มีคนเคยบอกไว้ว่า ...
“เมื่อใครสักคนรู้สึกว่าชีวิตตัวเองไร้ค่า เขามักเลือกทางเดินอยู่ 2 ทาง .. นั่นคือถ้าไม่ฆ่าตัวตาย .. ก็ออกเดินทางท่องเที่ยว”
โชคดีว่า .. ฉันไม่ปรารถนาเส้นทางแรกนัก และโดยส่วนตัวแล้ว ถึงแม้ในช่วงที่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าอะไร .. ก็ชอบที่จะเดินทางท่องเที่ยวบ่อยๆ อยู่แล้ว .. ดังนั้น .. เมื่อชีวิตมาถึงช่วงที่รู้สึกว่า “ไร้ค่า” ขึ้นมา .. การออกเดินทาง .. จึงเป็นสิ่งที่ฉันปรารถนาจะทำ
อย่างน้อย .. การที่เราห่างจากโลกโซเชียลไปสักพัก (อย่างน้อย..ก็ตอนอยู่บนเครื่องบิน) .. ทำให้เราได้หลีกหนี.. จากสิ่งที่เรายึดติด และคงกด F5 ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น.. ถ้ายังอยู่แค่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ต่อไป
การออกเดินทาง .. ทำให้เราได้เห็นโลกใบใหม่ .. ที่ไม่ได้มีแค่เรา .. ไม่ได้จมอยู่กับปัญหาของเราเท่านั้น ..
การออกเดินทาง .. ทำให้เราได้เห็นชีวิตของคนอื่น .. ทำให้เราไม่หมกมุ่นอยู่กับตัวเองจนเกินไปนัก
.. ฉันเลือกออกเดินทางไป .. ปีนัง .. เมืองน่ารัก .. เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะทีเดียว
ทริปนี้ .. ไม่ได้คิดจะไปเที่ยวไหนเลย .. ตั้งใจว่า .. แค่อยากมาเดิน .. คิด .. และถ่ายรูปเล่น .. แค่นั้น
ฉัน .. เริ่มต้นจากสนามบินดอนเมือง ..
ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึงสนามบินปีนัง .. ที่นี่การเดินทางสะดวกมาก .. สามารถเดินทางเข้าเมืองได้โดยรถประจำทาง ..
ค่าโดยสาร 2.7 RM แต่ต้องเตรียมไปให้พอดี .. เพราะไม่มีการทอน
“Komtar please” ฉันบอกคนขับไปแบบนั้น พร้อมหยอดค่าโดยสารลงกล่อง เมื่อได้รับตั๋ว ก็เดินไปหาที่นั่งเหมาะ ๆ
.. นานแค่ไหนแล้วนะ .. ที่ไม่ได้นั่งรถเมล์ .. วันนี้อยากลองใช้ชีวิตช้า ๆ ดูบ้าง .. นั่งมองวิวที่ผ่านสายตาไป .. ก็เพลินดีเหมือนกันนะ ..
ผ่านไปประมาณ 40 นาที รถก็วิ่งมาถึงตึก Komtar .. ตึกที่เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง .. เป็นทั้งห้างสรรพสินค้า และ Bus Terminal ที่จะต่อรถไปที่อื่น ๆ ดังนั้น .. ตึกนี้จึงเหมือนเป็นจุดรวมของนักท่องเที่ยว .. รวมถึงฉันด้วยเช่นกัน
..
.
.
มื้อแรกที่ปีนัง .. Nasi Lemak อาหารประจำชาติมาเลเซีย ..
หลังจากอิ่มท้อง .. ก็เดินสำรวจเมือง .. ไปถูกบ้าง .. หลงบ้าง .. แต่บางครั้ง .. การที่เราหลง .. มันก็ทำให้เราไปพบอะไรสวย ๆ .. ที่เราไม่คาดคิดว่าจะเจอ
วันนี้ .. แดดที่ปีนังร้อนมาก .. บางที .. ฉันก็อยากถาม .. ว่าทางนั้น .. สบายดีไหม .. และเป็นอย่างไร
.
.
Fort Cornwallis .. ป้อมปราการ .. ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่มีความน่าสนใจทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในย่านจอร์จทาวน์ บางคนเดินมา (เช่นฉัน) บ้างก็ขี่จักรยานมา .. ทีแรกฉันตั้งใจว่าจะเช่าจักรยานจากย่านจอร์จทาวน์ .. แล้วปั่นมาที่นี่ .. แต่คิดไปคิดมา .. ถ้าต้องจอดถ่ายรูปทุก 5 นาที .. มันน่าจะเป็นภาระมากกว่า
ฉันเดินเล่นไปรอบ ๆ .. เหนื่อยก็นั่งพัก ..
