ความเดิม 2 ตอนที่แล้ว
บันทึก New Year ที่อินโดนีเซีย SURABAYA-BROMO-IJEN-BALI ตอนที่ 1 :
http://ppantip.com/topic/33301994
บันทึก New Year ที่อินโดนีเซีย SURABAYA-BROMO-IJEN-BALI ตอนที่ 2 รีวิว 5 ที่พักในบาหลี :
http://ppantip.com/topic/33332155
30 ธ.ค.
IJEN-BALI
หลังจากลงเขามา พี่อีวานคนขับรถผู้เก่งฉกาจ ก็ต้อนเหล่านักท่องเที่ยวที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและฟินค้างขึ้นรถตู้อย่างเร่งรีบ ด้วยเวลาตอนนั้นประมาณเก้าโมงได้ เลทมานิดนึง หลังจากนั่งกันพร้อมประจำการ พี่อีวานก็จัดแจงแจกอาหารให้เรากินกันคนละกล่อง ซึ่งอาหารภายในกล่องก็คือ ขนมปังทาเนยและไข่ต้มนั่นเอง รสชาติไม่ติดใจอะไรครับแต่มันดันติดคอนี่สิ...
ตามกำหนดการณ์คือ พี่อีวานจะขับรถพาเราไปส่งที่ท่าเรือเฟอร์รี่เพื่อให้พวกผมและชาวคณะรวม 5 คน ขึ้นเรือต่อไปบาหลี จากนั้นพี่อีวานจึงจะพาอีก 4 ยอดมนุษย์ที่เหลือกลับเมืองสุราบายาครับ ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการสำลักอาหารตะกี๊ เราก็เตรียมพร้อมหลับยาว เพราะคาดว่าอีกนานกว่าจะถึงท่าเรือ แต่ดูความยาวนั้นจะกินเวลาไปแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง พี่อีวานก็ได้พูด(คนเดียว) ว่าถึงท่าเรือแล้ว แกน่าจะพูดนานอยู่ประมาณนึงเพราะผู้โดยสารโปรดทราบนั้นยังเดินเล่นอยู่ในความฝันกันอยู่ จนรถจะจอดทุกๆคนจึงค่อยๆฟื้นคืนตัว และรับรู้ว่าตอนนี้ถึงเวลาแยกจากกันแล้ว
แต่ก่อนที่ความเศร้าจะมาเยือน ความชุลมุนก็เข้ามาแทรกก่อนครับ 555 วุ่นวายมากมายตอนนั้นพอรู้ว่า เฮ้ยต้องไปแล้ว ของเขิงนี่กระจัดกระจายยังไม่ทันเก็บดีๆ ตังค์ก็ยังไม่จาย ยังไม่ทันเคลียร์ เรียกได้ว่าทั้งเคลียร์ตังค์ เก็บของ ยกกระเป๋า พร้อมกล่าวลา ไม่ทันตั้งตัวกันจริงๆ ยังมึนๆอยู่ก็ต้องเดินไปซื้อตั๋ว ได้ตั๋วในราคา 8000 IDR. ซื้อเสร็จพนักงานก็บอกว่าเรือจะออกแล้ว โอ้วรีบอีกทีนี้กะจะนั่งพักเรียกสมรรถภาพทางความรู้สึกกลับมาก็ไม่ต้องมันละ
ซื้อตั๋ว ได้ตั๋วมาเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก็เอาตั๋วไปเลย ได้จับตั๋วไม่ถึง 5 วิ ก็รีบไปที่เรือ เบียดรถที่เบียดกันเองอยู่เพื่อต่อแถวเดินขึ้นเรือ หอบสัมภาระกันขึ้นบันได ไม่ทันไรก็โดนคุณป้าแซงเป็นหมู่คณะอีก โอ้วชีวิตมีอะไรตั้งเยอะแยะ ขึ้นเรือที่คนอยู่กันเต็ม นั่งเสร็จเรียบร้อย เหตุการณ์ทั้งหมดทุกอย่างนั้น เกิดขึ้นในเวลาแค่ 5 นาทีเร็วไวทันใจเหลือเกิน กว่าจะได้สติก็ตอนที่นั่งอยู่บนเรือแล้วเหงื่อแตกพลั่กๆๆนี่แหละครับ คือตอนนั้นอากาศนี่ร้อนตับสุก แต่ผมเองยังอยู่ในยูนิฟอร์มที่เพิ่งลงจากเขาที่เต็มไปด้วยความหนาวมา เสื้อแขนยาวคอเต่ากางเกงขายาวปิดมิดชิดพร้อมถุงเท้าและรองเท้าผ้าใบ มีแค่มือและใบหน้าที่ออกมามาแสดงความหล่อให้โลกรู้เท่านั้น โอ้แม่เจ้าทิชชู่ที่มี 1 ซองหมีพูห์นี่แกะปุ๊บใช้หมดปั๊บแทบอยากจะได้โซฟีแบบกระชับมาซึมซับให้หลับสบายครับ
