สพฐ. รับครูใช้รองเท้าลูบหน้า นร. ไม่เหมาะ แต่ระบุเหตุดังกล่าวเกิดจากความสมยอมของทั้งครู และ นร. “กมล” ฝากผู้บริหาร - ครูทั่วประเทศ ระวังพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมเผย “พชรพงศ์” เข้าทำงานที่ ร.ร.สิริรัตนาธร แล้ววานนี้ เตรียมสั่งนิติกร สพฐ. ลงไปช่วยเขตพื้นที่ฯ ดูผลสอบวินัยและเร่งดำเนินการให้เสร็จ
วันนี้ (10 มี.ค.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 2 กรุงเทพมหานคร มีหนังสือคำสั่งให้ นายพชรพงศ์ ตรีเทพา อดีต ผอ.โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนี (ส.ว.2) ไปเป็น ผอ.โรงเรียนสิริรัตนาธร และให้ นายสำรวย ไชยยศ อดีตผอ.โรงเรียนสิริรัตนาธร มาเป็น ผอ.โรงเรียน ส.ว.2 นั้น ขณะนี้ทราบว่า นายพชรพงศ์ ได้เริ่มไปปฏิบัติงานที่โรงเรียนสิริรัตนาธร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนกรณีที่ทางคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) สพม. เขต 2 กรุงเทพฯ ระบุว่าจะประสานมายังนิติกรของ สพฐ. เพื่อขอให้ช่วยดูรายละเอียดผลการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายพชรพงศ์ กรณีสนับสนุนให้นักเรียนวงโยธวาทิตไปขอเงินนักธุรกิจชื่อดัง เนื่องจากในวันที่มีการพิจารณา นิติกรที่มีความเชี่ยวชาญของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ ป่วยเข้าโรงพยาบาล ขณะที่นิติกรที่เข้าร่วมประชุมยังขาดความเชี่ยวชาญนั้น ตนยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าวแต่จะสั่งการให้นิติกร สพฐ. ไปตรวจสอบว่า สพม. เขต 2 ส่งเรื่องดังกล่าวเข้ามาหรือยัง และให้เร่งลงไปตรวจสอบโดยเร็ว เพราะความจริงเรื่องดังกล่าควรจะยุติได้นานแล้ว โดยสมมติว่ามีการกระทำผิดก็จะลงโทษไปตามขั้นตอน แต่หากถูกก็จะได้มีสิทธิ์ก้าวหน้าในชีวิตราชการต่อไป
นายกมล กล่าวถึงกรณีที่โซเชียลเน็ตเวิร์ก มีการเผยแพร่คลิปครูเอารองเท้าลูบหน้าเด็กเพื่อขออำลา ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ที่คุณครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ใช้รองเท้าลูบหน้าเด็กนักเรียนที่เข้าแถวเพื่อสวัสดี ซึ่งเจ้าของคลิปอ้างว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการอำลาและได้แสดงความไม่พอใจถึงการกระทำดังกล่าว พร้อมทั้งทวงถามหาจรรยาบรรณจากครูในคลิปด้วย ว่า ถ้าในมุมมองของ สพฐ. ยอมรับว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสม ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนได้เรียกครูที่ปรากฏในคลิปไปชี้แจงพร้อมทั้งว่ากล่าวตักเตือนแล้ว ขณะที่ครูคนดังกล่าวก็ยอมรับว่าทำเกินกว่าเหตุ และได้ขอโทษนักเรียนและผู้ปกครองถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่มีใครติดใจเอาเรื่องเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการตกลงร่วมกับระหว่างครูกับนักเรียนเอง อย่างไรก็ตาม ตนขอฝากไปยังผู้บริหารและครูทุกโรงเรียนให้ระมัดระวังการกระทำพฤติกรรมใดๆ ก็ตามที่สุ่มเสี่ยงกระทบต่อหลักสิทธิมนุษยชนด้วย เพราะเวลานี้สื่อโซเชียลมีเดียมีการใช้แพร่หลายและส่งต่อกันไปอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นการกระทำอะไรก็ตามต้องระวังและคิดให้รอบด้านมากขึ้น
ข่าวจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000028203
สพฐ.ชี้ครูใช้รองเท้าลูบหน้า นร.แม้สมยอม แต่ไม่เหมาะ เตือนครู-ผอ.ทุกคนระวังพฤติกรรม
