โลกจะป่นปี้แล้ว ทำไมเรายังเฉย

ทุกวันที่ผมออกบ้านไปทำงาน
ผมเห็นคอนโดและตึกออฟฟิศมากมายผุดขึ้นทุกวัน  
จนอดคิดไม่ได้ว่า ปริมาณการใช้แอร์ ลิฟท์ จะเพิ่มขึ้นมากมายขนาดไหน  
ออฟฟิศหรือห้างหลายแห่ง เปิดประตูตึกทิ้งไว้ จนความเย็นไหลออกนอกตึก
บางบริษัทก็เสียบตู้กดน้ำร้อนน้ำเย็น ทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืน ทั้งๆที่พนักงานกลับบ้านไปแล้ว
ห้องน้ำบางที่ ก็เปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ ไม่มีใครสนใจ  
ตอนกลางวัน ทุกคนออกไปกินข้าว ก็เปิดจอคอมทิ้งไว้แทบทุกโต๊ะ
ไปกินข้าวร้านสุกี้ หรือร้านไรก็ตาม พนักงานเทน้ำจิ้มให้เยอะจนไม่เคยกินถึงครึ่ง
ทิชชู่ขาวๆที่ใช้ทิ้งขว้างกัน ต้องใช้สารฟอกขาวมากมายให้ขาวเนียนน่าใช้
ร้านปิ้งย่าง ร้านชาบู ที่ใช้ความร้อนเยอะ คงต้องเปิดแอร์แรงกว่าปรกติ
พอเข้าเซเว่น เห็นน้ำดื่มที่กรองด้วยระบบรีเวอร์ส ออสโมซิส
ก็รู้สึกว่า น้ำแต่ละขวด มีน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิตเยอะมาก ที่อาจไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร
น้ำแข็งที่กินไม่หมด ก็เหมือนกับทิ้งพลังงานลงท่อ
ทั้งพลังงานที่ใช้ผลิตและขนส่ง ที่คงเสียไปเยอะจากรถติด
หนังสือพิมพ์ ใบปลิวที่แจกไม่หมด ปฏิทินปีใหม่ที่ทิ้งกันทุกปี  
พวกเราใช้ทรัพยากรกันสิ้นเปลืองมากๆ ทั้งๆที่รู้ว่ามีภาวะโรคร้อน
ธรรมชาติถูกทำลายจนหมีขั้วโลกสำลักน้ำตาย
แต่พวกเรายังเฉย ทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำ แถมใช้ทรัพยากรเปลืองขึ้นด้วยซ้ำ
คำถามผมคือ ในเมื่อธรรมชาติรอบตัวเลวร้ายลงเรื่อยๆ
ทำไมเรา (รวมทั้งผมด้วย) ยังเฮฮาปาร์ตี้ กิน ดื่ม เที่ยว
ทำลายสิ่งแวดล้อมได้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
มันต้องเกิดอะไรขึ้น หมีขั้วโลกต้องพลีชีพอีกกี่ตัว
เราถึงจะสนใจกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นครับ
อะไรเป็นเหตุให้เราทำลายตัวเราเองทุกวัน
ทั้งๆที่ไม่มีประโยชน์อะไรต่อมนุษยชาติเลยที่จะทำแบบนั้น ช่วยบอกผมทีครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
มันต้องมีคนอย่าง จขกท เยอะ ๆ นั่นแหละจึงจะเปลี่ยนโลกได้