หนึ่งรูปที่ถ่ายบนเรือครับตอนกำลังจะลง หนึ่งเดียวจริงๆ
BALI
ความเร็วยังดำเนินต่อไป ในใจนี่นึกว่าตัวเองเป็นคีอานู รีฟ จะสปีดไปไหน เรือเฟอร์รี่ที่นั่งมา ก็ทะแด่ดแถ่ดๆเทียบท่าสู่เกาะบาหลีซะแล้ว กำลังจะเปลี่ยนชุดนี่ไม่ต้องละ ยิ่งถ่ายรูปนี่ตอนนั้นไม่ได้อยู่ในสมองเลยครับ รู้สึกจะใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นครับ ก็ยินดีต้อนรับสู่เกาะบาหลี!
ขึ้นฝั่งมาก็มีบุรุษนิรนามชาวท้องที่ยืนต้อนรับพร้อมกล่าวคำสวัสดี เฮลโล่ โอ้โหคนที่นี่ต้อนรับได้น่าประทับใจ แต่นัยสำคัญของการต้อนรับคือประโยคถัดมาที่ว่า แวร์อาร์ยูโกอิ้ง ยูว้อนอะคาร์? แหม่ ที่แท้ก็หาลูกค้านี่เอง ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากท่าเรือเลยครับ เร็วอีกแล้ว กะว่าจะหาที่นั่งพัก กินข้าว แล้ววางแผนการเดินทางซะหน่อย ทุกอย่างก็ดันเกิดอย่างกะทันหันอีกแล้ว ใจเย็นนน
หลังจากบอกลาเพราะราคาไม่ลงรอย เราก็เดินออกจากท่า เพื่อไปหารถที่ดีกว่าแต่หารู้ไม่ว่ามันหนักหนากว่าเดิม เมื่อออกมาจากท่าเรือก็ได้ถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นว่าจะหารถนั่งต่อไป Lovina ต้องไปเรียกที่ไหน แกก็ชี้ให้ไปฝั่งตรงข้ามที่มีคนยืนรออยู่ เราจึงเดินตามไป ไปยืนอยู่ตรงที่คนยืนรอเยอะๆ เค้าเหล่านั้นหาได้ยืนรอรถเหมือนเราไม่ เค้ายืนรอเรานี่ล่ะ! โอ้คุณบร้ะ เหมือนตัวเองเป็นดาราที่มาลงสนามบินแล้วแฟนคลับนักข่าวรุมตอม เพียงแต่แสงแฟลชแปรเปลี่ยนฝอยน้ำลายเท่านั้น
มนุษย์ผู้ไม่ประสีประสาชาวไทย 5 คนโดนคนบาหลีผู้มากด้วยประสบการณ์การต้อนคนห้อมล้อมมากมาย เพื่อยื่นข้อเสนอขึ้นรถไปพร้อมกับเขาในราคาย่อมเยาว์ที่เราไม่ยอมจำนน ข้อเสนอแรกที่น่าสนคือรถบัส ที่ราคาน่าจะดี แต่พอไปถึงรถ ก็เห็นว่าอัดแน่นไปด้วยผู้โดยสารและทุกสายตาก็จ้องมาที่เราอย่างเชือดเฉือน อารมณ์ประมาณว่า "อย่าเรื่องมากได้ป่ะ จะขึ้นก็ขึ้น ไม่ขึ้นก็บอก รถจะได้ออกสักที"
เนื่องจากไม่ได้คิดและวางแผนกันมาก่อนครับ เลยต้องปรึกษากันตรงนั้นว่ายังไงดี จนสุดท้ายรถบัสก็แล่นออกไป เหลือแต่รถแบบราคาเหมาจ่ายที่แพงเกิน การตลาดเค้าก็น่าสนใจนะครับเค้าขับรถมาหาแล้วบอกราคา พร้อมบอกว่าจะไปมั้ย ถ้าไม่รถนี่จะไปที่อื่นนะ กดดันกันสุดๆ พอเรานิ่งเค้าก็ขับออกไปครับ กะให้เราง้อ แต่เราก็เปล่า ผ่านไปสักพักไอ้รถคันนั้นมันก็วนกลับมาเหมือนเดิม เหอะๆ ไอ้เราก็มองตาปริบหันมากระซิบรักบรรลือโลกกันเอง
"เฮ้ยเจ๋งว่ะ ขับไปแล้ววนกลับมา เพื่อ!?"
