.
“บางคนออกเดินทางเพื่อท่องเที่ยว
บางคนออกเดินทางเพื่อแสวงหาบางสิ่งบางอย่าง
บางคนออกเดินทางเพื่อพักผ่อน
ทุกๆคนมีเหตุผลของการออกเดินทาง”
.
…ฉันก็เช่นกัน…
หลังจากที่ลาออกจากที่ทำงานเดิม ฉันเริ่มวางแผนการออกเดินทาง ฉันวางแผนเอาไว้ว่า ฉันจะขอเวลาเพื่อออกเดินทาง 1 เดือน(แต่ไม่ได้เดินทางตลอดหนึ่งเดือนนะ) ในหนึ่งเดือนอยากไปหลายๆที่เพื่อเรียนรู้ความหลากหลายของสถานที่นั้นๆ ก่อนจะกลับไปทำงานใหม่ “เชียงคาน” คือจุดมุ่งหมายแรก ต่อมาก็ได้เดินทางไปร่วมทริปดินแดนแสนดอกไม้ “ปราชญ์ของป่า” ของพี่ก้อง ทรงกลด บางยี่ขัน และไปเกาะตาชัย พังงา ปิดการเดินทางด้วยเขื่อนรัชชประภาค่ะ
“เชียงคานไม่มีอะไรหรอก”
“อย่าไปเลยเชียงคาน”
“กับเชียงคาน เราเฉยๆนะ”
นี่คือคำพูดของบางคนกับสถานที่นี้
แต่ในความคิดฉัน…ไม่มีอะไรหรอ ก็ดีสิ ฉันชอบความไม่มีอะไร เพราะฉันก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย แค่ได้ปั่นจักรยานริมแม่น้ำโขง นั่งมองวิวแม่น้ำโขงตอนพระอาทิตย์ตก ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า อ่านหนังสือสักเล่มในร้านกาแฟ เขียนบันทึกช้าๆ และนั่นคือเป้าหมายการเดินทางของฉันในครั้งนี้
และเป็นการเดินทางครั้งแรกที่ฉันจะไม่กำหนดวันกลับ จองรถทัวร์ขาไป แต่ไม่จองขากลับ เพราะฉันคิดว่าถ้าชอบก็อยู่ไปเรื่อยๆ เพราะครั้งนี้เรามีเวลา และเวลาเป็นของเรา แต่ถ้าไม่ชอบ พอไปถึงค่อยจองตั๋วกลับ แต่ก็มีธุระจนได้ ให้ฉันต้องเดินทางไปหัวหินในวันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ ฉันจึงต้องยอมกลับในวันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ ทั้งๆที่ใจอยากอยู่ต่อมากกกกก
ก่อนการเดินทาง หาข้อมูลโรงแรม จองโรงแรม และจองรถทัวร์ จัดกระเป๋า และออกเดินทาง
เราเลือกที่จะออกเดินทางในวันจันทร์ เพราะเราเชื่อว่าเราจะเห็นเชียงคานที่เป็นเชียงคานจริงๆ และเราก็ไม่ได้อยากได้บรรยากาศเชียงคานในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่เราอยากเห็นเชียงคานในวันธรรมดามากกว่า เราจึงเลือกออกเดินทางในคืนวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ และเดินทางกลับในวันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ และนั่นก็ทำให้ฉันเห็นเชียงคานในมุมที่น่ารักมาก
