คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
เป็นบทความที่วิเคราะห์ได้ ละเอียด
และ กระจ่างแจ้ง
ยอดเยี่ยมมาก ครับ
คือคนเป็นจำนวนมาก
ที่ไม่เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้
(หรือ ดีไม่ดี
ไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ
ว่ามีหนังสือเรื่องนี้ อยู่ในโลก)
ก็จะตั้งความหวังไว้มาก
ส่วนมาก ก็จะคิดว่า
เหมือนภาพยนตร์
คือมีตัววีรชน
ที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
มาดำเนินเรื่องเสียเอง
แต่พอกลายเป็นเรื่องของตัวละครสมมุติ
ซึ่งมีชีวิตแบบผู้คนธรรมดา
มี รัก โลภ โกรธ หลง
มี อิจฉาริษยา แก่งแย่ง ชิงรักหักสวาท
ก็เลยเหมาไปว่า
บางระจันเวอร์ชั่นนี้
เป็นเวอร์ชั่น น้ำเน่า
แต่เมื่อเนื้อเรื่องเริ่มขมวดปม
จากชิงรักหักสวาท
มาเป็น มิตรภาพ
และในที่สุด
ก็กลายเป็น ความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว
และความสามัคคี
อย่างที่ท่าน จขกท
แยกพวก ไว้ให้
และด้วยการดำเนินเรื่องที่แยบยลนี้
ทำให้ คนดูเอง ก็ไม่ค่อยรู้ตัวหรอก
ว่ามีความผูกพัน
กับตัวละครเหล่านี้ ไปเสียแล้ว
ถ้าเป็น บางระจัน เวอร์ชั่นที่เปิดฉากมา
ก็เอาแต่ รบ รบ และ รบ
ก็จะได้ความมันส์ ความฮึกเหิม ไปอีกแบบ
และตัวละครที่ตายไป
ก็ทำให้เกิดความรู้สึกสลดใจบ้าง ก็เท่านั้น
แต่บางระจัน เวอร์ชั่นนี้
ที่มี ทัพ แฟง เฟื่อง ขาบ สังข์ จวง
และเพื่อนพ้องคนอื่น ๆ
ที่เรารู้จัก และ ผูกพันมา
ราวกับ เป็นเดือน เป็นปี
เมื่อเขาเหล่านั้น
ยอมสละชีพเพื่อชาติ
อย่างองอาจกล้าหาญ
ไม่หวั่นเกรงความตาย
ถึงจะต้องจบชีวิตอย่างทารุณ ก็ตาม
จึงเกิดอารมณ์ที่บีบคั้น เศร้าสลด มากมาย
ราวกับสูญเสีย เพื่อนพ้อง คนที่รู้จักไป จริง ๆ
ขอบคุณ คุณ จขกท อีกครั้ง ครับ
ที่กรุณาวิเคราะห์เนื้อหา
ได้ชัดเจน
และค่อนข้างเป็นบทสรุป
ที่เหมือนกับเป็น คำตอบ ว่า
ทำไม บางระจัน เวอร์ชั่นนี้
จึงแตกต่างจาก เวอร์ชั่นอื่น
นั่นเอง.
และ กระจ่างแจ้ง
ยอดเยี่ยมมาก ครับ
คือคนเป็นจำนวนมาก
ที่ไม่เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้
(หรือ ดีไม่ดี
ไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ
ว่ามีหนังสือเรื่องนี้ อยู่ในโลก)
ก็จะตั้งความหวังไว้มาก
ส่วนมาก ก็จะคิดว่า
เหมือนภาพยนตร์
คือมีตัววีรชน
ที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
มาดำเนินเรื่องเสียเอง
แต่พอกลายเป็นเรื่องของตัวละครสมมุติ
ซึ่งมีชีวิตแบบผู้คนธรรมดา
มี รัก โลภ โกรธ หลง
มี อิจฉาริษยา แก่งแย่ง ชิงรักหักสวาท
ก็เลยเหมาไปว่า
บางระจันเวอร์ชั่นนี้
เป็นเวอร์ชั่น น้ำเน่า
แต่เมื่อเนื้อเรื่องเริ่มขมวดปม
จากชิงรักหักสวาท
มาเป็น มิตรภาพ
และในที่สุด
ก็กลายเป็น ความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว
และความสามัคคี
