สุพรรณฯปิดตำนานถนนสายดอกไม้ นทท.เสียดาย-ผิดหวัง หลังมือดีเผาวอด
วันที่ 3 มี.ค. นายพิภพ บุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า หลังจากที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี โปรโมทแหล่งท่องเที่ยวถนนสายดอกไม้ตั้งแต่ปี 2557 ที่บริเวณถนนสาย 3502 ถนนสายสามชุก ด่านช้าง ต.หนองสะเดา อ.สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี และองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสะเดา อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ร่วมกันเปิดเป็น “ถนนสายดอกไม้จังหวัดสุพรรณบุรี กาลครั้งนั้น ความฝันผลิบาน เหลืองปรีดียาธร” ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังกลับไป เนื่องจากต้นเหลืองปรีดียาธร ออกดอกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ต้นไม้ส่วนใหญ่ถูกไฟเผาตลอดเกือบทั้งเส้นทางทั้ง2 ฝั่ง ระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร ส่งผลให้ดอกเหลืองปรีดียาธร ไม่ออกดอกเหมือนเคย ในทุกๆ ปี และยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก จากผลกระทบของการเผา ซึ่งล่าสุดจากการตรวจสอบไปยังแขวงการทาง และชลประทานทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ชลประทานได้มีการว่าจ้างแรงงานชาวบ้าน เพื่อมาทำความสะอาดดูแลริมคลองในช่วงฤดูแล้ง เพื่อเตรียมพร้อมในช่วงฤดูฝน พบว่าแรงงานชาวบ้านที่ทางชลประทานว่าจ้างมานั้น ใช้การจุดไฟเผาหญ้าตลอดเส้นทางกว่า 30 กิโลเมตร ส่งผลให้ต้น เหลืองปรีดียาธร ตลอดทั้งเส้นทางได้รับผลกระทบและไม่ออกดอกซึ่งถือว่าเป็นการปิดตำนานถนนสายดอกไม้ในปีนี้ไปเลย เป็นเรื่องที่น่าเสียใจและเสียดายเป็นอย่างมาก ซึ่งได้กำชับทางเจ้าหน้าที่แขวงและทางเจ้าหน้าที่ชลประทานให้ดูแลดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเป็นผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ได้รับผลกระทบกับจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นอย่างมาก
นายจตุพลเทพมังกร ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่ 1 เปิดเผยว่า ทางหลวงหมายเลข 3502 ตอนดอนไร่-อ่างเก็บน้ำกระเสียว ช่วงดอนไร่ – สระบัวก่ำ แขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่1 มีเขตทาง เฉพาะ ตัวคันทาง (กว้างเท่าผิวจราจร) แต่ก็ได้ช่วยกันดูแลตัดหญ้าช่วยกับทางชลประทาน สม่ำเสมออย่างต่อเนื่องแต่การตัดเผาครั้งนี้ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของเราอย่างแน่นอน เพราะทางแขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่1 เราไม่มีนโยบายในการเผาหญ้า และกำชับ เจ้าหน้าที่ทุกระดับ ไม่ให้ดำเนินการเผาอย่างเด็ดขาด เพราะการเผาหญ้ามีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมซึ่งต้นเหลืองปรีดียาธร นั้นทางแขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่1 ได้มีการปลูกเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา และดูแลมาตลอดจนสมบูรณ์และออกดอกสวยงามเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมาและเป็นที่มาของการเปิดเป็นถนนสายดอกไม้ และจบด้วยการเผา เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะมีการโปรโมทไปทั่วประเทศ
นายวิศรุต อินแหยม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า คงต้องรออีกประมาณ 15 วัน ดอกเหลืองปรีดียาธร อาจทยอยออกดอกให้เห็นบ้างแต่คงไม่มีความสวยสดงดงามเหมือนเดิม ซึ่งเตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันแก้ไขทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อไป
นายนิธิศ ศิริพานิช สมาชิกกลุ่มนักปั่นจักรยานจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เตรียมตัวนักปั่นจักรยานหลายร้อยชีวิตเตรียมเดินทางจากอำเภอเมืองปั่นจักรยานกว่า 100 กิโลเมตร เพื่อออกกำลังกายและชมความสวยงามของถนนสายดอกไม้แต่มาทราบข่าวเรื่องการเผาหญ้าข้างทางจนส่งผลกระทบให้กับต้นเหลืองปรีดียาธรซึ่งน่าเสียดายมากๆ เพราะนับว่าเป็นเส้นทางจักรยานที่จะเดินทางไปรวมตัวกันในเร็วๆนี้น่าเสียดายมาก และเตรียมแจ้งกลุ่มสมาชิกนักปั่นจักรยานแล้วว่าให้ไปปั่นจักรยานในเส้นทางอื่นๆ แทนถนนสายดอกไม้ที่เหลือ แต่ตำนานในอดีตถ้าไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาเร่งฟื้นฟูดำเนินการก่อนที่จะสายเกินแก้
ขอบคุณภาพ : คุณปาลิดา ใยบัว
Credit :
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU5UTTNOVGs0Tmc9PQ%3D
