เรื่องมีอยู่ว่า ซื้อรถในราคา1.3ล้าน ดาวน์4แสน ผ่อนเดือนละเกือบ13,000บ. ผ่อน72งวด แล้วตอนนี้ผ่อนไปได้เกินครึ่งแล้ว แต่ช่วงนี้มีปัญหาทางด้านการเงินจึงหมุนเงินไม่ทัน เลยปรึกษากับศูนย์รถ ทางศูนย์เลยแนะนำให้ปรับโครงสร้างการผ่อนใหม่และทำสัญญาใหม่ ด้วยการผ่อนแค่ครึ่งเดียวคือ7,000กว่าบ./งวด แต่เพิ่มระยะเวลาอีก3ปี คือรวมทั้งหมดต้องผ่อนอีก6ปี และรวมเวลาผ่อนจากก่อนหน้านี้ก๊เท่ากับ 9ปี แล้วถ้าผ่านการอนุมัติก๊จะช่วยปัญหาทางการเงินได้มากก็เลยเริ่มให้ทางศูนย์ดำเนินการเดินเรื่องเอกสารช่วงเดือน ธ.ค.57 แต่ทางผมได้ค้างชำระก่อนหน้านี้1เดือน แล้วต้องชำระล่วงหน้าอีก1เดือนแล้วก็จ่ายทางศูนย์ไปเพื่อดำเนินการ และหลังจากนั่นก๊ไม่ได้จ่ายค่างวดในราคาเดิม จนกว่าจะได้รับเอกสารการอนุมัติ (ปล. แม่ผมเองก็พลาดตรงไม่คิดว่าต้องจ่ายค่างวดอีก ระหว่างรออนุมัติ และไม่ได้ถามทางฝ่ายศูนย์ด้วย เพราะแม่ผมกลัวจะไม่หักกับยอดรวมคงค้างกับที่ขอผ่อนผันไป) แล้วก๊รอแล้ว รออีกและเซ๊นเอกสารไปๆมาๆ ระหว่าง ศูนย์ ตจว. และศูนย์ใหญ่ที่อยู่ กทม. และทางศูนย์ ตจว.ก็มั่นใจหนักแน่นว่า ผ่านอนุมัติแน่นอน แล้วก็ลากจนมาถึงต้นเดือน มี.ค.58 ปรากฎว่าไม่ผ่านการอนุมัติเพราะกฎหมายใหม่ระบุให้ใช้เอกสารของคู่สมรสของผู้ค้ำประกัน เลยต้องเซ๊นใหม่ทั้งหมด และก๊ได้บอกให้จ่ายค่างวดรถที่คงค้างอีก5เดือนที่ยังมะได้จ่ายตั้งแต่เดือน ธ.ค.57 - มี.ค. 58 และต้องจ่ายภายใน วันที่ 20 มี.ค. 58 จำนวนเงิน 6หมื่นกว่าบาท แต่แม่ผมบอกว่ามะไหว ทางศูนย์เลยให้จ่าย42,000บ. ถ้าไม่จ่ายจะยึดรถทันที แล้วก่อนหน้านี้ที่ไม่จ่ายค่างวด ฝ่ายศูนย์ก็ไม่เคยติดต่อให้ชำระเลย ทั้งๆที่เลยเวลากำหนดชำระมาแล้ว ปกติ ขาดแค่งวด 2งวด ก็จะมีคนโทมาทวงหรือมีเอกสารแจ้งเตือน แต่แม่ผมไม่เห็นทั้ง2อย่าง เลยสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นและถ้ามีเอกสารแจ้งมาแต่ถ้ายังมะได้จ่าย ก็น่าจะโทมาแจ้งทั้งเจ้าของรถ หรือผู้ค้ำประกันบ้าง ไม่น่าปล่อยให้ยาวนานมาถึง5เดือน
ปล.1 ผมไม่แน่ใจว่าแม่ของผม ได้คุยกับทางศูนย์หรือไฟแนนในขั้นตอนไหนบ้าง
ปล.2 ทางศูนย์จะไม่โทมาเตือน แนะนำ หรือบอกอะไรให้ทราบเลยหรือครับ กับการเลยเวลาจ่ายค่างวดรถไปนานขนาดนั้น โดยไม่มีใครติดต่อมา จนเลยเวลาไป5เดือนและจะยึดรถ
ปล.3 ไม่มีทางไหนที่จะช่วยแม่ผม จากการต้องจ่ายเงินจำนวนมากในเวลาสั้นแบบนี้เลยเหรอคับ ถึงจะขอผ่อนผันแล้ว เค้าก็ยืนยันอย่างเดี่ยวว่าจะต้องจ่าย42,000 บ. อยากผ่อนแบบ ขั้นต่ำหรือยังไงก็ว่ากันไป ถ้าก้อนใหญ่ก็ไม่ไหวน่ะคับ (แม่ผมไม่เคยคิดจะเบี้ยวหนี้ แค่อยากให้เห็นใจบ้าง ไม่งั้นคงไม่อยากปรับโครงสร้างชำระหนี้)
ปล.4 ถ้าสงสัยตรงไหน ถามเพิ่มเติมได้น่ะคับ ผมอาจจะเล่าตกบกพร่องไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยคับ