เรื่องเล่า จาก เเบ็คเเพ็คเกอร์ฝึกหัด <เเบกเป้ คนเดียวก็เที่ยวได้>
https://www.facebook.com/DevilGolfzZ
สวัสดีครับ ผมอยากจะเล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในสไตล์เเบ็คเเพ็ค
ซึ่งมีบางสิ่งที่มีค่ามากกว่าการถ่ายรูปตามสถานที่ ผมอยากให้คนอ่านได้เห็นในมุมมองอะไรบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ในการท่องเที่ยวสไตล์เเบ็คเเพ็ค ที่ทั้งได้เป็นการเห็นสิ่งต่างของโลกใบนี้ได้กว้างมากขึ้น ถึงเเม้ว่า ผมจะยังไม่ได้ออกเที่ยวไปต่างประเทศ เเต่สำหรับตัวผมนั่น ผมอยากจะท่องเที่ยวในไทยให้ครบก่อน เเล้วค่อยออกไปต่างประเทศ ผมเชื่อว่าในประเทศไทย กว่าอีก 37 จาก 77 จังหวัด ที่ผมยังไม่เคยได้ไป ยังต้องมีสิ่งสวยๆงามๆ ประสบการณ์ที่เลอค่า รอให้ผมได้ไปเรียนรู้อย่างเเน่นอน
ผมจะเที่ยวโดยเน้นรถไฟฟรี + รถไฟที่ราคาถูกที่สุด + นอนไหนได้นอน + เน้นเดิน มากกว่าครับระหว่างเที่ยว + จำกัดงบ
จังหวัดในภาคเหนือ ที่ได้ไปตะลุย ได้เเก่ ลำพูน - ลำปาง - พะเยา - น่าน - เเพร่ - อุตรดิตถ์
------------> วันที่ 27 ธ.ค. 2557 <--------------
เวลา 11.00 ออกผจญภัย สู่ความงดงามในภาคเหนืออีกครั้ง (ซึ่งผมไปมาเเล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้น ไปเเค่ เชียงใหม่ เชียงราย เเม่ฮ่องสอน) ผมโดยสารรถไฟไปกับ ขบวน 105 (กรุงเทพ - ศิลาอาสน์) เวลาออก 19.50 โดยราคา 98 บาท เเต่ผมเลือกลงนครสวรรค์ เพื่อที่จะได้ โดยสารรถไฟท้องถิ่นฟรี (นครสวรรค์-เชียงใหม่) *ถึงเเม้ว่าใช้เวลานาน เเต่ก็ประหยัดงบใช่ไหมละครับ
เริ่มด้วย บรรยากาศบน รถไฟ ขบวน 105 เลยน่ะครับ พอถึงเวลา 19.50 ผมก็ขึ้นไป นั่งตามที่นั่งระบุในตั๋ว เเละ
ทักทายกับ 3 คนที่นั่งในล๊อค เดียวกัน พวกน้าๆ ยายๆ ก็ถามผมต่างๆ นานา ว่าเป็นคนที่ไหน จะไป ไหน อะไรยังไง ผมก็ชวน พวกเขา คุยเรื่อยๆ ผมคิดว่า ผมชวนคุยเก่งเเล้วน่ะครับ 555+ เจอยายคนนี้ ผมนิยอมเลยย ชวยคุยเก่งกว่าผมอีก (นี้คือ อีก 1 เหตุผลที่ทำให้ผมชอบ บรรยากาศบนรถไฟมากๆ) มันเสมือนว่า ถึงเเม้ว่าเราไปคนเดียว เเต่เหมือนเราไม่ได้ไปคนเดียว ได้มิตรภาพระหว่างการโดยสารรถไฟ ผมชอบคำพูดหนึ่งที่ยายเขากล่าวไว้ว่า "มานั่งด้วยกันเเล้ว มีเรื่องอะไรก็คุยๆกันไปเถอะ บรรยากาศจะได้ไม่เงียบเหงา เด่วพอถึงปลายทางต่างคนก็ต่างเเยกย้ายลงกันหมด" เเล้วก็มาถึง นครสวรรค์ช่วงเวลา 00.20 น.