สุพรรณฯ ปิดตำนานถนนสายดอกไม้ นทท.เสียดาย-ผิดหวัง หลังมือดีเผาวอด
วันที่ 3 มี.ค. นายพิภพ บุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า หลังจากที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี โปรโมทแหล่งท่องเที่ยวถนนสายดอกไม้ตั้งแต่ปี 2557 ที่บริเวณถนนสาย 3502 ถนนสายสามชุก ด่านช้าง ต.หนองสะเดา อ.สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี และองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสะเดา อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ร่วมกันเปิดเป็น “ถนนสายดอกไม้จังหวัดสุพรรณบุรี กาลครั้งนั้น ความฝันผลิบาน เหลืองปรีดียาธร” ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังกลับไป เนื่องจากต้นเหลืองปรีดียาธร ออกดอกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ต้นไม้ส่วนใหญ่ถูกไฟเผาตลอดเกือบทั้งเส้นทางทั้ง2 ฝั่ง ระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร ส่งผลให้ดอกเหลืองปรีดียาธร ไม่ออกดอกเหมือนเคย ในทุกๆ ปี และยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก จากผลกระทบของการเผา ซึ่งล่าสุดจากการตรวจสอบไปยังแขวงการทาง และชลประทานทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ชลประทานได้มีการว่าจ้างแรงงานชาวบ้าน เพื่อมาทำความสะอาดดูแลริมคลองในช่วงฤดูแล้ง เพื่อเตรียมพร้อมในช่วงฤดูฝน พบว่าแรงงานชาวบ้านที่ทางชลประทานว่าจ้างมานั้น ใช้การจุดไฟเผาหญ้าตลอดเส้นทางกว่า 30 กิโลเมตร ส่งผลให้ต้น เหลืองปรีดียาธร ตลอดทั้งเส้นทางได้รับผลกระทบและไม่ออกดอกซึ่งถือว่าเป็นการปิดตำนานถนนสายดอกไม้ในปีนี้ไปเลย เป็นเรื่องที่น่าเสียใจและเสียดายเป็นอย่างมาก ซึ่งได้กำชับทางเจ้าหน้าที่แขวงและทางเจ้าหน้าที่ชลประทานให้ดูแลดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเป็นผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ได้รับผลกระทบกับจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นอย่างมาก
นายจตุพลเทพมังกร ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่ 1 เปิดเผยว่า ทางหลวงหมายเลข 3502 ตอนดอนไร่-อ่างเก็บน้ำกระเสียว ช่วงดอนไร่ – สระบัวก่ำ แขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่1 มีเขตทาง เฉพาะ ตัวคันทาง (กว้างเท่าผิวจราจร) แต่ก็ได้ช่วยกันดูแลตัดหญ้าช่วยกับทางชลประทาน สม่ำเสมออย่างต่อเนื่องแต่การตัดเผาครั้งนี้ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของเราอย่างแน่นอน เพราะทางแขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่1 เราไม่มีนโยบายในการเผาหญ้า และกำชับ เจ้าหน้าที่ทุกระดับ ไม่ให้ดำเนินการเผาอย่างเด็ดขาด เพราะการเผาหญ้ามีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมซึ่งต้นเหลืองปรีดียาธร นั้นทางแขวงทางหลวงสุพรรณบุรีที่1 ได้มีการปลูกเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา และดูแลมาตลอดจนสมบูรณ์และออกดอกสวยงามเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมาและเป็นที่มาของการเปิดเป็นถนนสายดอกไม้ และจบด้วยการเผา เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะมีการโปรโมทไปทั่วประเทศ
นายวิศรุต อินแหยม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า คงต้องรออีกประมาณ 15 วัน ดอกเหลืองปรีดียาธร อาจทยอยออกดอกให้เห็นบ้างแต่คงไม่มีความสวยสดงดงามเหมือนเดิม ซึ่งเตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันแก้ไขทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อไป
นายนิธิศ ศิริพานิช สมาชิกกลุ่มนักปั่นจักรยานจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เตรียมตัวนักปั่นจักรยานหลายร้อยชีวิตเตรียมเดินทางจากอำเภอเมืองปั่นจักรยานกว่า 100 กิโลเมตร เพื่อออกกำลังกายและชมความสวยงามของถนนสายดอกไม้แต่มาทราบข่าวเรื่องการเผาหญ้าข้างทางจนส่งผลกระทบให้กับต้นเหลืองปรีดียาธรซึ่งน่าเสียดายมากๆ เพราะนับว่าเป็นเส้นทางจักรยานที่จะเดินทางไปรวมตัวกันในเร็วๆนี้น่าเสียดายมาก และเตรียมแจ้งกลุ่มสมาชิกนักปั่นจักรยานแล้วว่าให้ไปปั่นจักรยานในเส้นทางอื่นๆ แทนถนนสายดอกไม้ที่เหลือ แต่ตำนานในอดีตถ้าไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาเร่งฟื้นฟูดำเนินการก่อนที่จะสายเกินแก้
ขอบคุณภาพ : คุณปาลิดา ใยบัว
Credit : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU5UTTNOVGs0Tmc9PQ%3D