สพฐ. รับครูใช้รองเท้าลูบหน้า นร. ไม่เหมาะ แต่ระบุเหตุดังกล่าวเกิดจากความสมยอมของทั้งครู และ นร. “กมล” ฝากผู้บริหาร - ครูทั่วประเทศ ระวังพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมเผย “พชรพงศ์” เข้าทำงานที่ ร.ร.สิริรัตนาธร แล้ววานนี้ เตรียมสั่งนิติกร สพฐ. ลงไปช่วยเขตพื้นที่ฯ ดูผลสอบวินัยและเร่งดำเนินการให้เสร็จ
วันนี้ (10 มี.ค.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 2 กรุงเทพมหานคร มีหนังสือคำสั่งให้ นายพชรพงศ์ ตรีเทพา อดีต ผอ.โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนี (ส.ว.2) ไปเป็น ผอ.โรงเรียนสิริรัตนาธร และให้ นายสำรวย ไชยยศ อดีตผอ.โรงเรียนสิริรัตนาธร มาเป็น ผอ.โรงเรียน ส.ว.2 นั้น ขณะนี้ทราบว่า นายพชรพงศ์ ได้เริ่มไปปฏิบัติงานที่โรงเรียนสิริรัตนาธร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนกรณีที่ทางคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) สพม. เขต 2 กรุงเทพฯ ระบุว่าจะประสานมายังนิติกรของ สพฐ. เพื่อขอให้ช่วยดูรายละเอียดผลการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายพชรพงศ์ กรณีสนับสนุนให้นักเรียนวงโยธวาทิตไปขอเงินนักธุรกิจชื่อดัง เนื่องจากในวันที่มีการพิจารณา นิติกรที่มีความเชี่ยวชาญของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่ฯ ป่วยเข้าโรงพยาบาล ขณะที่นิติกรที่เข้าร่วมประชุมยังขาดความเชี่ยวชาญนั้น ตนยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าวแต่จะสั่งการให้นิติกร สพฐ. ไปตรวจสอบว่า สพม. เขต 2 ส่งเรื่องดังกล่าวเข้ามาหรือยัง และให้เร่งลงไปตรวจสอบโดยเร็ว เพราะความจริงเรื่องดังกล่าควรจะยุติได้นานแล้ว โดยสมมติว่ามีการกระทำผิดก็จะลงโทษไปตามขั้นตอน แต่หากถูกก็จะได้มีสิทธิ์ก้าวหน้าในชีวิตราชการต่อไป
นายกมล กล่าวถึงกรณีที่โซเชียลเน็ตเวิร์ก มีการเผยแพร่คลิปครูเอารองเท้าลูบหน้าเด็กเพื่อขออำลา ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ที่คุณครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ใช้รองเท้าลูบหน้าเด็กนักเรียนที่เข้าแถวเพื่อสวัสดี ซึ่งเจ้าของคลิปอ้างว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการอำลาและได้แสดงความไม่พอใจถึงการกระทำดังกล่าว พร้อมทั้งทวงถามหาจรรยาบรรณจากครูในคลิปด้วย ว่า ถ้าในมุมมองของ สพฐ. ยอมรับว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสม ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนได้เรียกครูที่ปรากฏในคลิปไปชี้แจงพร้อมทั้งว่ากล่าวตักเตือนแล้ว ขณะที่ครูคนดังกล่าวก็ยอมรับว่าทำเกินกว่าเหตุ และได้ขอโทษนักเรียนและผู้ปกครองถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่มีใครติดใจเอาเรื่องเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการตกลงร่วมกับระหว่างครูกับนักเรียนเอง อย่างไรก็ตาม ตนขอฝากไปยังผู้บริหารและครูทุกโรงเรียนให้ระมัดระวังการกระทำพฤติกรรมใดๆ ก็ตามที่สุ่มเสี่ยงกระทบต่อหลักสิทธิมนุษยชนด้วย เพราะเวลานี้สื่อโซเชียลมีเดียมีการใช้แพร่หลายและส่งต่อกันไปอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นการกระทำอะไรก็ตามต้องระวังและคิดให้รอบด้านมากขึ้น
ข่าวจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000028203