อย่างที่ท่าน จขกท
แยกพวก ไว้ให้
และด้วยการดำเนินเรื่องที่แยบยลนี้
ทำให้ คนดูเอง ก็ไม่ค่อยรู้ตัวหรอก
ว่ามีความผูกพัน
กับตัวละครเหล่านี้ ไปเสียแล้ว
ถ้าเป็น บางระจัน เวอร์ชั่นที่เปิดฉากมา
ก็เอาแต่ รบ รบ และ รบ
ก็จะได้ความมันส์ ความฮึกเหิม ไปอีกแบบ
และตัวละครที่ตายไป
ก็ทำให้เกิดความรู้สึกสลดใจบ้าง ก็เท่านั้น
แต่บางระจัน เวอร์ชั่นนี้
ที่มี ทัพ แฟง เฟื่อง ขาบ สังข์ จวง
และเพื่อนพ้องคนอื่น ๆ
ที่เรารู้จัก และ ผูกพันมา
ราวกับ เป็นเดือน เป็นปี
เมื่อเขาเหล่านั้น
ยอมสละชีพเพื่อชาติ
อย่างองอาจกล้าหาญ
ไม่หวั่นเกรงความตาย
ถึงจะต้องจบชีวิตอย่างทารุณ ก็ตาม
จึงเกิดอารมณ์ที่บีบคั้น เศร้าสลด มากมาย
ราวกับสูญเสีย เพื่อนพ้อง คนที่รู้จักไป จริง ๆ
ขอบคุณ คุณ จขกท อีกครั้ง ครับ
ที่กรุณาวิเคราะห์เนื้อหา
ได้ชัดเจน
และค่อนข้างเป็นบทสรุป
ที่เหมือนกับเป็น คำตอบ ว่า
ทำไม บางระจัน เวอร์ชั่นนี้
จึงแตกต่างจาก เวอร์ชั่นอื่น
นั่นเอง.
แสดงความคิดเห็น
"บางระจัน" เรื่องเล่าฮีโร่ที่ไม่ได้เล่าแบบฮีโร่ แต่ให้คนตระหนักถึงตนเอง คนรอบข้าง และส่วนรวม
บางระจัน
บางระจัน ที่โหมโปรโมทอย่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
บางระจัน ที่ไม่เน้นวีรชน ทำไมเน้นแต่เรื่องรักใคร่ จนเหมือนไม่ใช่ บางระจัน
บางระจันที่เรารู้จักไม่ใช่แบบนี้ ต้องเป็นแบบนี้แบบนี้
บางระจันอันนี้ใช่บางระจัน จริงหรือไม่ เป็นคำถามที่ถูกถามมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
บางระจัน บทประพันธ์ของไม้ เมืองเดิม
เป็นจุดตั้งต้นของเรื่อง โดยบอกเล่าผ่านตัวละคร คือ ทัพ แฟง ขาบ เฟื่อง สังข์ จวง
โดยมีบทโทรทัศน์มีตัวละครเพิ่ม คือ สไบ และ ใจ (อองนาย)
เป็นการเล่าเรื่องว่าตัวละครเหล่านี้มีชีวิตแบบไหน แล้วทำไมถึงมาอยู่บ้านระจันและอยู่ร่วมในหมู่บ้านนี้
โดยมีคำนำเรื่องว่า หนึ่งรักคือ นาง รักหนึ่งคือ มิตร รักยิ่งใหญ่เทิดเหนือชีวิตให้ไทยอยู่คู่ฟ้า
ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วง ดังต่อไปนี้
ช่วงแรก : ความรัก
ช่วงแรก คงเป็นช่วงเปิดเรื่องที่มีคำถามว่า มันคือละครเรื่องอะไรกัน ทำไมมันมีตัวละครมากมายมีหมู่บ้านหลายแห่ง
แต่ไม่มีบางระจัน ทุกตัวละครในเรื่องดูจะเป็นคนที่จุดมุ่งหมายต่างกันไป โดยไม่มีใครไปเกี่ยวกับบางระจันเลย
ทัพทหารหนีทัพ สังข์และขาบก็อยากจะทำงานเพื่อเลื่อนยศตำแหน่งแม้จะต้องแตกหักกับทัพ
แฟงอยู่อย่างซุกซนตามประสาวัยรุ่น เฟื่องที่อยู่เหย้าเฝ้าเรือนรอทัพกลับมา จวงกับอยู่เป็นเพื่อนแม่ให้ทัพ
สไบกับดอกรักก็อยู่อีกหมู่บ้าน ทุกคนมีชีวิตของตัวเองกันไป แต่เมื่อมีทัพอังวะเป็นเป็นตัวแปรทำให้ทุกชีวิตเปลี่ยนไปทีละน้อย
ทัพรวมกลุ่มกันเล็ก ๆ กับ หมู่เคลิ้ม เอิบ ช่วงและฟัก ต่อต้านพวกอังวะ สังข์และขาบที่ต้องรีบทำผลงานเพื่อกลับเข้ากรุงศรี