..
..
พอหายเหนื่อย .. ก็ไปต่อ .. เดินไปเรื่อย .. จนถึง .. City Hall .. ศูนย์กลางการปกครองของปีนัง
ข้าง ๆ City Hall เป็นสวนสาธารณะริมทะเล .. นอกจากเป็นที่พักผ่อนของประชาชนชาวปีนังแล้ว .. ยังเป็นที่หย่อนใจของนกเหล่านี้ด้วยเช่นกัน .. ฉันมองดูพวกมัน .. พร้อมกับปล่อยให้ร่างกาย .. ได้หยุดพัก .. ปล่อยความคิด .. ให้ล่องลอย
เมื่อเรามี .. ใครสักคน .. เป็นแรงบันดาลใจ
ชีวิต .. ดูมีความหมาย .. กว่าที่เคย .. ถึงแม้ว่า.. เขาจะไม่ได้อยู่กับเรา..แล้วก็ตาม
ฉันเดินต่อมาเรื่อย ๆ จนถึง Padang Kota Lama .. ฟู้ดคอร์ทที่ทำเลดียิ่งกว่าในห้าง .. เพราะมันอยู่ริมทะเลเลย .. อากาศร้อนมาก .. ขอนั่งกินลอดช่องสักพัก .. นกตัวนั้น ..มันคงร้อนเหมือนกัน .. แล้วเธอล่ะ .. เป็นอย่างไร
..
หายเหนื่อยแล้ว .. ก็ได้เวลาออกเดินทางต่ออีกครั้ง .. เพื่อทำในสิ่งที่รัก .. ฉันเดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย .. แบบไม่สนใจทิศทาง .. ความสุข .. แบบที่ไม่มีกรอบใดมาบังคับ
..
..
..
เหนื่อยก็พัก .. หิวเมื่อไหร่ก็กิน .. ปล่อยชีวิตไปตามแต่ใจต้องการ .. ปล่อยให้ตัวเองได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ .. (แล้วฉันก็ได้รู้ว่า Lok Lok กับ Kaya Toast มันอร่อยมากจริง ๆ)
วันต่อมา .. เราเดินจากที่พักไป Camera museum ที่ ๆ คิดมาจากบ้าน .. ว่าต้องมาเยือนให้ได้
ถึงจะเป็น museum เล็ก ๆ แต่ฉันใช้เวลาอยู่ที่นี่นานมาก .. มีกล้องเก่า ๆ สวย ๆ เต็มไปหมด
มีหลายมุม .. ที่ตกแต่งไว้น่ารักมาก .. มีร้านขนมและกาแฟในนี้ด้วย .. ก็เลยนั่งยาวเลยทีเดียว
..
..
..
..
แผนต่อไป .. คือไปตามล่าหา Street Art .. แต่แล้ว.. สิ่งที่ฉันหลงรัก .. กลับกลายเป็น ..สิ่งที่พบเจอ .. ระหว่างทาง
..
.
.
เรา .. ยังคงมองเห็นกัน .. ผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ บานนี้ .. ฉัน .. ยังคงชื่นชมยินดี .. ถึงแม้ .. ไม่อาจพูดคุย
..
.
ที่ปีนัง .. ไม่ว่าจะเป็นคนท้องถิ่น หรือนักท่องเที่ยว มีความเป็นมิตรมาก .. ชวนพูดคุยด้วยตลอด .. คุยไปคุยมา .. ฉันเลยให้ไปเป็นแบบให้ซะเลย ..
สำหรับฉันแล้ว .. ปีนัง .. ครั้งนี้เป็นครั้งที่หนึ่ง .. แต่ไม่ได้เป็นครั้งสุดท้ายแน่นอน ..
..
..
.. ข้างนอกนั่น .. ยังมีความรู้สึกดี ๆ ที่รอให้เราออกไปค้นหา .. เพื่อให้เราได้เก็บมัน .. ไว้เป็นความทรงจำดี ๆ ตลอดไป ..
.
.
ลากันไป .. ด้วยภาพเซลฟี่นะคะ .. การไปคนเดียว .. สิ่งที่ยากที่สุด .. คือการถ่ายรูปตัวเองนี่แหละค่ะ
..
ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ ^_^
.
.
.
IG: 25mayysa
..
.
.