"เห็นมั้ยตรูว่าละ ยืนๆไปนี่แหละเดี๋ยวเค้าก็ยอม"
ไอ้เราก็ยืนคุยกันไปนานสองนาน จากมารุมกันเยอะๆก็ค่อยๆถอยห่างกันไป (บางช่วงก็น่ากลัวนะครับมายืนล้อมกัน พูดไรกันไม่รู้แล้วก็หัวเราะกันทั้งวง) จนต่างคนต่างทนไม่ไหวเลยมีคนมาแอบกระซิบในราคาที่เราอยากได้ เราก็อ่ะโอเค ซึ่งราคาตอนนั้นตกคนละ 72000 IDR. ทำเอาคนอื่นๆเซ็งไปตามๆกัน จากราคาตั้งตอนแรกแสนกว่าๆ สุดท้ายก็พามารถคันเดิมไอ้ที่วนไปมาตะกี๊นั่นแหละครับ บอกจุดหมายปลายทาง ก็เดินทางกัน ที่เป้าหมายแรกของเรา Lovina Beach
ปล.ฝากไว้ครับ Quote จากหนังเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมอยากแบ่งปันประสบการณ์ดีๆที่ผ่านมา
“HAPPINESS [is] ONLY REAL WHEN SHARED”
Jon Krakauer, Into the Wild
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อยากติดตามเพิ่มเติม หรือให้กำลังใจได้ครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้IG : mongkolp
[CR] บันทึก New Year ที่อินโดนีเซีย ตอนที่ 3 สวัสดีบาหลี (Lovina-Kintamani-Batur-Besakih-Ubud)
บันทึก New Year ที่อินโดนีเซีย SURABAYA-BROMO-IJEN-BALI ตอนที่ 1 : http://ppantip.com/topic/33301994
บันทึก New Year ที่อินโดนีเซีย SURABAYA-BROMO-IJEN-BALI ตอนที่ 2 รีวิว 5 ที่พักในบาหลี : http://ppantip.com/topic/33332155
30 ธ.ค.
IJEN-BALI
หลังจากลงเขามา พี่อีวานคนขับรถผู้เก่งฉกาจ ก็ต้อนเหล่านักท่องเที่ยวที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและฟินค้างขึ้นรถตู้อย่างเร่งรีบ ด้วยเวลาตอนนั้นประมาณเก้าโมงได้ เลทมานิดนึง หลังจากนั่งกันพร้อมประจำการ พี่อีวานก็จัดแจงแจกอาหารให้เรากินกันคนละกล่อง ซึ่งอาหารภายในกล่องก็คือ ขนมปังทาเนยและไข่ต้มนั่นเอง รสชาติไม่ติดใจอะไรครับแต่มันดันติดคอนี่สิ...
