เงียบๆไปนานสำหรับ ฟลุค เดอะสตาร์
หลายคนสงสัยว่าตอนนี้ทำอะไร แล้วเรื่องสัญญากับเวทีเดอะสตาร์เป็นอย่างไร ?
ตอนนี้กลับมากับเพลงใหม่ ลองไปอ่านบทสัมภาษณ์ดู
ตัดมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับ เดอะสตาร์ค่ะ
>> แล้วเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ๆ จาก ฟลุค เดอะสตาร์ ที่มีแฟนคลับเยอะมาก ละคร "พรุ่งนี้ก็รักเธอ" บทเราดังมาก ณ วันนี้ต้องมานั่งทำงานเพลงเอง ดิ้นรนเอง
สำหรับช่วงที่ออกจากค่าย เป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่าคงไม่เหมาะกับการที่จะอยู่ตรงนั้น เพราะว่า ณ วันที่เราไปแข่งเดอะสตาร์ คือเรามีความตั้งใจที่จะเป็นนักร้อง แต่พอจริงๆ เข้าไปอยู่ตรงนั้นมันไม่ใช่เพราะเราไม่ได้ทำสิ่งที่ฝัน การทำงานของค่ายเป็นลักษณะของการที่ผู้ใหญ่วางไว้ให้แต่ละคนทำงานในสายต่างๆ อย่างตัวฟลุคเองจะอยู่ในสายของการแสดงซะเยอะ ฟลุคก็กลัวว่าถ้าเราแก่ขึ้นเราก็จะไม่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก ก็เลยเริ่มเข้าไปพูดคุยกับผู้ใหญ่จนสุดท้ายก็ได้ขอยกเลิกสัญญาออกมาครับ
>> ด้วยอารมณ์ตอนนั้นเราเด็กหรือเปล่า ถึงตัดสินใจยกเลิกสัญญาเพราะในเรื่องการแสดง ผู้ใหญ่เขาอาจจะเห็นแล้วละว่าเราไปได้ดี
มันก็อาจจะจริงนะครับในเรื่องของตอนนั้นเราเป็นเด็ก บางทีเราทำงานตรงนั้นเราเจอคนเยอะ คนนั้น คนนี้ ก็แนะนำมาบ้าง แต่พูดตามตรงไม่เกี่ยวหรอกครับ จริงๆ แล้วความต้องการเราคือเรื่องเพลง สัญญาที่ฟลุคมีอยู่กับเอ็กแซ็กท์ก็เป็นสัญญานักร้อง แต่ว่าปีสุดท้าย ฟลุคก็ยังไม่ได้ข่าวว่าตัวเองจะได้ทำเพลงเลย ก็เริ่มกลัวว่าเดี๋ยวช่วงเวลาที่เราอยากทำจริงๆ มันจะผ่านไป ก็เลยจบตรงนั้น แต่ที่เห็นๆ กันแหละครับคนก็จะคิดว่ามีปัญหา เป็นเด็กไม่ดีค่ายเลยไม่เอา
>>ข่าวลือจะออกมาลักษณะว่าฟลุคดื้อ เกเร ทางค่ายเลยตัดหางปล่อยวัด
ไม่ใช่เลยครับ จริงๆ ฟลุคเป็นคนขอยกเลิกสัญญาเอง
>> ณ ตอนนี้อยากจะขอโอกาสทางเขาอีกไหม หรือช่างมันผ่านไปแล้ว
คือเรื่องของการทำเพลงเองจริงๆ มันเป็นความฝันของฟลุคอยู่แล้ว แล้วฟลุคก็มองว่าการที่ได้เข้าไปอยู่ในค่ายของพี่บอย ถกลเกียรติ มันก็เป็นช่วงหนึ่งในชีวิตที่ทำให้เราต้องเดินต่อไป ตอนนี้ฟลุคแฮปปี้มากกว่ากับการที่วันนั้นเราตัดสินใจออกมาแล้วได้ตั้งตัวเร็ว เราได้เริ่มทำงานที่เป็นของตัวเองเร็ว อาจจะลำบากตรงที่ว่าต้องดูแลทั้งเรื่องเพลงและการโปรโมตเอง แต่ฟลุครู้สึกว่าเราควบคุมมันได้และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบมันก็มีความสุข