โรงแรมและที่พักที่เชียงคานมีเยอะมาก ขอย้ำว่ามากกกกจริงๆ สามารถที่จะเดินเข้าไปถามได้เลย หรือจองล่วงหน้าก็ได้ เราหาข้อมูลโรงแรมที่เราอยากไปไม่นานนัก เพราะเราตั้งใจจะไปนอนที่นี่มานานแล้ว
ที่พักที่เราเลือกคือ “มุ้ยฟัง เกสท์เฮาส์” Muiphang Guesthouse
ที่ตั้ง : 93/1 หมู่ 1 ถนนชายโขง อ.เชียงคาน, ตัวเมืองเชียงคาน, เลย, ไทย 42110
วันที่เราไป เราเป็นแขกห้องเดียวของโรงแรมตลอดสามวันสองคืน พนักงานต้อนรับเราดีมาก ห้องพักก็สวยถูกใจเรามาก ถูกใจทั้งห้อง และวิว บรรยากาศของโรงแรมก็ดี และไม่ไกลจากถนนคนเดิน มีจักรยานในเราปั่นเล่นได้ตลอด
เราออกเดินทางในคืนวันอาทิตย์ และไปถึงในเช้าวันจันทร์ หลังจากที่เราลงรถทัวร์ ก็ใช้บริการรถสามล้อของ “ลุน สามล้อ” ในราคาคนละ 20 บาทไปส่งที่โรงแรม เพื่อไปฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนจะออกไปหาอาหารเช้าทาน เนื่องจากโรงแรมให้เข้าเช็คอินได้ช่วงบ่าย
เคาน์เตอร์เช็คอินค่ะ
บริเวณด้านหลังของโรงแรม ติดกับถนนชายโขงเลยค่ะ
หลังจากที่ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้ว เราก็เดินหาร้านติ่มซำทานกัน เดินผ่านมาเจอร้าน “ร้านลุกโภชนา” อาหารดูน่าทานดี อยู่ที่ซอยศรีเชียงคาน 9 เราจึงเลือกฝากท้องไว้กับที่นี่ เมนูที่เราสั่งมาได้แก่ ไข่กะทะ ต้มเลือดหมู ข้าวเปล่า โอวันตินร้อน และซาลาเปา อาหารที่นี่อร่อยดีค่ะ
หลังจากทานอาหารเช้าอิ่มแล้ว ก็ยังไม่สามารถเข้าโรงแรมได้ ก็เลยเดินเล่นชมเมืองเชียงคานไปเรื่อยๆ เจอร้านชา พวกเราชอบทานชากันอยู่แล้ว เราจึงไปเข้านั่งจิบชา ทานมาการองที่ร้าน “See I 249” ชาหอม มาการองอร่อย แต่ที่นี่ขายเป็นชุด ชุดละ 400 บาท ในความคิดเราว่าราคาแพงไปหน่อย ที่นี่ไม่ขายกาแฟหรือเครื่องดื่มแยก และไม่มีบริการแบบกลับบ้าน ต้องนั่งทานที่ร้านอย่างเดียว ตลอดเวลาที่เรานั่งทานชาอ่านหนังสือ ก็ไม่มีลูกค้าคนอื่นนอกจากเรา มีบางคนมาขอซื้อกาแฟอย่างเดียว เจ้าของร้านก็ไม่ขาย ก็เลยอาจจะทำให้คนน้อยไปหน่อย เจ้าของร้านทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนอีกคนก็เคยเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ เจ้าของต้อนรับเราอย่างดีมากค่ะ เราจำรสมาการองไม่ได้แล้ว แต่อร่อยทุกรสเลยค่ะ เจ้าของทำเองด้วย น่าจะไปเรียนมาจากฝรั่งเศส
หลังจากน้ำชาหมด ขนมหมด เราก็เดินกลับไปที่โรงแรมเพื่อเข้าห้องพัก
.