ตามกำหนดการณ์คือ พี่อีวานจะขับรถพาเราไปส่งที่ท่าเรือเฟอร์รี่เพื่อให้พวกผมและชาวคณะรวม 5 คน ขึ้นเรือต่อไปบาหลี จากนั้นพี่อีวานจึงจะพาอีก 4 ยอดมนุษย์ที่เหลือกลับเมืองสุราบายาครับ ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการสำลักอาหารตะกี๊ เราก็เตรียมพร้อมหลับยาว เพราะคาดว่าอีกนานกว่าจะถึงท่าเรือ แต่ดูความยาวนั้นจะกินเวลาไปแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง พี่อีวานก็ได้พูด(คนเดียว) ว่าถึงท่าเรือแล้ว แกน่าจะพูดนานอยู่ประมาณนึงเพราะผู้โดยสารโปรดทราบนั้นยังเดินเล่นอยู่ในความฝันกันอยู่ จนรถจะจอดทุกๆคนจึงค่อยๆฟื้นคืนตัว และรับรู้ว่าตอนนี้ถึงเวลาแยกจากกันแล้ว
แต่ก่อนที่ความเศร้าจะมาเยือน ความชุลมุนก็เข้ามาแทรกก่อนครับ 555 วุ่นวายมากมายตอนนั้นพอรู้ว่า เฮ้ยต้องไปแล้ว ของเขิงนี่กระจัดกระจายยังไม่ทันเก็บดีๆ ตังค์ก็ยังไม่จาย ยังไม่ทันเคลียร์ เรียกได้ว่าทั้งเคลียร์ตังค์ เก็บของ ยกกระเป๋า พร้อมกล่าวลา ไม่ทันตั้งตัวกันจริงๆ ยังมึนๆอยู่ก็ต้องเดินไปซื้อตั๋ว ได้ตั๋วในราคา 8000 IDR. ซื้อเสร็จพนักงานก็บอกว่าเรือจะออกแล้ว โอ้วรีบอีกทีนี้กะจะนั่งพักเรียกสมรรถภาพทางความรู้สึกกลับมาก็ไม่ต้องมันละ
ซื้อตั๋ว ได้ตั๋วมาเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก็เอาตั๋วไปเลย ได้จับตั๋วไม่ถึง 5 วิ ก็รีบไปที่เรือ เบียดรถที่เบียดกันเองอยู่เพื่อต่อแถวเดินขึ้นเรือ หอบสัมภาระกันขึ้นบันได ไม่ทันไรก็โดนคุณป้าแซงเป็นหมู่คณะอีก โอ้วชีวิตมีอะไรตั้งเยอะแยะ ขึ้นเรือที่คนอยู่กันเต็ม นั่งเสร็จเรียบร้อย เหตุการณ์ทั้งหมดทุกอย่างนั้น เกิดขึ้นในเวลาแค่ 5 นาทีเร็วไวทันใจเหลือเกิน กว่าจะได้สติก็ตอนที่นั่งอยู่บนเรือแล้วเหงื่อแตกพลั่กๆๆนี่แหละครับ คือตอนนั้นอากาศนี่ร้อนตับสุก แต่ผมเองยังอยู่ในยูนิฟอร์มที่เพิ่งลงจากเขาที่เต็มไปด้วยความหนาวมา เสื้อแขนยาวคอเต่ากางเกงขายาวปิดมิดชิดพร้อมถุงเท้าและรองเท้าผ้าใบ มีแค่มือและใบหน้าที่ออกมามาแสดงความหล่อให้โลกรู้เท่านั้น โอ้แม่เจ้าทิชชู่ที่มี 1 ซองหมีพูห์นี่แกะปุ๊บใช้หมดปั๊บแทบอยากจะได้โซฟีแบบกระชับมาซึมซับให้หลับสบายครับ
หนึ่งรูปที่ถ่ายบนเรือครับตอนกำลังจะลง หนึ่งเดียวจริงๆ
BALI
ความเร็วยังดำเนินต่อไป ในใจนี่นึกว่าตัวเองเป็นคีอานู รีฟ จะสปีดไปไหน เรือเฟอร์รี่ที่นั่งมา ก็ทะแด่ดแถ่ดๆเทียบท่าสู่เกาะบาหลีซะแล้ว กำลังจะเปลี่ยนชุดนี่ไม่ต้องละ ยิ่งถ่ายรูปนี่ตอนนั้นไม่ได้อยู่ในสมองเลยครับ รู้สึกจะใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นครับ ก็ยินดีต้อนรับสู่เกาะบาหลี!