ผมก็เป็นคนหนึ่งนะที่คอบปิดแอร์ตอนกลางวัน (บางตัว) ที่พนักงานออกไปทานข้าว  ปิดแอร์ก่อนเลิกงานสักหน่อยเพราะความเย็นยังเหลืออยู่ (ถ้าวันไหนผมไปทำงานนอกออฟฟิศ กลับมาจะพบว่าเลิกงานนานแล้ว แอร์ทุกตัวยังเปิดคาไว้เลย ไม่มีใครสนใจปิด)  ออกจากห้องประชุมทุกครั้งก็ปิดไฟปิดแอร์ (นี่ก็มีเพื่อนพนักงานไม่กี่คนที่ทำ) ข้าวกินที่ร้าน ไม่ซื้อห่อกลับมานั่งกินในออฟฟิศ เปลืองกล่องโฟม ถุง ถุงน้ำปลา พริก (สาว ๆ ชอบทำกันมาก ซื้อมากินมาเมาท์หน้าคอม) ระยะทาง 1 กม. เดินได้ ไม่ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือขับรถไป ขับรถก็พยายามขับแบบประหยัดน้ำมัน น้ำดื่มต้มกินเองจากน้ำประปา ไปไหนก็กรอกใส่ขวดติดรถไป ซื้อของตามร้านค้าชิ้นสองชิ้นถือเองไม่ต้องใส่ถุง (เห็นคนจำนวนมาก ซื้อน้ำขวดเดียว หนังสือเล่มเดียว ของชิ้นเดียว ก็ใส่ถุง ?)  อื่น ๆ อีกมากมายที่ใช้แบบประหยัดไม่เหลือทิ้งขว้าง และทุกอย่าง ขวด แก้ว กระป๋อง กระดาษ เอาไปขาย Recycle ไม่ทิ้งถังขยะ ได้เงินด้วย  น้ำล้างจานล้างด้วยน้ำซาวข้าวก่อนก็แทบจะสะอาดลดความมันไปหมดแล้ว ก็ลดน้ำยาล้างจานลงได้มาก น้ำสุดท้ายก็เอาไปรดต้นไม้  เศษอาหาร เปลือกผลไม้ต่าง ๆ ที่ย่อยสลายง่ายก็โยนทิ้งใต้ต้นไม้ให้เป็นปุ๋ยไป

ผม 1 คนทำก็ช่วยได้มาก ถ้า 1 ล้านคนทำก็ช่วยได้ล้านเท่า
ความคิดเห็นที่ 1
อย่างแรกเลย ปิดคอมก่อนนะครับ จขกท มันเปลืองไฟ
ความคิดเห็นที่ 39
ไม่ต้องถึงระดับโลกครับ เอาแค่ในไทยก็พอ


ไปละ เพี้ยนออกทริป
ความคิดเห็นที่ 47
.
.
.
ผมว่าคุณดูโฆษณามากไปครับ การใช้ทรัพยากรไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ
การที่หมีขั้วโลกไม่มีบ้านอยู่ โลกร้อนมันก็เป็นไปตามวัฏจักรของมัน
ถ้าย้อนไปดูในอดีตมันก็เคยร้อนเคยหนาวมาแล้วไม่รู้กี่ร้อยครั้ง
โดยที่มนุษย์ยังไม่มาอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ

อย่าไปเชื่ออะไรอเมริกามาก ไม่ใช่มันบอกอะไรเชื่อหมด อย่าตกเป็นเครื่องมือการตลาดของมัน
ก่อนนี้มันเคยบอกว่าการกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง จะทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตัน
แล้วปีนี้มันก็เพิ่งประกาศว่าการกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
กับคอเลสเตอรอลที่ร่างกายคนเราสร้างขึ้น แต่มันก็หลอกขายพวก product พร่องมันเนย
โน่นนี่นั่นเรา จนมันรวยเละไปแล้ว และตอนนี้ทั้งโลกก็ใช้การตลาดแบบนี้มาหลอกคน

ตอนนี้มันคือการตลาดในแนวอนุรักษ์ ของอันไหนที่รักษ์โลกมันจะขายแพงขึ้น
เหมือนคัตตอนบัทของ Muji รักษ์โลกด้วยการทำให้สั้นลง แต่มันกลับขายเราแพงขึ้น
เหมือนขวดน้ำของน้ำทิพย์ ที่ใช้พลาสติกบางๆ แต่ขายราคาเท่าชาวบ้าน
เหมือนจักรยานที่ไม่ได้พ่นสี แต่ขายแพงกว่าจักรยานที่พ่นสีมาอย่างดี

คุณอย่าไปอะไรมาก แค่ทำตัวไม่เดือดร้อนคนอื่นก็พอ
ความคิดเห็นที่ 24
ยังมีคนคิดตรงข้ามกับ จขกท. เยอะมากค่ะ  คนเห็นแก่ตัวเยอะ  ทำให้นักวิ่งแวดล้อมมีงานอีกมากที่ต้องทำ =)  ต้องสร้างความตระหนักให้แก่คนอื่นอีกมากมาย  แต่อย่างไรก็ตาม ดีมากค่ะที่ จขกท. ยังคิดได้  อย่างน้อยเริ่มที่ตัวเราก่อนง่ายที่สุด  ช่วยกันทำคนละเล็กละน้อย  ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อมยิ้ม36
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่