มีบัตรเครดิตของ กสิกร วงเงินในบัตรสำหรับเงินสด 20,000 บาท ผ่อนซื้อค้า 20,000 บาท
ปัจจุบันใช้ผ่อนโทรศัพท์ เดือนละ 1,950 บาท 0% 10เดือน
ในช่วงแรกได้รับใบแจ้งไปชำระค่าบริการตามปกติ มาช่วงหลังๆที่ไม่ได้รับใบแจ้งจึงโทไปขอให้จัดส่ง แต่คอลฯแนะนำส่งมาทางอีเมมล์ แต่นำไปจ่ายที่ 7-11และที่ธนาคารไม่ได้ เลยโทไปยกเลิกการส่งมาที่อีเมลล์ให้ส่งมาที่บ้าน
เดือนธันวาคม 2557นำใบแจ้งของเดิมเพราะมียอดเรียกเก็บเท่ากันเดือนละ 1,950บาท ไปจ่ายที่ธนาคาร ยอดที่เก็บ 6,070 บาท เพราะมีค้างจ่ายอยู่ 1เดือน เท่ากับต้องจ่ายรวมเป็นสองเดือน 1,950*2=3,900บาท รวมค่าที่พักโรงแรมของวันที่ 29 ตุลาคม 2557 1,287 บาท ทั้งหมดต้อง= 5,187 บาท พอถามธนาคารว่ายอดที่เพิ่มขึ้นเป็นค่าอะไร ก้อบอกไม่ได้เพราะไม่มีใบแจ้งรอบปัจจุบัน ต้องจ่ายทั้งหมด 6,070 บาท หลังจากนั้นโทรถามคอลฯให้ตรวจสอบยอดที่เรียกเก็บเกินมา 883 บาท คือค่าอะไร คอลฯบอกว่าเป็นค่ากดเงินสด เลยรีบถามกลับไปว่าเงินกี่บาท ที่ไหน เวลาไหน และขอใบแสดงการใช้รายการของบัตรย้อนหลังทั้งหมด
9 มกราคม 2558 ได้รับเอกสารที่ธนาคารส่งมาให้ เป็นรายการย้อนหลังทั้งหมด จึงรีบโทรไปคอลฯให้ตรวจสอบตามข้อมูลที่ระบุมา ว่าเป็นการกดเงินสดจากที่ใด
ได้คำตอบมาว่า วันที่ 4กย.57 มีการกดเงินสด 6,000บาท ที่ปั้ม ปตท.พระราม2 และวันที่ 14 กย.57 กดเงินสด 2,000 บาทที่โรงพยาบาลบางปะกอก เมื่อแจ้งไปว่าไม่เคยมีการกดเงินสดด้วยตัวเองและไม่เคยไปยังสถานที่ที่มีการกดเงิน และที่สำคัญคือ บัตรอยู่กับตัวเองตลอดเวลาทำไมจึงมีการกดเงินที่อื่นได้ คอลฯจึงแนะนำว่าให้ไปแจ้งความเพราะอาจจะโดนแฮ็คข้อมูล จึงรีบไปแจ้งความที่ สน.หนองจอก แล้วนำใบแจ้งไปที่ธนาคารกสิกร สาขาหนองจอก เพื่อขอตรวจสอบดูกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ธนาคารให้เขียนใบทักท้วงการเรียกเก็บเงิน 8,000บาท และส่งแฟ็กซ์ไปที่สำนักงานใหญ่ดำเนินการต่อไป ให้รอติดต่อกลับ
26 มกราคม 2558 ได้รับใบแจ้งค่าบริการ มียอดเรียกเก็บรวมทั้งหมด หมื่นกว่า จึงรีบโทรไปถามคอลฯบอกว่าไม่มีข้อมูล ให้ไปติดต่อที่ธนาคาร ทางธนาคารบอกว่า ใบแจ้งความใช้ไม่ได้ต้องมีตราครุฑให้ไปแจ้งความใหม่อีกครั้ง แล้วนำใบแจ้งความมาที่ธนาคารอีกครั้ง ให้ทางธนาคารส่งแฟ็กซ์ไปที่สำนักงานใหญ่ รอติดต่อกลับ
29 มกราคม 2558 ผ่านไปที่ธนาคารจึงเข้าไปสอบถามความคืบหน้า ธนาคารบอกว่าได้รับเมลล์จากสำนักงานใหญ่ให้ไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ สน.หนองจอก จึงรีบไปที่ สน.หนองจอก ทางตำรวจบอกว่ายังไม่ชำนาญคดีนี้อยูในระหว่างส่งตำรวจไปอบรมเรื่องนี้อยู่