แฟง เฟื่อง จวง ต้องเริ่มเก็บข้าวของย้าย สไบกับดอกรักก็ถุกกวาดต้อนเพราะหมู่บ้านถูกทำลายและได้รู้จักใจ
ความเปลี่ยนแปลงทีละน้อย ทำให้ทุกตัวละครมีเรื่องของตัวเองมีความสัมพันธ์กัน จนมีทั้งความเกลียดและความรักระคนไป
ทัพที่จากเคยรักเฟื่อง แต่กับเริ่มมีใจให้แฟง ขาบที่รักเฟื่องจนทำเกินเลยกับเฟื่อง สังข์ที่ต้องการจวงมาเป็นเครื่องต่อรองทัพแต่ดันเผลอมีใจ
สไบที่มีดอกรักเป็นคู่ชิ้นแต่กลับรู้สึกดีกับใจ
ช่วงกลาง : มิตรภาพ
หลักจากชีวิตตัวละครเปลี่ยนไป และมีตัวแปรเดียวกันคืออังวะ ตัวละครเริ่มย้ายที่อยู่ต้องหนีไปเรื่อย ๆ และถูกอังวะดักโจมตีอยู่เรื่อย ๆ
จนทุกตัวละครมีชีวิตเกิดจุดเปลี่ยน ทัพเริ่มกลายเป็นกองโจรคอยสู้กับอังวะจนไปเจอโจรควาย สังข์กับขาบที่อยากเลื่อนยศกลับถูกหักหลัง
สไบที่เริ่มเปิดพื้นที่ให้ใจเข้ามาทำให้ดอกรักอิจฉา ทุกชีวิตมีประสบการณ์ที่หลากหลายและเลวร้ายต่างกัน จนได้มาพบกับ ชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง
ซึ่งก็คือ ชาวระจัน ทำให้ทุกตัวละครที่ถูกเหวี่ยงออกไปกลับมาอยู่ในที่เดียวกันคือ บ้านระจัน
แน่นอนทุกตัวละครชาวบ้านที่จับพัดจับผลู กลายมาเป็นชาวบ้านในค่าย ซึ่งต่างคนต่างที่มา ความรัก ความขัดแย้งที่มีมายังไม่จางหาย
แต่ที่ทุกคนอยู่กันได้ เพราะทุกคนมีคู่ขัดแย้งเดียวกันคืออังวะ แต่แน่นอนความไม่สนิทใจย่อมเกิดขึ้น แม้กระทั่งคนที่เคยเป็นเพื่อนที่สนิท
หรือเพื่อนที่เพิ่งจะสนิท แต่ก็มีพ่อค่ายช่วยกันประคับประคอง คนที่ต่างที่มาต่างจุดมุ่งหมายมาอยู่ร่วมกันได้
ช่วงสุดท้าย : ประโยชน์ของส่วนรวม
ทุกชีวิตในชาวค่ายผ่านความเป็นความตายจากคู่ขัดแย้งมาหลายครั้ง จนชาวบ้านในค่ายส่วนใหญ่มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ความมีอัตตาเรื่องของตัวเองลดลงบ้าง มิตรภาพที่เริ่มก่อตัวขึ้นแม้จะมีลางร้ายอยู่ในค่ายก็ตาม คนที่เคยเป็นศัตรูก็กลับมาเป็นมิตร
คนที่คิดว่าคือมิตรอาจเป็นศัตรู แต่ไม่สำคัญ
อาจจะเป็นเพราะว่า เมื่อทุกตัวละครตระหนักถึงความเป็นจริงจะพบว่า เราควรจะสามัคคีกันเพื่อปกป้องรักษาที่อยู่นี้ไว้
และเพื่อเป็นปราการสำคัญลดทอนกำลังข้าศึกก่อนไปถึงพระนคร ทุกตัวละครจึงมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ
อยู่และตายเพื่อรักษาแผ่นดินไว้ตามที่ละครกล่าวมาถึงบทสรุป
จากที่เขียนมาทั้งหมด
ละครเรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ที่ตัวละครสมมติหรืออาจมีตัวตนจริงของ ไม้ เมืองเดิม
เรื่องเล่าที่อาจจะไม่เหมือนกับที่คนที่เคยมีความรู้สึกกับคำว่า บางระจัน
แต่สำหรับส่วนตัวกลับชอบวิธีเล่าเรื่องของเรื่องนี้
ในละครประวัติศาสตร์ มักจะมีตัวเอกโดดเด่น แล้วเราจะต้อติดตามชีวิตของเขาไปด้วย อย่าง เสมา แก้ว หรือพ่อเหมในอนาคต