>>ตอนที่อยู่กับเอ็กแซ็กท์เราได้เข้าไปคุยกับเขาไหมว่าเราอยากทำเพลงนะ
ฟลุคได้เป็นเดอะสตาร์ 5 น่าจะปี 2552 เราได้ที่ 3 ตลอดเวลาอยู่กับเอ็กแซ็กท์ประมาณ 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี มีละคร 2 เรื่องคือ พรุ่งนี้ก็รักเธอ กับ หัวใจพลอยโจน และก็มีรับเชิญละครเรื่อง เซน อีกเรื่องตอนหนึ่ง ฟลุคคุยกับทางค่ายตลอดครับว่าจะมีงานเพลงมั้ย แต่ว่าก็ได้คำตอบค่อนข้างชัดเจน เพราะถามไปทางผู้ใหญ่แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่มีคำตอบให้เรา ฟลุคก็เลยคิดว่าบางทีการไม่มีคำตอบเนี่ยแหละคือคำตอบที่ชัดเจน เราก็โอเค ไหวตัวทันขอยกเลิกสัญญาออกมา
>>ทุกวันนี้ยังได้ติดต่อกับผู้ใหญ่ฝั่งเอ็กแซ็กท์ไหม
จะมีแค่เพื่อนครับ เพื่อนที่ยังทำงานอยู่ในค่าย พี่ๆ ที่ค่าย พี่ๆ ก็ยังถามไถ่อยู่ แต่ว่าบางทีการที่เราเข้าไปคลุกคลีมากๆ อาจจะทำให้เขาวางตัวลำบาก เราก็จะมีพื้นที่ของเรา เพื่อที่เขาจะไม่ลำบากใจด้วย
>>พูดเหมือนจบกันไม่ดี
มันเป็นเรื่องธรรมดานะครับที่พอเราออกมา ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว มันก็จะมีทั้งคนที่พูดถึงเราในเรื่องที่รู้จริงๆ และก็เรื่องไม่จริงที่ฟังตามข่าวลือต่างๆ มาอีกที แล้วช่วงแรกที่ฟลุคออกมา ฟลุคแทบไม่ได้เป็นคนให้สัมภาษณ์เลย น้อยมาก จะเป็นทางฝั่งค่ายที่ให้ข่าว บางทีก็เป็นข่าวลือที่ออกมามากมาย
>>มีข่าวลือครั้งไหนที่ฟลุค เสียใจที่สุด
ไม่มีข่าวลือที่เสียใจ แต่มีครั้งที่ร้องไห้เลย ก็คือครั้งที่พี่บอยเป็นคนให้สัมภาษณ์เอง เขาไม่เอ่ยชื่อเรา เขาพูดถึงเด็กคนหนึ่งที่ออกมาแล้วไม่ได้ดูศักยภาพตัวเอง เป็นเด็กที่ไม่มีความรับผิดต่องาน ถึงแม้เขาไม่ได้เอ่ยชื่อเราแต่ทุกอย่างมันก็ชี้มาที่เรา ตอนนั้นฟลุคเสียใจมาก เรารู้สึกว่าทำไม ณ วันที่เราไปคุยกับผู้ใหญ่ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวพี่บอยเอง แต่ผู้ใหญ่ทุกคนคุยกับเราดี ก็ยังบอกเราว่าออกไปแล้วก็ยังเป็นครอบครัวอยู่นะ มีอะไรก็ช่วยๆ กัน เราก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ พี่บอยถึงพูดอย่างนั้น เพราะตอนนั้นเราเล่นละครร่วมงานกับพี่บอย จนโด่งดังขึ้นมาได้เราก็คิดว่าเป็นเพราะพี่บอยเนี่ยแหละ เราจึงยิ่งรักเขามาก