4 กุมภาพันธ์ 2558 ไม่เคยมีการติดต่อกลับจึงเข้าไปที่ สน.หนองจอกและได้คำตอบที่ธนาคารส่งเมล์มาว่า
การขอตรวจสอบภาพวงจรปิดวันที่ 4 กย.57กดเงิน 6,000บาท ที่ร้านจงเสถียรเภสัช ตลาดมีนบุรี และวันที่ 14 กย.57 กดเงิน 2,000 บาท ที่ ปตท.พระราม2 นั้น
“ สำหรับภาพวงจรปิดเครื่องเอทีเอ็มธนาคาร ไม่สามารถจัดส่งให้ได้ เนื่องจากระบบการบันทึกภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของธนาคารสามารถตรวจสอบได้ไม่เกิน 2 เดือน “
ทางตำรวจจึงบอกว่าไม่สามารถทำอะไรได้ แนะนำว่าให้ไปแจ้งความที่ สน.มีนบุรี เพราะเป็นพื้นที่เกิดเหตุ (ข้อมูลที่ธนาคารตอบกลับมาระบุพื้นที่ไม่ตรงกับการตรวจสอบครั้งแรก)
หลังจากที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว จึงไปขอเอกสารการแจ้งความที่ธนาคารคืน ในระหว่างนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ติดตามทวงหนี้โทรมาอยู่เรื่อยๆเลยต้องบอกไปว่า ขอจ่ายเฉพาะที่ใช้จริงที่เหลือคือ 1,950บาท 2เดือน เท่ากับ 3,900บาท เพราะไม่จ่ายในส่วนที่มีการกดเงินสดไปเพราะเราไม่ได้ใช้ แจ้งความไว้แล้วรอการตรวจสอบ
12 มีนาคม 2558 ไปแจ้งความที่ สน.มีนบุรี ตำรวจดูเอกสาร แล้วบอกว่า ทำอะไรไม่ได้แล้ว
13 มีนาคม 2558 เจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกร ติดต่อมาจากเรื่องที่แจ้งไว้ ทั้งหมด แล้วสอบถามเรื่องบัตรเครดิตด้วยว่า มีคนใกล้ตัวหรือคนในบ้านแอบนำไปใช้ไหม เราจึงบอกไปว่า ที่บ้านไม่มีใครรู้ว่ามีบัตรเครดิต ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องบัตรและรหัส รวมถึงถามอีกว่า จดรหัสไว้ที่ไหนบ้างหรือเปล่า ได้ฉีกรหัสทิ้งหรือยัง เราจึงบอกว่า รหัสที่ส่งมาไม่ได้ใช้เพราะเปลี่ยนรหัสที่ตู้แล้ว ไม่เคยจดไว้ที่ไหน เพราะใช้สมองจำ เจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์จึงบอกว่า ยังไงเจ้าของบัตรก้อต้องรับผิดชอบจ่ายในส่วนแรกที่เรียกเก็บ 8,000 กว่าบาท จากยอมรวมทั้งดอกเบี้ยอยู่ที่ 13,000 กว่าบาทแล้ว เราบอกว่าคงไม่จ่ายในส่วนที่เราไม่ได้ใช้ จะจ่ายให้เพียง 3,900บาท ที่ใช้จริง เจ้าหน้าที่บอกจะทำการยกเลิกบัตร และให้เราส่งแฟ็กซ์เอกสารการแจ้งความไปให้
รูปภาพเอกสารที่แจ้งความเราโพสต์ไว้ที่ facebook ญิ๋งยะห์ รักในหลวง
ใครเคยเจอเรื่องแบบนี้บ้าง? เราจะทำยังไงดี? ใครรู้บอกหน่อยนะ
มีคนกดเงินสดจากบัตรเครดิต ดูกล้องวงจรปิดไม่ได้ ทำยังไงดีค่ะ?