บางระจันก็เช่นเดียวกัน บางระจันมีตัวเอก คือ ทัพ
ซึ่งเรื่องทั้งหมด เล่าถึงเรื่องของทัพ คนรักของทัพ มิตรและศัตรูของทัพ
แน่นอนถ้าเป็นแบบนี้เราต้องตามติดชีวิตทัพ เหมือนเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมา เราก็ต้องมาว่าสิ่งที่ทัพทำทั้งหมดถูกแล้ว
แต่เรื่องนี้คนดูอาจจะไม่คิดแบบทัพ เพราะสิ่งที่ทัพทำมันก็ไม่ใช่สิ่งที่คนดูทุกคนต้องคิดเหมือนกัน
เราเลยมีพื้นที่ที่จะรักตัวละครรายล้อมทัพ ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู
หลายคนรัก ขาบ และ สังข์ ทั้งที่เขาเป็นศัตรูของทัพ หรือใจ ใส้สึกที่คุณก็เกลียดไม่ลง
แม้นกระทั่ง อังวะ ที่มีที่น่ายกย่องในความสามารถ และ ขี้ขลาด ดีเลวปะปนไป ไม่ใช่ยัดเยียดให้ทั้งชนชาติเป็นคนไม่ดี
อาจเพราะนักแสดงที่มารับบทนำ อาจจะไม่แข็งทำให้เรายังไม่เชื่อบ้าง
แต่มันเป็นข้อดีที่ตัวละครเอก มันสามารถทำผิด ทำพลาด แล้วเราสามารถตำหนิไปได้ โดยที่ไม่ใช่ต้องใช้ว่าฉันคือตัวเอกฉันไม่ผิด
การที่ทัพเป็นโจร ถึงแม้จะดี แต่เมื่อเจอโจรควาย มันก็ทำให้รู้ว่า ทัพคิดผิด ไม่ว่าจะเป็นโจรปล้นเพื่อชาติหรือแค่ปล้นทรัพย์ มันก็ไม่ต่างกัน
หรือแฟงเก่งและกล้า มันก็ไม่แสดงว่าแฟงเอาตัวรอดได้กลับกลายเป็นภาระทำให้หวิดสูญเสียหลายครั้ง
ตัวละครถึงคิดแบบชาวบ้าน คือ กิน อยู่ ทำงานและสืบพันธุ์ จึงไม่แปลกที่จะเจอเรื่องรักใคร่ไม่เว้นวาง
เราจึงได้ดูตัวละครที่หลากหลายและคิดแบบเรียบง่ายตามประสา ไม่ใช่ดูตัวละครที่เราจะต้องรักอย่างเดียว เพราะเขาคือพระเอกนางเอก
อาจจะเป็นเพราะตัวละครเป็นเพียงชาวบ้าน ที่ถ้าเขาไม่มาเจอพ่อค่ายก็คงไม่มีเรื่องบางระจันก็ได้
บางระจัน ครั้งนี้เลยไม่ใช่ แค่สถานีที่หรือค่ายที่มีพ่อค่ายและชาวค่ายออกรบแล้วกลายเป็นอนุสรณ์ภายหลัง
ไม่ใช่เรื่องของวีรชนชาวค่ายที่หลายคนคาดหวัง แต่มันคือ
ที่ที่มีความสัมพันธ์จากคนหลาย ๆ คน เข้ามาอยู่รวมกัน เกิดเป็นความรัก ความขัดแย้ง มิตรภาพ และ การเห็นความสำคัญของส่วนรวม
บางระจัน จากชื่อที่คิดว่าเป็นงานง่ายในการเอามาสร้างละคร
เป็นบางระจันที่ถูกตัดเติมเสริมแต่งและเล่าเรื่องจากคนยุคนี้กับหลายตัวละครหลายเหตุการณ์
แต่กลับมีผลตอบรับที่หลากหลาย แต่เชื่อว่าเมื่อคนดูบางระจันครั้งนี้จบ
ไม่ใช่ให้คนไทยเกลียดชังพม่าเหมือนที่บางกลุ่มระแวงว่าจะมีความเชื่อแบบนี้ หรือบางคนกำลังอินกับละครก็เลยยังมีอารมณ์นี้อยู่
แต่ให้คนไทยได้เห็นถึงความสมัครสมานสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญ และเราจะเห็นถึงสึ่งสำคัญคือ
นอกจากจะคิดแต่เรื่องของตัวเอง ให้สนใจคนรอบข้างและหากมีโอกาสก็ทำอะไรเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
ปล. ถ้าคราวหน้าจะมีใครสร้างเรื่องนี้ เขียนคำว่า ตำนานหรือเรื่องเล่านำหน้า เพื่อคนดูจะได้เปิดใจแต่เนิ่น ๆ ก็คงดี