บรรยากาศภายในห้องพัก
เราชอบมุมระเบียงมาก ที่สามารถมองเห็นวิวของแม่น้ำโขงได้ตลอลานสายตา เป็นมุมที่เรานั่งอ่านหนังสือ เขียนบันทึก และนั่งดูนกตอนเย็น เป็นช่วงเวลาที่แสงสวยงามมาก
เมื่อผ่านการนอนคืนแรกมาแล้ว เตียงก็เริ่มรกและเละ ถ้ามาพักที่นี่สองคืน ทางโรงแรมจะไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้นะค่ะ แต่จะทำความสะอาดห้องให้ ห้องพักที่นี่มีทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ น้ำอุ่น และอินเตอร์เน็ตให้พร้อมค่ะ สบายมากๆ
เมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน หน้าห้องพักของเรา
เราใช้เวลาช่วงบ่ายนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ในห้องพัก จนเริ่มเย็นก็ออกไปปั่นจักรยานริมฝั่งโขง บรรยากาศดีมากๆ คนไม่เยอะ ทางปั่นจักรยานก็สบาย ไม่อันตราย
หลังจากปั่นจักรยานเล่นจนมืดแล้ว ก็ไปเดินถนนคนเดินหาของกิน ก่อนกลับโรงแรม ถนนคนเดินในวันจันทร์ค่อนข้างเงียบเหงากว่าวันอื่นๆมาก น่าจะเป็นเพราะเป็นวันพักผ่อนของที่นี่ หลังจากเปิดร้านในวันหยุดสุดสัปดาห์มาแล้ว
ฉันไม่ได้ถ่ายรูปถนนคนเดินตอนกลางคืนมามากนัก เพราะมัวแต่มองหาของกินอยู่ อาหารที่นี่มีพอสมควร แต่ที่ฉันตามหาแล้วไม่เจอสักที คือผลไม้ ที่นี่ขายผลไม้กันน้อยมาก มีอยู่แค่หนึ่งร้านเท่านั้นที่ฉันเห็น แล้ววันถัดมา ร้านนั้นก็หายไป สรุปได้กินผลไม้อยู่หนึ่งวันเท่านั้น
กินอิ่มแล้ว ก็กลับโรงแรม ไปนอนอ่านหนังสือค่ะ
นี่คือหนังสือและสมุดบันทึกที่เตรียมมาที่นี่ค่ะ
.
"ฝันดีนะเชียงคาน"
[CR] L a s t w i n t e r i n "C h i a n g K h a n"
.
“บางคนออกเดินทางเพื่อท่องเที่ยว
บางคนออกเดินทางเพื่อแสวงหาบางสิ่งบางอย่าง
บางคนออกเดินทางเพื่อพักผ่อน
ทุกๆคนมีเหตุผลของการออกเดินทาง”
.
…ฉันก็เช่นกัน…
หลังจากที่ลาออกจากที่ทำงานเดิม ฉันเริ่มวางแผนการออกเดินทาง ฉันวางแผนเอาไว้ว่า ฉันจะขอเวลาเพื่อออกเดินทาง 1 เดือน(แต่ไม่ได้เดินทางตลอดหนึ่งเดือนนะ) ในหนึ่งเดือนอยากไปหลายๆที่เพื่อเรียนรู้ความหลากหลายของสถานที่นั้นๆ ก่อนจะกลับไปทำงานใหม่ “เชียงคาน” คือจุดมุ่งหมายแรก ต่อมาก็ได้เดินทางไปร่วมทริปดินแดนแสนดอกไม้ “ปราชญ์ของป่า” ของพี่ก้อง ทรงกลด บางยี่ขัน และไปเกาะตาชัย พังงา ปิดการเดินทางด้วยเขื่อนรัชชประภาค่ะ
“เชียงคานไม่มีอะไรหรอก”
“อย่าไปเลยเชียงคาน”
“กับเชียงคาน เราเฉยๆนะ”
นี่คือคำพูดของบางคนกับสถานที่นี้
