนู่น นี่ แล้วรถเรามันใหญ่กว่ารถคุณมาก คุณช่วยเข้าใจหน่อย เท่านั้นละ!! โดนตบกลางสี่แยกเลย!!! น้ำตาเรานี่คลอเบ้า แถมเค้ายังไม่สำนึก ด่าว่าเราอีก จากนั้นเรานิ่งไม่พูดอะไร นอกจาก...เราอย่าเจอกันอีกเลย เค้าไม่ยอม และตบเราซ้ำอีก จนเราทนไม่ไหว ทำคืนบ้าง ...ครั้งนั้นเราแอบรู้สึกผิดและตามขอโทษเค้า เรายังไม่เลิกกันคะ
หลังๆ เราโดนด่า และทำร้ายบ่อยขึ้น เหมือนเค้าค่อยๆ ปล่อยตัวตนของเค้าออกมา เค้าจะทำตัวไม่ดี กับคนที่รักเค้า ด่าว่า ทำร้ายให้อีกฝ่ายเจ็บปวด ซึ่งก็เคยถามเค้าเช่นกันว่าทำไมทำแบบนั้น เค้าตอบว่าเค้าเคยแสดงความเป็นตัวตนของเค้าต่อเพื่อนๆ แล้วไม่มีใครรับได้ พาลจะรังเกียจและไม่ยุ่งกับเค้า...แต่มาทำพฤติกรรมแบบนี้กับคนที่เค้ารักและดีกับคุณหรือ? มันคือตรรกะข้อไหน? บางทีก็น้อยใจคะที่เราทำเพื่อเค้าแต่เค้ากลับไม่แคร์เราเลย แต่กลับไปแคร์เพื่อนๆ ที่คอยแต่จะเอาเค้าไปนินทา
เราจริงใจต่อเค้าและหวังดีต่อเค้ามาตลอด แต่ด้วยคำพูดที่เค้าแสดงออกมา มันบั่นทอนกำลังใจของเรามาก เค้าชอบบอกว่าเราไม่ทำอะไรเพื่อเค้า...เพราะสิ่งที่เราทำมันมาจากใจ เค้าจึงมองว่ามันไม่มีค่าเนื่องจากตีมูลค่าเป็นตัวเงินไม่ได้ เมื่อก่อนเราทำงานตจว เข้างานหกโมง เสาร์ อาทิตย์กลับมา ต้องทำงานบ้านบางส่วน ต้องเข้าไปหาเค้า บอกตรงๆ มันเหนื่อยนะ ขับรถไปมา เพราะเค้าไม่เคยมาหาเราอีกเลย ถ้าไม่เข้าไปก็ไม่ได้เจอกัน เค้าก็ยังเแต่ใจ ถ้าบอกให้ไปหาก็ต้องไป ถ้าไม่ไปก็เป็นเรื่องอีก เราก็พยายามหาเวลาไปเจอกัน เฟสไทม์คุยกัน เพื่อไม่อยากให้รู้สึกว่าระยะทางมันคือปัญหา
จนมาถึงต้นปีนี้ เราทะเลาะกันค่อนข้างหนัก เค้าชอบพูดจาดูถูก ทวงบุญคุณ อารมณ์ร้อน เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่เคยมีใครทำอะไรถูกใจเค้า ไม่ยอมใคร ทำให้เรามีปัญหากันหนักมาก จนเราไม่อยากยุ่งด้วย เราขอเลิกกับเค้าและไม่ขอเกี่ยวข้องด้วยอีก อยากให้จบๆ กันไป แต่เค้าไม่ยอม และ เกิดอาการคล้ายๆ ช๊อค ทำให้เรายังต้องอยู่กับเค้า แต่เรารู้สึกว่าเค้าไม่ปกติเหมือนเดิม เค้าเอาแต่ใจ ขี้โมโห จิกกัด ขุดคุ้ยเรื่องอดีตของตัวเค้า อารมณ์แปรปรวนมากกว่าเดิม ปัญหาทุกอย่างของเค้าก็จะโยนมาว่าเราเป็นตัวริเริ่มทำให้เกิด ทำให้เรายิ่งรู้สึกแย่และไม่รู้จะทำตัวยังไง ที่บ้านเค้าขอให้เราช่วยอยู่เป็นเพื่อนลูกเค้า