Alone Trip: ปีนัง ... ครั้งที่หนึ่ง
“เมื่อใครสักคนรู้สึกว่าชีวิตตัวเองไร้ค่า เขามักเลือกทางเดินอยู่ 2 ทาง .. นั่นคือถ้าไม่ฆ่าตัวตาย .. ก็ออกเดินทางท่องเที่ยว”
โชคดีว่า .. ฉันไม่ปรารถนาเส้นทางแรกนัก และโดยส่วนตัวแล้ว ถึงแม้ในช่วงที่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าอะไร .. ก็ชอบที่จะเดินทางท่องเที่ยวบ่อยๆ อยู่แล้ว .. ดังนั้น .. เมื่อชีวิตมาถึงช่วงที่รู้สึกว่า “ไร้ค่า” ขึ้นมา .. การออกเดินทาง .. จึงเป็นสิ่งที่ฉันปรารถนาจะทำ
อย่างน้อย .. การที่เราห่างจากโลกโซเชียลไปสักพัก (อย่างน้อย..ก็ตอนอยู่บนเครื่องบิน) .. ทำให้เราได้หลีกหนี.. จากสิ่งที่เรายึดติด และคงกด F5 ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น.. ถ้ายังอยู่แค่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ต่อไป
การออกเดินทาง .. ทำให้เราได้เห็นโลกใบใหม่ .. ที่ไม่ได้มีแค่เรา .. ไม่ได้จมอยู่กับปัญหาของเราเท่านั้น ..
การออกเดินทาง .. ทำให้เราได้เห็นชีวิตของคนอื่น .. ทำให้เราไม่หมกมุ่นอยู่กับตัวเองจนเกินไปนัก
.. ฉันเลือกออกเดินทางไป .. ปีนัง .. เมืองน่ารัก .. เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะทีเดียว
ทริปนี้ .. ไม่ได้คิดจะไปเที่ยวไหนเลย .. ตั้งใจว่า .. แค่อยากมาเดิน .. คิด .. และถ่ายรูปเล่น .. แค่นั้น
ฉัน .. เริ่มต้นจากสนามบินดอนเมือง ..
ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึงสนามบินปีนัง .. ที่นี่การเดินทางสะดวกมาก .. สามารถเดินทางเข้าเมืองได้โดยรถประจำทาง ..
ค่าโดยสาร 2.7 RM แต่ต้องเตรียมไปให้พอดี .. เพราะไม่มีการทอน
“Komtar please” ฉันบอกคนขับไปแบบนั้น พร้อมหยอดค่าโดยสารลงกล่อง เมื่อได้รับตั๋ว ก็เดินไปหาที่นั่งเหมาะ ๆ
.. นานแค่ไหนแล้วนะ .. ที่ไม่ได้นั่งรถเมล์ .. วันนี้อยากลองใช้ชีวิตช้า ๆ ดูบ้าง .. นั่งมองวิวที่ผ่านสายตาไป .. ก็เพลินดีเหมือนกันนะ ..
ผ่านไปประมาณ 40 นาที รถก็วิ่งมาถึงตึก Komtar .. ตึกที่เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง .. เป็นทั้งห้างสรรพสินค้า และ Bus Terminal ที่จะต่อรถไปที่อื่น ๆ ดังนั้น .. ตึกนี้จึงเหมือนเป็นจุดรวมของนักท่องเที่ยว .. รวมถึงฉันด้วยเช่นกัน
..
.
.
มื้อแรกที่ปีนัง .. Nasi Lemak อาหารประจำชาติมาเลเซีย ..
หลังจากอิ่มท้อง .. ก็เดินสำรวจเมือง .. ไปถูกบ้าง .. หลงบ้าง .. แต่บางครั้ง .. การที่เราหลง .. มันก็ทำให้เราไปพบอะไรสวย ๆ .. ที่เราไม่คาดคิดว่าจะเจอ
วันนี้ .. แดดที่ปีนังร้อนมาก .. บางที .. ฉันก็อยากถาม .. ว่าทางนั้น .. สบายดีไหม .. และเป็นอย่างไร
.
.
Fort Cornwallis .. ป้อมปราการ .. ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่มีความน่าสนใจทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในย่านจอร์จทาวน์ บางคนเดินมา (เช่นฉัน) บ้างก็ขี่จักรยานมา .. ทีแรกฉันตั้งใจว่าจะเช่าจักรยานจากย่านจอร์จทาวน์ .. แล้วปั่นมาที่นี่ .. แต่คิดไปคิดมา .. ถ้าต้องจอดถ่ายรูปทุก 5 นาที .. มันน่าจะเป็นภาระมากกว่า
ฉันเดินเล่นไปรอบ ๆ .. เหนื่อยก็นั่งพัก ..