พอมาถึง นครสวรรค์ ผมก็สั่งลา พวกน้าๆยายๆพวกเขาใจดีมากครับ มีการอวยพรให้โชคดีระหว่างการเดินทางหลังจากนั้น ผมก็ต้องรอเวลา ถึง 05.00 เพื่อที่จะรอขึ้นรถไฟท้องถิ่นฟรี(นครสววรค์-เชียงใหม่) เเต่ปลายทางของผมอยู่ที่ลำพูน โดยนอนที่สถานีรถไฟเลยครับ อากาศเย็นสบาย บรรยากาศ บนรถไฟฟรี จากนครสวรรค์ถึงเชียงใหม่ ผมดีใจจริงๆ ที่เห็นบรรยากาศสองข้างทาง ในช่วงเวลากลางวัน เพราะช่วงนั้นผมขึ้นเหนือ ไม่เห็นอะไรเพราะเป็นเวลากลางคืน ผู้คนขึ้นลงอยู่ตลอดทุกสถานีครับ เเต่การไปช่วงกลางวัน เเล้วเปิดกระจก เล่นเอาซะตัวผมมอมเเมม ผมเเข็งยังกับไม้กวาด
------------> วันที่ 28 ธ.ค. 2557 <--------------
ทันใดนั่น ผมก็มาถึง ลำพูนในเวลาเกือบประมาณ บ่ายสองกว่าๆ สถานที่เเรก ที่ผมจะไปนั่นคือ ""พระธาตุหริภุญชัย" จากสถานี ผมเดินไปได้ ประมาณ 1กิโล มีคนเข้ามาทักว่า "จะไปไหน" ผมบอกไป พระธาตุหริภุญชัยครับ เเล้วเขาก็บอกว่า นั่นพี่คิด 20 บาทละกันน เด่วไปส่งถึงที่ผมเลยโอเคตกลง
เข้าสู่โหมดการผจญภัยอย่างเต็มตัว นครหริภุญไชย จ.ลำพูน
พอมาถึง "วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร" ผมก็ไปสักการะกราบไหว้ขอพรต่างๆ
พอเสร็จภารกิจอะไรเรียบร้อย ผมก็เดินท่องเที่ยวระเเวกนั่น *เเต่เดินเที่ยวได้ไม่มากนัก เพราะว่า ใกล้จะเย็นเเล้ว (เที่ยวได้น้อยมาก ต้องได้ซ่อมโอกาสหน้าเเน่นอน) จากนั่นผมไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจที่สวนสาธารณะ เวลา 18.45 ผมเลยรีบมุ่งหน้าไปที่สถานีขนส่งเพื่อจะไปลำปางต่อ ผมโดยสารรถทัวร์ ของนครชัยเเอร์ จัดว่าบริการได้โอเครเลยถึงลำปาง ก็เวลา 2ทุ่มกว่าๆ
<บ๊าย บาย นครหริภุญไชย>
เข้าสู่เมืองเเห่งรถม้า จ.ลำปาง เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา
ณ ตอนนั้น ผมรู้เเค่ว่า อยากอาบ น้ำ เเละ อยากพักผ่อน จากความ เหนื่อยล้าที่กว่าจะมาถึงลำพูนได้ เกือบประมาน 20 ชม.