แล้วเรื่องความรับผิดชอบกับงานเนี่ย ฟลุคคิดว่าตัวพี่บอยเองน่าจะรู้ดีที่สุดเพราะเราทำงานใกล้ชิดกับแก เขาน่าจะรู้ว่าเรารับผิดชอบกับงานแค่ไหน ก็เลยมีครั้งหนึ่งที่ฟลุคให้สัมภาษณ์ว่า ฟลุคคิดว่าเด็กทุกคนที่เข้ามาอยู่ในนั้นมีความตั้งใจหมดแหละขึ้นอยู่กับว่าใครจะถูกพูดออกมายังไงมากกว่า อย่างถ้าเกิดว่ามีคนพูดถึงพี่บี้เนี่ย ก็จะมีเรื่องราวพี่บี้ว่า พี่บี้เป็นคนน่ารักมาก เคารพทุกคนในตึกแกรมมี่ หรือว่าไปกองถ่ายเนี่ยก็จะขึ้นรถตู้ตั้งแต่ตี 4 ตี 5 ฟลุคก็เลยพูดว่าจริงๆ คนที่อยู่ในเดอะสตาร์มีความตั้งใจจริงๆ กันทุกคนแหละ แค่จะถูกพูดถึงออกมาหรือเปล่า
พอเขาพูดออกมาเราเองก็ไม่มีปากมีเสียงไปกับเขา ว่าเรื่องจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ทำได้แต่เสียใจว่าหรือเราไม่ใช่พี่บี้ และคิดว่า ณ วันหนึ่งเวลาผ่านไปคนจะรู้เองว่าจริงๆ แล้วว่าที่เราออกมามันไม่ใช่แค่ว่าเรื่องที่เราดื้อ หรือว่ามีปัญหากับผู้ใหญ่ สุดท้ายก็เลยคิดว่าเราต้องทำเพลงให้ได้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
>>เจ็บไหมกับวงการบันเทิงเพราะในวันที่เราขึ้นสุดๆ คนห้อมล้อมมากมาย พอมาวันที่เราตก เราต้องช่วยตัวเองทุกอย่างไม่มีใครช่วยเหลือ
ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของศิลปะกับธุรกิจ ยิ่งสมัยนี้น้ำหนักมันอยู่ที่เรื่องธุรกิจซะเยอะ อันไหนที่มันดูจะไม่เด่นจริงๆ นายทุนก็ไม่ให้ความสนใจ มันเป็นสัจธรรมครับ ฟลุคไม่ได้คิดที่จะโทษใคร และฟลุคก็ไม่เชื่อว่าการที่ฟลุคไม่ได้ทำเพลงกับเอ็กแซ็กท์เป็นเพราะว่าใครสักคนในค่ายนั้นอคติกับฟลุค แต่ฟลุคเชื่อว่าผู้ใหญ่ก็คงเห็นกันแล้ว และเขาก็มองไม่เห็นเราในจุดนั้น ซึ่งฟลุคก็ไม่ได้ซีเรียส ยิ่งมันเป็นการทำงานในลักษณะค่ายฟลุคยิ่งเข้าใจ คงไม่ได้โทษพี่บอยหรือว่าโทษผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบตอนนั้น
>>แปลว่าอยู่ในวงการนี้ห้ามหัวแข็ง ผู้ใหญ่ว่าไงต้องว่าตามกัน
มันก็แล้วแต่คนเชื่อนะครับ แต่ก็ส่วนใหญ่เด็กหลายคนที่นอบน้อมที่ยอมทำตามที่ผู้ใหญ่สั่ง สุดท้ายมันก็เวิร์กนะครับ แต่ผมเชื่อว่ามันมี 2 แบบ บางคนอาจจะต้องหัวแข็งสุดๆ ไปเลยมั้งเพื่อที่ว่าจะได้ทำสิ่งที่เรารักจริงๆ เพราะถ้าฟลุคไม่ตัดสินใจออกมาฟลุคก็ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ฟลุคจะเป็นยังไง อาจจะยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเลยก็ได้ ถึงจะะโด่งดังแต่ฟลุคอาจไม่มีความสุขก็ได้
>>ปัจจุบันยังมีแฟนคลับกลุ่มเดิมไหม ที่คอยให้กำลังใจปกป้องเรา หรือว่าก็หายไปชอบคนอื่นตามกาลเวลา