..
..
พอหายเหนื่อย .. ก็ไปต่อ .. เดินไปเรื่อย .. จนถึง .. City Hall .. ศูนย์กลางการปกครองของปีนัง
ข้าง ๆ City Hall เป็นสวนสาธารณะริมทะเล .. นอกจากเป็นที่พักผ่อนของประชาชนชาวปีนังแล้ว .. ยังเป็นที่หย่อนใจของนกเหล่านี้ด้วยเช่นกัน .. ฉันมองดูพวกมัน .. พร้อมกับปล่อยให้ร่างกาย .. ได้หยุดพัก .. ปล่อยความคิด .. ให้ล่องลอย
เมื่อเรามี .. ใครสักคน .. เป็นแรงบันดาลใจ
ชีวิต .. ดูมีความหมาย .. กว่าที่เคย .. ถึงแม้ว่า.. เขาจะไม่ได้อยู่กับเรา..แล้วก็ตาม
ฉันเดินต่อมาเรื่อย ๆ จนถึง Padang Kota Lama .. ฟู้ดคอร์ทที่ทำเลดียิ่งกว่าในห้าง .. เพราะมันอยู่ริมทะเลเลย .. อากาศร้อนมาก .. ขอนั่งกินลอดช่องสักพัก .. นกตัวนั้น ..มันคงร้อนเหมือนกัน .. แล้วเธอล่ะ .. เป็นอย่างไร
..
หายเหนื่อยแล้ว .. ก็ได้เวลาออกเดินทางต่ออีกครั้ง .. เพื่อทำในสิ่งที่รัก .. ฉันเดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย .. แบบไม่สนใจทิศทาง .. ความสุข .. แบบที่ไม่มีกรอบใดมาบังคับ
..
..
..
เหนื่อยก็พัก .. หิวเมื่อไหร่ก็กิน .. ปล่อยชีวิตไปตามแต่ใจต้องการ .. ปล่อยให้ตัวเองได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ .. (แล้วฉันก็ได้รู้ว่า Lok Lok กับ Kaya Toast มันอร่อยมากจริง ๆ)
วันต่อมา .. เราเดินจากที่พักไป Camera museum ที่ ๆ คิดมาจากบ้าน .. ว่าต้องมาเยือนให้ได้
ถึงจะเป็น museum เล็ก ๆ แต่ฉันใช้เวลาอยู่ที่นี่นานมาก .. มีกล้องเก่า ๆ สวย ๆ เต็มไปหมด
มีหลายมุม .. ที่ตกแต่งไว้น่ารักมาก .. มีร้านขนมและกาแฟในนี้ด้วย .. ก็เลยนั่งยาวเลยทีเดียว
..
..
..
..
แผนต่อไป .. คือไปตามล่าหา Street Art .. แต่แล้ว.. สิ่งที่ฉันหลงรัก .. กลับกลายเป็น ..สิ่งที่พบเจอ .. ระหว่างทาง
..
.
.
เรา .. ยังคงมองเห็นกัน .. ผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ บานนี้ .. ฉัน .. ยังคงชื่นชมยินดี .. ถึงแม้ .. ไม่อาจพูดคุย
..
.
ที่ปีนัง .. ไม่ว่าจะเป็นคนท้องถิ่น หรือนักท่องเที่ยว มีความเป็นมิตรมาก .. ชวนพูดคุยด้วยตลอด .. คุยไปคุยมา .. ฉันเลยให้ไปเป็นแบบให้ซะเลย ..
สำหรับฉันแล้ว .. ปีนัง .. ครั้งนี้เป็นครั้งที่หนึ่ง .. แต่ไม่ได้เป็นครั้งสุดท้ายแน่นอน ..
..
..
.. ข้างนอกนั่น .. ยังมีความรู้สึกดี ๆ ที่รอให้เราออกไปค้นหา .. เพื่อให้เราได้เก็บมัน .. ไว้เป็นความทรงจำดี ๆ ตลอดไป ..
.
.
ลากันไป .. ด้วยภาพเซลฟี่นะคะ .. การไปคนเดียว .. สิ่งที่ยากที่สุด .. คือการถ่ายรูปตัวเองนี่แหละค่ะ
..
ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ ^_^
.
.
.
IG: 25mayysa
..
.
.