เลยมุ่งตรงหา ที่พัก *เน้นถูก* ก็เลยหาที่ไกลผู้ไกล คนพอสมควรเลยครับ สุดท้ายก็ได้ ไปเจอหอหนึ่ง ในราคา 300 บาท เจ้าของหอเป็นกันเองมากครับ สิ่ง อำนวยความสะดวกต่างๆ จัดว่าโอเค เลยย คุ้มค่าราคามากๆ ครับ หลังจาก เช็คอินอะไรเสร็จ ผมก็เดินไปในตัว เมือง นครลำปาง
ซึ่งเขาได้จัดสถาน ที่ เล่นไฟ สวยงามอร่ามตามากครับ จัดเตรียมไว้เพื่อรอเทศกาล ส่งท้ายปี เก่า ต้อนรับปีใหม่ อดใจไม่ได้เลย
ที่จะต้องถ่ายภาพความประทับใจนั่นมา
<รวมภาพความประทับใจในงาน>
------------> วันที่ 29 ธ.ค. 2557 <--------------
ผมตื่น ตั้งเเต่ 6 โมง เที่ยวสไตล์เเบ็คเเพ็ค ทุกนาทีมีค่ามากๆ ครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงไหมครับ? เลยจัดบะหมี่ต้มยำราคา 40 บาท พร้อมกาเเฟเเก้วหนึ่ง 20 บ. อิ่มหน่ำพร้อมตะลุย สถานที่เเห่งเเรกที่ไป คือ "วัดพระธาตุลำปางหลวง" การจะไปที่เเห่งนี้ รถไปไม่ถึงหน้าวัดครับ เลยตกลงราคา กันที่ 120 บาทส่งถึงหน้าวัด พอถึงที่หมาย ก็สักการะกราบไหว้ขอพร เเละ ดูเงาพระธาตุกลับหัว ซึ่งสถานที่เข้าไปนั้น จะมีป้ายเขียนบอกว่า
"ผู้หญิงห้ามเข้า"
พอเสร็จภารกิจ ก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยที่อยู่หน้าวัด ว่ามีรถไปในตัวเมืองเปล่าครับ ..ลุงตอบมาว่าไม่มี.. คุยกันไปคุยกันมา ลุงเขาเลยขออาสาพาผมไปส่งที่ถนนเส้นใหญ่ เเล้วนั่งรถสองเเถว ราคา 20 บ. ต่อเข้าตัวเมือง ผมจึงขอบคุณลุงเขา เเละ
ให้ค่าน้ำมันลุง ไป 30 บาทครับ กลับถึงที่พักเวลา 12.15 น.
หลังจากเช็คเอ้าท์ที่พักเสร็จเรียบร้อย สถานที่เที่ยวต่อไป นั่นคือ ที่เที่ยวเเบบ Unseen Thailand ""วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์""
เเต่หนทางจากตัวเมืองไปลำบากเอาเรื่องพอสมควรครับ ถ้าไม่มีรถส่วนตัว การเดินทางไปที่หมายนั่น ต้องเริ่มจาก นั่งรถสองเเถว
(ผมขึ้นรถตอนเวลา 13.45 น.) ไปตลาดเเจ้ห่ม ในราคา 30 บาท เเต่ถ้าเหมาไปนั่น ราคาเกือบหลักพันครับ ""ผมไปคนเดียวสู้ราคาไม่ไหวจริงๆ""
เเล้วจากตลาดเเจ้ห่ม จะไปวัด ไม่มีรถไปครับ สุดท้ายเเล้วต้องเหมาครับ ในราคา 250 บาท ส่งถึงตีนเขา พอถึงนั่นจะต้องต่อรถของทางวัดขับขึ้นเขาไปอีก คนละ 60 บาท บรรยากาศในรถเฮฮามากครับ เพราะว่ารถขับรถขึ้นเขา เสียว มันส์ๆ ทุกวินาทีเลยครับ ไม่เหงาเลยจริงๆ ที่ไปคนเดียว