ขึ้นฝั่งมาก็มีบุรุษนิรนามชาวท้องที่ยืนต้อนรับพร้อมกล่าวคำสวัสดี เฮลโล่ โอ้โหคนที่นี่ต้อนรับได้น่าประทับใจ แต่นัยสำคัญของการต้อนรับคือประโยคถัดมาที่ว่า แวร์อาร์ยูโกอิ้ง ยูว้อนอะคาร์? แหม่ ที่แท้ก็หาลูกค้านี่เอง ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากท่าเรือเลยครับ เร็วอีกแล้ว กะว่าจะหาที่นั่งพัก กินข้าว แล้ววางแผนการเดินทางซะหน่อย ทุกอย่างก็ดันเกิดอย่างกะทันหันอีกแล้ว ใจเย็นนน
หลังจากบอกลาเพราะราคาไม่ลงรอย เราก็เดินออกจากท่า เพื่อไปหารถที่ดีกว่าแต่หารู้ไม่ว่ามันหนักหนากว่าเดิม เมื่อออกมาจากท่าเรือก็ได้ถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นว่าจะหารถนั่งต่อไป Lovina ต้องไปเรียกที่ไหน แกก็ชี้ให้ไปฝั่งตรงข้ามที่มีคนยืนรออยู่ เราจึงเดินตามไป ไปยืนอยู่ตรงที่คนยืนรอเยอะๆ เค้าเหล่านั้นหาได้ยืนรอรถเหมือนเราไม่ เค้ายืนรอเรานี่ล่ะ! โอ้คุณบร้ะ เหมือนตัวเองเป็นดาราที่มาลงสนามบินแล้วแฟนคลับนักข่าวรุมตอม เพียงแต่แสงแฟลชแปรเปลี่ยนฝอยน้ำลายเท่านั้น
มนุษย์ผู้ไม่ประสีประสาชาวไทย 5 คนโดนคนบาหลีผู้มากด้วยประสบการณ์การต้อนคนห้อมล้อมมากมาย เพื่อยื่นข้อเสนอขึ้นรถไปพร้อมกับเขาในราคาย่อมเยาว์ที่เราไม่ยอมจำนน ข้อเสนอแรกที่น่าสนคือรถบัส ที่ราคาน่าจะดี แต่พอไปถึงรถ ก็เห็นว่าอัดแน่นไปด้วยผู้โดยสารและทุกสายตาก็จ้องมาที่เราอย่างเชือดเฉือน อารมณ์ประมาณว่า "อย่าเรื่องมากได้ป่ะ จะขึ้นก็ขึ้น ไม่ขึ้นก็บอก รถจะได้ออกสักที"
เนื่องจากไม่ได้คิดและวางแผนกันมาก่อนครับ เลยต้องปรึกษากันตรงนั้นว่ายังไงดี จนสุดท้ายรถบัสก็แล่นออกไป เหลือแต่รถแบบราคาเหมาจ่ายที่แพงเกิน การตลาดเค้าก็น่าสนใจนะครับเค้าขับรถมาหาแล้วบอกราคา พร้อมบอกว่าจะไปมั้ย ถ้าไม่รถนี่จะไปที่อื่นนะ กดดันกันสุดๆ พอเรานิ่งเค้าก็ขับออกไปครับ กะให้เราง้อ แต่เราก็เปล่า ผ่านไปสักพักไอ้รถคันนั้นมันก็วนกลับมาเหมือนเดิม เหอะๆ ไอ้เราก็มองตาปริบหันมากระซิบรักบรรลือโลกกันเอง
"เฮ้ยเจ๋งว่ะ ขับไปแล้ววนกลับมา เพื่อ!?"
"เห็นมั้ยตรูว่าละ ยืนๆไปนี่แหละเดี๋ยวเค้าก็ยอม"
ไอ้เราก็ยืนคุยกันไปนานสองนาน จากมารุมกันเยอะๆก็ค่อยๆถอยห่างกันไป (บางช่วงก็น่ากลัวนะครับมายืนล้อมกัน พูดไรกันไม่รู้แล้วก็หัวเราะกันทั้งวง) จนต่างคนต่างทนไม่ไหวเลยมีคนมาแอบกระซิบในราคาที่เราอยากได้ เราก็อ่ะโอเค ซึ่งราคาตอนนั้นตกคนละ 72000 IDR. ทำเอาคนอื่นๆเซ็งไปตามๆกัน จากราคาตั้งตอนแรกแสนกว่าๆ สุดท้ายก็พามารถคันเดิมไอ้ที่วนไปมาตะกี๊นั่นแหละครับ บอกจุดหมายปลายทาง ก็เดินทางกัน ที่เป้าหมายแรกของเรา Lovina Beach
“HAPPINESS [is] ONLY REAL WHEN SHARED”
Jon Krakauer, Into the Wild
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้