ปัจจุบันใช้ผ่อนโทรศัพท์ เดือนละ 1,950 บาท 0% 10เดือน
ในช่วงแรกได้รับใบแจ้งไปชำระค่าบริการตามปกติ มาช่วงหลังๆที่ไม่ได้รับใบแจ้งจึงโทไปขอให้จัดส่ง แต่คอลฯแนะนำส่งมาทางอีเมมล์ แต่นำไปจ่ายที่ 7-11และที่ธนาคารไม่ได้ เลยโทไปยกเลิกการส่งมาที่อีเมลล์ให้ส่งมาที่บ้าน
เดือนธันวาคม 2557นำใบแจ้งของเดิมเพราะมียอดเรียกเก็บเท่ากันเดือนละ 1,950บาท ไปจ่ายที่ธนาคาร ยอดที่เก็บ 6,070 บาท เพราะมีค้างจ่ายอยู่ 1เดือน เท่ากับต้องจ่ายรวมเป็นสองเดือน 1,950*2=3,900บาท รวมค่าที่พักโรงแรมของวันที่ 29 ตุลาคม 2557 1,287 บาท ทั้งหมดต้อง= 5,187 บาท พอถามธนาคารว่ายอดที่เพิ่มขึ้นเป็นค่าอะไร ก้อบอกไม่ได้เพราะไม่มีใบแจ้งรอบปัจจุบัน ต้องจ่ายทั้งหมด 6,070 บาท หลังจากนั้นโทรถามคอลฯให้ตรวจสอบยอดที่เรียกเก็บเกินมา 883 บาท คือค่าอะไร คอลฯบอกว่าเป็นค่ากดเงินสด เลยรีบถามกลับไปว่าเงินกี่บาท ที่ไหน เวลาไหน และขอใบแสดงการใช้รายการของบัตรย้อนหลังทั้งหมด
9 มกราคม 2558 ได้รับเอกสารที่ธนาคารส่งมาให้ เป็นรายการย้อนหลังทั้งหมด จึงรีบโทรไปคอลฯให้ตรวจสอบตามข้อมูลที่ระบุมา ว่าเป็นการกดเงินสดจากที่ใด
ได้คำตอบมาว่า วันที่ 4กย.57 มีการกดเงินสด 6,000บาท ที่ปั้ม ปตท.พระราม2 และวันที่ 14 กย.57 กดเงินสด 2,000 บาทที่โรงพยาบาลบางปะกอก เมื่อแจ้งไปว่าไม่เคยมีการกดเงินสดด้วยตัวเองและไม่เคยไปยังสถานที่ที่มีการกดเงิน และที่สำคัญคือ บัตรอยู่กับตัวเองตลอดเวลาทำไมจึงมีการกดเงินที่อื่นได้ คอลฯจึงแนะนำว่าให้ไปแจ้งความเพราะอาจจะโดนแฮ็คข้อมูล จึงรีบไปแจ้งความที่ สน.หนองจอก แล้วนำใบแจ้งไปที่ธนาคารกสิกร สาขาหนองจอก เพื่อขอตรวจสอบดูกล้องวงจรปิด เจ้าหน้าที่ธนาคารให้เขียนใบทักท้วงการเรียกเก็บเงิน 8,000บาท และส่งแฟ็กซ์ไปที่สำนักงานใหญ่ดำเนินการต่อไป ให้รอติดต่อกลับ
26 มกราคม 2558 ได้รับใบแจ้งค่าบริการ มียอดเรียกเก็บรวมทั้งหมด หมื่นกว่า จึงรีบโทรไปถามคอลฯบอกว่าไม่มีข้อมูล ให้ไปติดต่อที่ธนาคาร ทางธนาคารบอกว่า ใบแจ้งความใช้ไม่ได้ต้องมีตราครุฑให้ไปแจ้งความใหม่อีกครั้ง แล้วนำใบแจ้งความมาที่ธนาคารอีกครั้ง ให้ทางธนาคารส่งแฟ็กซ์ไปที่สำนักงานใหญ่ รอติดต่อกลับ
29 มกราคม 2558 ผ่านไปที่ธนาคารจึงเข้าไปสอบถามความคืบหน้า ธนาคารบอกว่าได้รับเมลล์จากสำนักงานใหญ่ให้ไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ สน.หนองจอก จึงรีบไปที่ สน.หนองจอก ทางตำรวจบอกว่ายังไม่ชำนาญคดีนี้อยูในระหว่างส่งตำรวจไปอบรมเรื่องนี้อยู่