ก็หายไปบ้างครับ เพราะตัวเราก็ไม่ได้ทำผลงานออกมา แต่พอเราเริ่มมีผลงาน หลายคนก็เริ่มกลับมาพูดคุยกับเรา เริ่มกลับมาถามไถ่ อย่างตอนที่ฟลุคแสดงละครเนี่ย ละครก็ได้ไปออนแอร์ที่จีนด้วย ก็เลยทำให้ฟลุคมีแฟนคลับคนจีนด้วย ทุกปีที่ผ่านมาฟลุคได้ไปเล่นคอนเสิร์ต ปีนี้ก็จะไปเดือนสิงหาคมอีก ตรงนี้แหละครับที่ทำให้ฟลุคอยู่ได้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาฟลุคก็ติดเรื่องการเมืองด้วย เลยลำบากอยู่ แต่ก็ต้องทำใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นผลจากการตัดสินใจของเราเอง
>>วางแผนไว้ยังไงกับชีวิตในวงการบันเทิง
ปีนี้มีแผนในการทำเพลงกะว่าจะทำให้ได้สัก 6 เพลงและก็รวมกัน และอาจจะจัดคอนเสิร์ตเป็นฐานแฟนคลับของฟลุคเองกับคนจีน เรายังไม่ได้คิดเรื่องฟีดแบ็กว่ามันจะโด่งดังใหญ่โต ขอแค่ทำไปแล้วมีคนชอบและก็ช่วยกันแนะนำต่อ เราก็รู้สึกดีแล้วครับ เราทำเพลงออกมาหลายคนเขาชื่นชมในศักยภาพของเรา เขาไม่คิดว่าฟลุคจะแต่งเพลงได้หรือว่าจะสามารถควบคุมงานต่างๆ ที่เป็นลักษณะค่ายเพลงได้ ดีใจครับถึงจะมีไม่กี่คนที่ชื่นชม นอกจากนี้ฟลุคมีแพลนว่าเพลงต่อไป ฟลุคอยากจะเอาเพื่อนๆ จากเดอะสตาร์ที่หมดสัญญาแล้วมาร่วมกันร้องครับ
บทความจาก ไทยรัฐ ออนไลน์
อ่านเต็มๆที่
http://www.thairath.co.th/content/486117
"หรือผมไม่ใช่พี่บี้" จากใจ 'ฟลุค เดอะสตาร์' อดีตลูกรักสู่ลูกชัง 'คุณบอย'
หลายคนสงสัยว่าตอนนี้ทำอะไร แล้วเรื่องสัญญากับเวทีเดอะสตาร์เป็นอย่างไร ?
ตอนนี้กลับมากับเพลงใหม่ ลองไปอ่านบทสัมภาษณ์ดู
ตัดมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับ เดอะสตาร์ค่ะ
>> แล้วเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ๆ จาก ฟลุค เดอะสตาร์ ที่มีแฟนคลับเยอะมาก ละคร "พรุ่งนี้ก็รักเธอ" บทเราดังมาก ณ วันนี้ต้องมานั่งทำงานเพลงเอง ดิ้นรนเอง
สำหรับช่วงที่ออกจากค่าย เป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่าคงไม่เหมาะกับการที่จะอยู่ตรงนั้น เพราะว่า ณ วันที่เราไปแข่งเดอะสตาร์ คือเรามีความตั้งใจที่จะเป็นนักร้อง แต่พอจริงๆ เข้าไปอยู่ตรงนั้นมันไม่ใช่เพราะเราไม่ได้ทำสิ่งที่ฝัน การทำงานของค่ายเป็นลักษณะของการที่ผู้ใหญ่วางไว้ให้แต่ละคนทำงานในสายต่างๆ อย่างตัวฟลุคเองจะอยู่ในสายของการแสดงซะเยอะ ฟลุคก็กลัวว่าถ้าเราแก่ขึ้นเราก็จะไม่ได้ทำในสิ่งที่เรารัก ก็เลยเริ่มเข้าไปพูดคุยกับผู้ใหญ่จนสุดท้ายก็ได้ขอยกเลิกสัญญาออกมาครับ
>> ด้วยอารมณ์ตอนนั้นเราเด็กหรือเปล่า ถึงตัดสินใจยกเลิกสัญญาเพราะในเรื่องการแสดง ผู้ใหญ่เขาอาจจะเห็นแล้วละว่าเราไปได้ดี