(ถึงเวลาประมาน 15.00 น.) หมดระยะทางเเล้ว ต่อไปนี้จะเป็นการวัดกำลังใจล้วนๆ เลยครับ เดินขึ้นเขาด้วยเท้าของเรา
ใช้เวลาเดินไม่ถึง 1 ชม. ก็ถึงยอดเขา บอกได้เลยว่าขึ้นมาเเล้วหายเหนื่อยเลย ลมเย็น วิวดี มองเห็นทิวทัศน์รอบๆเเบบ 360องศา เลยครับ
จัดว่า คุ้มค่าทุกหยดเหงื่อเเน่นอนครับ
ช่วงที่อยู่บนเขา มีลุงคนหนึ่งเข้ามาคุยกับผม ..ลุงเขาชื่อ ลุง จิต.. มากับหลานสาวครับ ก็คุยเรื่อยๆตั้งเเต่ บนเขา ยัน ลงเขา รอรถ ลุงเเกคุยดี มีความสุภาพมากครับ ซักถามผมในหลายๆเรื่อง พร้อมทั้งบอกอีกว่า ""ดีเเล้ว !! ที่ได้ท่องเที่ยวสไตล์ เเบบนี้จะได้เปิดโลกทัศน์ของตนให้กว้างขึ้น"" เเละ ลุงเขาก็ถามอีกว่า จะไปไหนต่อ ผมตอบว่า จะไปในตัวเมือง เเต่ยังไม่มีรถลงเลยครับ ผมเลยขอรบกวนให้ลุงไปส่งที่ ตัวเมืองนครลำปางลุงเเกใจดีจริงๆ ก็บอกผมว่า ได้เลยย ไม่ต้องเกรงใจ ไปหยิบสัมภาระ เเล้วขึ้นรถได้เลยย ถึงตัวเมืองลำปาง เวลา 19.30 น. ผมเลยสั่งลาเเละขอบคุณ ลุง เเละ หลานของลุง
เเล้วก็เเยกย้ายกันไป ผมดิ่งตรงที่ไปเขาจัดงานกัน
(ถูกบ้าง หลงทางบ้าง คือความงดของการผจญภัย)
งานเลิกประมาณเที่ยงคืน ผมรีบดิ่งไปที่ บขส. เพราะว่า ค่ำคืนนี้ผมจะนอนที่นั่น
ประหยัดค่าใช้จ่ายผมไปได้อีก ฮ่าๆ ณ เพลานี้ รอเวลาที่จะเตรียมตัวไปเมืองพะเยาเเล้ว
เข้าสู่เมืองพยาว จ.พะเยา
------------> วันที่ 30 ธ.ค. 2557 <--------------
เรื่องเล่าจากผมเองนี้ที่ จ.พะเยา " กว๊านพะเยาเเหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง "
อากาศจัดว่าหนาวพอสมควรเลยครับ เเต่บรรยากาศดีจริงๆครับ ..เเนะนำเลยครับ..
ผมเดินเที่ยวไหว้ตามวัดต่างๆนาๆ เพื่อรอเวลา จะไปชมพระอาทิตย์ตกที่กว๊านพะเยาเเละเดินเที่ยวเทศกาล
ดอกไม้สวย พลุงาม ที่กว๊านพะเยา ครั้งที่ 2
< มีคนเคยผมถามว่า การเที่ยว ก็ต้องมาพักผ่อน จะมาลำบากทำไม ?? เเต่ถ้าการเที่ยวเเล้วลำบาก เเต่กลับได้เห็นอะไรใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ มันก็คุ้มค่าน่ะครับ >
ยามเย็น ณ กว๊านพะเยา -> กราบไหว้บูชาพ่อขุนงำเมือง สิ่งสักการะสำคัญคู่บ้านคู่เมืองพะเยาชมพระอาทิตย์ตก ผมบอกได้ว่า ถ้าใครยังไม่เคยมา
ต้องได้มาสัมผัสบรรยากาศดีๆจาก ริมกว๊านพะเยา ครับ นั่งชิลด์ๆริมกว๊าน รอคอยเพลาที่อาทิตย์ลับขอบฟ้า เเสงกระทบกับผืนน้ำ
เป็นอะไรที่สวยมากจริงๆ พออาทิตย์ตกดินเรียบร้อย ผมมุ่งหน้าเข้าไปในงานที่เขาจัดไว้