แต่ในความคิดฉัน…ไม่มีอะไรหรอ ก็ดีสิ ฉันชอบความไม่มีอะไร เพราะฉันก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย แค่ได้ปั่นจักรยานริมแม่น้ำโขง นั่งมองวิวแม่น้ำโขงตอนพระอาทิตย์ตก ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า อ่านหนังสือสักเล่มในร้านกาแฟ เขียนบันทึกช้าๆ และนั่นคือเป้าหมายการเดินทางของฉันในครั้งนี้
และเป็นการเดินทางครั้งแรกที่ฉันจะไม่กำหนดวันกลับ จองรถทัวร์ขาไป แต่ไม่จองขากลับ เพราะฉันคิดว่าถ้าชอบก็อยู่ไปเรื่อยๆ เพราะครั้งนี้เรามีเวลา และเวลาเป็นของเรา แต่ถ้าไม่ชอบ พอไปถึงค่อยจองตั๋วกลับ แต่ก็มีธุระจนได้ ให้ฉันต้องเดินทางไปหัวหินในวันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ ฉันจึงต้องยอมกลับในวันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ ทั้งๆที่ใจอยากอยู่ต่อมากกกกก
ก่อนการเดินทาง หาข้อมูลโรงแรม จองโรงแรม และจองรถทัวร์ จัดกระเป๋า และออกเดินทาง
เราเลือกที่จะออกเดินทางในวันจันทร์ เพราะเราเชื่อว่าเราจะเห็นเชียงคานที่เป็นเชียงคานจริงๆ และเราก็ไม่ได้อยากได้บรรยากาศเชียงคานในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่เราอยากเห็นเชียงคานในวันธรรมดามากกว่า เราจึงเลือกออกเดินทางในคืนวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ และเดินทางกลับในวันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ และนั่นก็ทำให้ฉันเห็นเชียงคานในมุมที่น่ารักมาก
โรงแรมและที่พักที่เชียงคานมีเยอะมาก ขอย้ำว่ามากกกกจริงๆ สามารถที่จะเดินเข้าไปถามได้เลย หรือจองล่วงหน้าก็ได้ เราหาข้อมูลโรงแรมที่เราอยากไปไม่นานนัก เพราะเราตั้งใจจะไปนอนที่นี่มานานแล้ว
ที่พักที่เราเลือกคือ “มุ้ยฟัง เกสท์เฮาส์” Muiphang Guesthouse
ที่ตั้ง : 93/1 หมู่ 1 ถนนชายโขง อ.เชียงคาน, ตัวเมืองเชียงคาน, เลย, ไทย 42110
วันที่เราไป เราเป็นแขกห้องเดียวของโรงแรมตลอดสามวันสองคืน พนักงานต้อนรับเราดีมาก ห้องพักก็สวยถูกใจเรามาก ถูกใจทั้งห้อง และวิว บรรยากาศของโรงแรมก็ดี และไม่ไกลจากถนนคนเดิน มีจักรยานในเราปั่นเล่นได้ตลอด
เราออกเดินทางในคืนวันอาทิตย์ และไปถึงในเช้าวันจันทร์ หลังจากที่เราลงรถทัวร์ ก็ใช้บริการรถสามล้อของ “ลุน สามล้อ” ในราคาคนละ 20 บาทไปส่งที่โรงแรม เพื่อไปฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนจะออกไปหาอาหารเช้าทาน เนื่องจากโรงแรมให้เข้าเช็คอินได้ช่วงบ่าย
เคาน์เตอร์เช็คอินค่ะ
บริเวณด้านหลังของโรงแรม ติดกับถนนชายโขงเลยค่ะ
หลังจากที่ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้ว เราก็เดินหาร้านติ่มซำทานกัน เดินผ่านมาเจอร้าน “ร้านลุกโภชนา” อาหารดูน่าทานดี อยู่ที่ซอยศรีเชียงคาน 9 เราจึงเลือกฝากท้องไว้กับที่นี่ เมนูที่เราสั่งมาได้แก่ ไข่กะทะ ต้มเลือดหมู ข้าวเปล่า โอวันตินร้อน และซาลาเปา อาหารที่นี่อร่อยดีค่ะ