คอยให้คำปรึกษา เป็นกำลังใจให้เค้า แต่ไม่อยากให้เจอกันเพราะกลัวทะเลาะกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่บ้านเค้าโทรมาช่วงที่ลูกเค้าเกรี้ยวกราด ว่าอยากให้เรารับลูกเค้ามาดูแลสักหนึ่งวัน จะได้ดีขึ้น เรารับปาก และพยายามคุยกับลูกเค้าดีๆ ทำให้อาการสงบลง เมื่ออาการสงบลง แม่เค้าโทรมาใหม่ และบอกประมาณว่าไม่ต้องเข้าไปรับลูกเค้าแล้วเพราะดูเค้าจะดีขึ้นแล้ว.....สรุป คุณใช้เราเพื่อเป็นเครื่องมือในการบำบัดลูกเค้า? แล้วความรู้สึกเราละ ใครรับผิดชอบ!!! ตอนนี้ก็เหมือนจะถูกกีดกันเป็นที่เรียบร้อย ประกอบกับแฟนเราเค้าต้องสนใจเรื่องตัวเองมากขึ้น ทำให้เรายิ่งห่างกัน บางทีนัดกันก็ต้องโดนยกเลิกแบบไม่บอกไม่กล่าว ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ยกเลิกซะงั้น คือเรายอมรับนะว่ายังรักเค้าอยู่ เวลาที่เค้าบอกว่าอยากเจอเรา เราจะดีใจมาก นั่งรอคอยที่จะเจอ พอโดนปฏิเสธทีไร เรานี่น้ำตาคลอเบ้าทุกที เรารู้สึกเหมือนเป็นของตายของเค้าจะเลิกก็ไม่ได้ อยู่ต่อก็ไม่มีใครดูแลความรู้สึก มีปัญหาก็เอาไปปรึกษาไม่ได้แม่เค้าห้ามไว้ ถ้าเอาไปปรึกษามีแต่จะโดนซ้ำเติม
ทุกวันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายืนอยู่ตรงจุดไหน ปากก็บอกรักเรา แต่การแสดงออกมันสวนทาง คุยกันได้ห้าประโยคก็ทะเลาะกันแล้วคะ อยากจบปัญหานี้ให้ได้คะ ชีวิตเหนื่อยมาก เค้าชอบว่าเราว่าเราเห็นแก่ตัว ไม่เคยเข้าใจอะไร เค้าทำทุกอย่างได้ แต่เราห้ามทำ ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรคะ เราก็ไม่ได้อยากจะงี่เง่าหรอกนะ แต่คนคบกันมันก็อยากได้รับการดูแล ใส่ใจ และทำอะไรเพื่อเราบ้าง ไม่ใช่ว่ามีแต่เราที่เป็นฝ่ายให้ เค้าบอกว่าอย่าหวังอะไรจากเค้ามาก แต่เค้าหวังกำลังใจ ความรัก ความห่วงใยจากเรา ซึ่ง...เรายอมรับว่าเราแสดงออกต่อเค้าน้อยลง เพราะหลายๆ อย่างที่มาบั่นทอนเรา เราอยู่เค้าก็ด่า ว่า พอเราจะไปก็ไม่ให้ไป มันคืออะไรคะ? เอาตรงๆ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เค้าเป็นเรียกว่ามีอาการทางจิต หรือ แค่นิสัยเอาแต่ก็ใจ ก็ไม่แน่ใจคะ
เราควรทำยังไงดีกับสถานการณ์เช่นนี้? หรือต้องอยู่เป็นของตายจนกว่าที่เค้าจะเดินออกไปจากชีวิตเราเอง....
ถ้าเค้าสนใจความรู้สึกของเราบ้างก็คงดีคะ😔