มันก็อาจจะจริงนะครับในเรื่องของตอนนั้นเราเป็นเด็ก บางทีเราทำงานตรงนั้นเราเจอคนเยอะ คนนั้น คนนี้ ก็แนะนำมาบ้าง แต่พูดตามตรงไม่เกี่ยวหรอกครับ จริงๆ แล้วความต้องการเราคือเรื่องเพลง สัญญาที่ฟลุคมีอยู่กับเอ็กแซ็กท์ก็เป็นสัญญานักร้อง แต่ว่าปีสุดท้าย ฟลุคก็ยังไม่ได้ข่าวว่าตัวเองจะได้ทำเพลงเลย ก็เริ่มกลัวว่าเดี๋ยวช่วงเวลาที่เราอยากทำจริงๆ มันจะผ่านไป ก็เลยจบตรงนั้น แต่ที่เห็นๆ กันแหละครับคนก็จะคิดว่ามีปัญหา เป็นเด็กไม่ดีค่ายเลยไม่เอา
>>ข่าวลือจะออกมาลักษณะว่าฟลุคดื้อ เกเร ทางค่ายเลยตัดหางปล่อยวัด
ไม่ใช่เลยครับ จริงๆ ฟลุคเป็นคนขอยกเลิกสัญญาเอง
>> ณ ตอนนี้อยากจะขอโอกาสทางเขาอีกไหม หรือช่างมันผ่านไปแล้ว
คือเรื่องของการทำเพลงเองจริงๆ มันเป็นความฝันของฟลุคอยู่แล้ว แล้วฟลุคก็มองว่าการที่ได้เข้าไปอยู่ในค่ายของพี่บอย ถกลเกียรติ มันก็เป็นช่วงหนึ่งในชีวิตที่ทำให้เราต้องเดินต่อไป ตอนนี้ฟลุคแฮปปี้มากกว่ากับการที่วันนั้นเราตัดสินใจออกมาแล้วได้ตั้งตัวเร็ว เราได้เริ่มทำงานที่เป็นของตัวเองเร็ว อาจจะลำบากตรงที่ว่าต้องดูแลทั้งเรื่องเพลงและการโปรโมตเอง แต่ฟลุครู้สึกว่าเราควบคุมมันได้และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบมันก็มีความสุข
>>ตอนที่อยู่กับเอ็กแซ็กท์เราได้เข้าไปคุยกับเขาไหมว่าเราอยากทำเพลงนะ
ฟลุคได้เป็นเดอะสตาร์ 5 น่าจะปี 2552 เราได้ที่ 3 ตลอดเวลาอยู่กับเอ็กแซ็กท์ประมาณ 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี มีละคร 2 เรื่องคือ พรุ่งนี้ก็รักเธอ กับ หัวใจพลอยโจน และก็มีรับเชิญละครเรื่อง เซน อีกเรื่องตอนหนึ่ง ฟลุคคุยกับทางค่ายตลอดครับว่าจะมีงานเพลงมั้ย แต่ว่าก็ได้คำตอบค่อนข้างชัดเจน เพราะถามไปทางผู้ใหญ่แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่มีคำตอบให้เรา ฟลุคก็เลยคิดว่าบางทีการไม่มีคำตอบเนี่ยแหละคือคำตอบที่ชัดเจน เราก็โอเค ไหวตัวทันขอยกเลิกสัญญาออกมา
>>ทุกวันนี้ยังได้ติดต่อกับผู้ใหญ่ฝั่งเอ็กแซ็กท์ไหม
จะมีแค่เพื่อนครับ เพื่อนที่ยังทำงานอยู่ในค่าย พี่ๆ ที่ค่าย พี่ๆ ก็ยังถามไถ่อยู่ แต่ว่าบางทีการที่เราเข้าไปคลุกคลีมากๆ อาจจะทำให้เขาวางตัวลำบาก เราก็จะมีพื้นที่ของเรา เพื่อที่เขาจะไม่ลำบากใจด้วย
>>พูดเหมือนจบกันไม่ดี