หลังจากทานอาหารเช้าอิ่มแล้ว ก็ยังไม่สามารถเข้าโรงแรมได้ ก็เลยเดินเล่นชมเมืองเชียงคานไปเรื่อยๆ เจอร้านชา พวกเราชอบทานชากันอยู่แล้ว เราจึงไปเข้านั่งจิบชา ทานมาการองที่ร้าน “See I 249” ชาหอม มาการองอร่อย แต่ที่นี่ขายเป็นชุด ชุดละ 400 บาท ในความคิดเราว่าราคาแพงไปหน่อย ที่นี่ไม่ขายกาแฟหรือเครื่องดื่มแยก และไม่มีบริการแบบกลับบ้าน ต้องนั่งทานที่ร้านอย่างเดียว ตลอดเวลาที่เรานั่งทานชาอ่านหนังสือ ก็ไม่มีลูกค้าคนอื่นนอกจากเรา มีบางคนมาขอซื้อกาแฟอย่างเดียว เจ้าของร้านก็ไม่ขาย ก็เลยอาจจะทำให้คนน้อยไปหน่อย เจ้าของร้านทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนอีกคนก็เคยเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ เจ้าของต้อนรับเราอย่างดีมากค่ะ เราจำรสมาการองไม่ได้แล้ว แต่อร่อยทุกรสเลยค่ะ เจ้าของทำเองด้วย น่าจะไปเรียนมาจากฝรั่งเศส
หลังจากน้ำชาหมด ขนมหมด เราก็เดินกลับไปที่โรงแรมเพื่อเข้าห้องพัก
.
บรรยากาศภายในห้องพัก
เราชอบมุมระเบียงมาก ที่สามารถมองเห็นวิวของแม่น้ำโขงได้ตลอลานสายตา เป็นมุมที่เรานั่งอ่านหนังสือ เขียนบันทึก และนั่งดูนกตอนเย็น เป็นช่วงเวลาที่แสงสวยงามมาก
เมื่อผ่านการนอนคืนแรกมาแล้ว เตียงก็เริ่มรกและเละ ถ้ามาพักที่นี่สองคืน ทางโรงแรมจะไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้นะค่ะ แต่จะทำความสะอาดห้องให้ ห้องพักที่นี่มีทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ น้ำอุ่น และอินเตอร์เน็ตให้พร้อมค่ะ สบายมากๆ
เมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน หน้าห้องพักของเรา
เราใช้เวลาช่วงบ่ายนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ในห้องพัก จนเริ่มเย็นก็ออกไปปั่นจักรยานริมฝั่งโขง บรรยากาศดีมากๆ คนไม่เยอะ ทางปั่นจักรยานก็สบาย ไม่อันตราย
หลังจากปั่นจักรยานเล่นจนมืดแล้ว ก็ไปเดินถนนคนเดินหาของกิน ก่อนกลับโรงแรม ถนนคนเดินในวันจันทร์ค่อนข้างเงียบเหงากว่าวันอื่นๆมาก น่าจะเป็นเพราะเป็นวันพักผ่อนของที่นี่ หลังจากเปิดร้านในวันหยุดสุดสัปดาห์มาแล้ว
ฉันไม่ได้ถ่ายรูปถนนคนเดินตอนกลางคืนมามากนัก เพราะมัวแต่มองหาของกินอยู่ อาหารที่นี่มีพอสมควร แต่ที่ฉันตามหาแล้วไม่เจอสักที คือผลไม้ ที่นี่ขายผลไม้กันน้อยมาก มีอยู่แค่หนึ่งร้านเท่านั้นที่ฉันเห็น แล้ววันถัดมา ร้านนั้นก็หายไป สรุปได้กินผลไม้อยู่หนึ่งวันเท่านั้น
กินอิ่มแล้ว ก็กลับโรงแรม ไปนอนอ่านหนังสือค่ะ
นี่คือหนังสือและสมุดบันทึกที่เตรียมมาที่นี่ค่ะ
.
"ฝันดีนะเชียงคาน"