4 กุมภาพันธ์ 2558 ไม่เคยมีการติดต่อกลับจึงเข้าไปที่ สน.หนองจอกและได้คำตอบที่ธนาคารส่งเมล์มาว่า
การขอตรวจสอบภาพวงจรปิดวันที่ 4 กย.57กดเงิน 6,000บาท ที่ร้านจงเสถียรเภสัช ตลาดมีนบุรี และวันที่ 14 กย.57 กดเงิน 2,000 บาท ที่ ปตท.พระราม2 นั้น
“ สำหรับภาพวงจรปิดเครื่องเอทีเอ็มธนาคาร ไม่สามารถจัดส่งให้ได้ เนื่องจากระบบการบันทึกภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของธนาคารสามารถตรวจสอบได้ไม่เกิน 2 เดือน “
ทางตำรวจจึงบอกว่าไม่สามารถทำอะไรได้ แนะนำว่าให้ไปแจ้งความที่ สน.มีนบุรี เพราะเป็นพื้นที่เกิดเหตุ (ข้อมูลที่ธนาคารตอบกลับมาระบุพื้นที่ไม่ตรงกับการตรวจสอบครั้งแรก)
หลังจากที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว จึงไปขอเอกสารการแจ้งความที่ธนาคารคืน ในระหว่างนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ติดตามทวงหนี้โทรมาอยู่เรื่อยๆเลยต้องบอกไปว่า ขอจ่ายเฉพาะที่ใช้จริงที่เหลือคือ 1,950บาท 2เดือน เท่ากับ 3,900บาท เพราะไม่จ่ายในส่วนที่มีการกดเงินสดไปเพราะเราไม่ได้ใช้ แจ้งความไว้แล้วรอการตรวจสอบ
12 มีนาคม 2558 ไปแจ้งความที่ สน.มีนบุรี ตำรวจดูเอกสาร แล้วบอกว่า ทำอะไรไม่ได้แล้ว
13 มีนาคม 2558 เจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกร ติดต่อมาจากเรื่องที่แจ้งไว้ ทั้งหมด แล้วสอบถามเรื่องบัตรเครดิตด้วยว่า มีคนใกล้ตัวหรือคนในบ้านแอบนำไปใช้ไหม เราจึงบอกไปว่า ที่บ้านไม่มีใครรู้ว่ามีบัตรเครดิต ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องบัตรและรหัส รวมถึงถามอีกว่า จดรหัสไว้ที่ไหนบ้างหรือเปล่า ได้ฉีกรหัสทิ้งหรือยัง เราจึงบอกว่า รหัสที่ส่งมาไม่ได้ใช้เพราะเปลี่ยนรหัสที่ตู้แล้ว ไม่เคยจดไว้ที่ไหน เพราะใช้สมองจำ เจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์จึงบอกว่า ยังไงเจ้าของบัตรก้อต้องรับผิดชอบจ่ายในส่วนแรกที่เรียกเก็บ 8,000 กว่าบาท จากยอมรวมทั้งดอกเบี้ยอยู่ที่ 13,000 กว่าบาทแล้ว เราบอกว่าคงไม่จ่ายในส่วนที่เราไม่ได้ใช้ จะจ่ายให้เพียง 3,900บาท ที่ใช้จริง เจ้าหน้าที่บอกจะทำการยกเลิกบัตร และให้เราส่งแฟ็กซ์เอกสารการแจ้งความไปให้
รูปภาพเอกสารที่แจ้งความเราโพสต์ไว้ที่ facebook ญิ๋งยะห์ รักในหลวง
ใครเคยเจอเรื่องแบบนี้บ้าง? เราจะทำยังไงดี? ใครรู้บอกหน่อยนะ