มันเป็นเรื่องธรรมดานะครับที่พอเราออกมา ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว มันก็จะมีทั้งคนที่พูดถึงเราในเรื่องที่รู้จริงๆ และก็เรื่องไม่จริงที่ฟังตามข่าวลือต่างๆ มาอีกที แล้วช่วงแรกที่ฟลุคออกมา ฟลุคแทบไม่ได้เป็นคนให้สัมภาษณ์เลย น้อยมาก จะเป็นทางฝั่งค่ายที่ให้ข่าว บางทีก็เป็นข่าวลือที่ออกมามากมาย
>>มีข่าวลือครั้งไหนที่ฟลุค เสียใจที่สุด
ไม่มีข่าวลือที่เสียใจ แต่มีครั้งที่ร้องไห้เลย ก็คือครั้งที่พี่บอยเป็นคนให้สัมภาษณ์เอง เขาไม่เอ่ยชื่อเรา เขาพูดถึงเด็กคนหนึ่งที่ออกมาแล้วไม่ได้ดูศักยภาพตัวเอง เป็นเด็กที่ไม่มีความรับผิดต่องาน ถึงแม้เขาไม่ได้เอ่ยชื่อเราแต่ทุกอย่างมันก็ชี้มาที่เรา ตอนนั้นฟลุคเสียใจมาก เรารู้สึกว่าทำไม ณ วันที่เราไปคุยกับผู้ใหญ่ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวพี่บอยเอง แต่ผู้ใหญ่ทุกคนคุยกับเราดี ก็ยังบอกเราว่าออกไปแล้วก็ยังเป็นครอบครัวอยู่นะ มีอะไรก็ช่วยๆ กัน เราก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ พี่บอยถึงพูดอย่างนั้น เพราะตอนนั้นเราเล่นละครร่วมงานกับพี่บอย จนโด่งดังขึ้นมาได้เราก็คิดว่าเป็นเพราะพี่บอยเนี่ยแหละ เราจึงยิ่งรักเขามาก
แล้วเรื่องความรับผิดชอบกับงานเนี่ย ฟลุคคิดว่าตัวพี่บอยเองน่าจะรู้ดีที่สุดเพราะเราทำงานใกล้ชิดกับแก เขาน่าจะรู้ว่าเรารับผิดชอบกับงานแค่ไหน ก็เลยมีครั้งหนึ่งที่ฟลุคให้สัมภาษณ์ว่า ฟลุคคิดว่าเด็กทุกคนที่เข้ามาอยู่ในนั้นมีความตั้งใจหมดแหละขึ้นอยู่กับว่าใครจะถูกพูดออกมายังไงมากกว่า อย่างถ้าเกิดว่ามีคนพูดถึงพี่บี้เนี่ย ก็จะมีเรื่องราวพี่บี้ว่า พี่บี้เป็นคนน่ารักมาก เคารพทุกคนในตึกแกรมมี่ หรือว่าไปกองถ่ายเนี่ยก็จะขึ้นรถตู้ตั้งแต่ตี 4 ตี 5 ฟลุคก็เลยพูดว่าจริงๆ คนที่อยู่ในเดอะสตาร์มีความตั้งใจจริงๆ กันทุกคนแหละ แค่จะถูกพูดถึงออกมาหรือเปล่า
พอเขาพูดออกมาเราเองก็ไม่มีปากมีเสียงไปกับเขา ว่าเรื่องจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ทำได้แต่เสียใจว่าหรือเราไม่ใช่พี่บี้ และคิดว่า ณ วันหนึ่งเวลาผ่านไปคนจะรู้เองว่าจริงๆ แล้วว่าที่เราออกมามันไม่ใช่แค่ว่าเรื่องที่เราดื้อ หรือว่ามีปัญหากับผู้ใหญ่ สุดท้ายก็เลยคิดว่าเราต้องทำเพลงให้ได้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
>>เจ็บไหมกับวงการบันเทิงเพราะในวันที่เราขึ้นสุดๆ คนห้อมล้อมมากมาย พอมาวันที่เราตก เราต้องช่วยตัวเองทุกอย่างไม่มีใครช่วยเหลือ
ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของศิลปะกับธุรกิจ ยิ่งสมัยนี้น้ำหนักมันอยู่ที่เรื่องธุรกิจซะเยอะ อันไหนที่มันดูจะไม่เด่นจริงๆ นายทุนก็ไม่ให้ความสนใจ มันเป็นสัจธรรมครับ ฟลุคไม่ได้คิดที่จะโทษใคร และฟลุคก็ไม่เชื่อว่าการที่ฟลุคไม่ได้ทำเพลงกับเอ็กแซ็กท์เป็นเพราะว่าใครสักคนในค่ายนั้นอคติกับฟลุค แต่ฟลุคเชื่อว่าผู้ใหญ่ก็คงเห็นกันแล้ว และเขาก็มองไม่เห็นเราในจุดนั้น ซึ่งฟลุคก็ไม่ได้ซีเรียส ยิ่งมันเป็นการทำงานในลักษณะค่ายฟลุคยิ่งเข้าใจ คงไม่ได้โทษพี่บอยหรือว่าโทษผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบตอนนั้น
>>แปลว่าอยู่ในวงการนี้ห้ามหัวแข็ง ผู้ใหญ่ว่าไงต้องว่าตามกัน
มันก็แล้วแต่คนเชื่อนะครับ แต่ก็ส่วนใหญ่เด็กหลายคนที่นอบน้อมที่ยอมทำตามที่ผู้ใหญ่สั่ง สุดท้ายมันก็เวิร์กนะครับ แต่ผมเชื่อว่ามันมี 2 แบบ บางคนอาจจะต้องหัวแข็งสุดๆ ไปเลยมั้งเพื่อที่ว่าจะได้ทำสิ่งที่เรารักจริงๆ เพราะถ้าฟลุคไม่ตัดสินใจออกมาฟลุคก็ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ฟลุคจะเป็นยังไง อาจจะยังไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเลยก็ได้ ถึงจะะโด่งดังแต่ฟลุคอาจไม่มีความสุขก็ได้
>>ปัจจุบันยังมีแฟนคลับกลุ่มเดิมไหม ที่คอยให้กำลังใจปกป้องเรา หรือว่าก็หายไปชอบคนอื่นตามกาลเวลา
ก็หายไปบ้างครับ เพราะตัวเราก็ไม่ได้ทำผลงานออกมา แต่พอเราเริ่มมีผลงาน หลายคนก็เริ่มกลับมาพูดคุยกับเรา เริ่มกลับมาถามไถ่ อย่างตอนที่ฟลุคแสดงละครเนี่ย ละครก็ได้ไปออนแอร์ที่จีนด้วย ก็เลยทำให้ฟลุคมีแฟนคลับคนจีนด้วย ทุกปีที่ผ่านมาฟลุคได้ไปเล่นคอนเสิร์ต ปีนี้ก็จะไปเดือนสิงหาคมอีก ตรงนี้แหละครับที่ทำให้ฟลุคอยู่ได้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาฟลุคก็ติดเรื่องการเมืองด้วย เลยลำบากอยู่ แต่ก็ต้องทำใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นผลจากการตัดสินใจของเราเอง
>>วางแผนไว้ยังไงกับชีวิตในวงการบันเทิง
ปีนี้มีแผนในการทำเพลงกะว่าจะทำให้ได้สัก 6 เพลงและก็รวมกัน และอาจจะจัดคอนเสิร์ตเป็นฐานแฟนคลับของฟลุคเองกับคนจีน เรายังไม่ได้คิดเรื่องฟีดแบ็กว่ามันจะโด่งดังใหญ่โต ขอแค่ทำไปแล้วมีคนชอบและก็ช่วยกันแนะนำต่อ เราก็รู้สึกดีแล้วครับ เราทำเพลงออกมาหลายคนเขาชื่นชมในศักยภาพของเรา เขาไม่คิดว่าฟลุคจะแต่งเพลงได้หรือว่าจะสามารถควบคุมงานต่างๆ ที่เป็นลักษณะค่ายเพลงได้ ดีใจครับถึงจะมีไม่กี่คนที่ชื่นชม นอกจากนี้ฟลุคมีแพลนว่าเพลงต่อไป ฟลุคอยากจะเอาเพื่อนๆ จากเดอะสตาร์ที่หมดสัญญาแล้วมาร่วมกันร้องครับ
บทความจาก ไทยรัฐ ออนไลน์
อ่านเต็มๆที่ http://www.thairath.co.th/content/486117