เทศกาล ดอกไม้สวย พลุงาม ที่กว๊านพะเยา ครั้งที่ 2 ชมศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านจ.พะเยา เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปกับดอกไม้นานาชนิด อิ่มหน่ำสำราญกับอาหารพื้นเมือง ตระการตาไปกับ พลุ พลุน้ำ เเละ การเเสดง จากชาวพะเยา ผู้คนในงาน ที่เข้ามาทักทาย อัธยาศัยดี เเละ
ยิ้มเเย้มเเจ่มใสมากๆเลยครับ .ประทับใจ. อาหารเเต่ละอย่าง น่ารับประทาน อร่อยมากๆ การเเสดงต่างๆที่นำมาก็น่าตื่นตาตื่นใจ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลาครับ !! โอกาสหน้าฟ้าใหม่ต้องได้มาอีกอย่างเเน่นอนครับ
สถานีต่อไปของผม "น่าน" อ้อมกอดเเห่งขุนเขา เมืองต้องห้าม....ห้ามพลาดจริงๆครับ..
ค่ำคืนนี้ พักหลับนอน ณ บขส.พะเยา ประหยัดงบได้เยอะเลย ฮ่าๆ
>> ..มีต่อตรงช่องความคิดเห็นน่ะครับ... >>
[CR] ประสบการณ์เเบ็คเเพ็คตะลุยภาคเหนือ<6 จังหวัด>เกือบ 2 อาทิตย์ ด้วย วงเงิน 5000 บาท
https://www.facebook.com/DevilGolfzZ
สวัสดีครับ ผมอยากจะเล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในสไตล์เเบ็คเเพ็ค
ซึ่งมีบางสิ่งที่มีค่ามากกว่าการถ่ายรูปตามสถานที่ ผมอยากให้คนอ่านได้เห็นในมุมมองอะไรบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ในการท่องเที่ยวสไตล์เเบ็คเเพ็ค ที่ทั้งได้เป็นการเห็นสิ่งต่างของโลกใบนี้ได้กว้างมากขึ้น ถึงเเม้ว่า ผมจะยังไม่ได้ออกเที่ยวไปต่างประเทศ เเต่สำหรับตัวผมนั่น ผมอยากจะท่องเที่ยวในไทยให้ครบก่อน เเล้วค่อยออกไปต่างประเทศ ผมเชื่อว่าในประเทศไทย กว่าอีก 37 จาก 77 จังหวัด ที่ผมยังไม่เคยได้ไป ยังต้องมีสิ่งสวยๆงามๆ ประสบการณ์ที่เลอค่า รอให้ผมได้ไปเรียนรู้อย่างเเน่นอน
ผมจะเที่ยวโดยเน้นรถไฟฟรี + รถไฟที่ราคาถูกที่สุด + นอนไหนได้นอน + เน้นเดิน มากกว่าครับระหว่างเที่ยว + จำกัดงบ
จังหวัดในภาคเหนือ ที่ได้ไปตะลุย ได้เเก่ ลำพูน - ลำปาง - พะเยา - น่าน - เเพร่ - อุตรดิตถ์
เวลา 11.00 ออกผจญภัย สู่ความงดงามในภาคเหนืออีกครั้ง (ซึ่งผมไปมาเเล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้น ไปเเค่ เชียงใหม่ เชียงราย เเม่ฮ่องสอน) ผมโดยสารรถไฟไปกับ ขบวน 105 (กรุงเทพ - ศิลาอาสน์) เวลาออก 19.50 โดยราคา 98 บาท เเต่ผมเลือกลงนครสวรรค์ เพื่อที่จะได้ โดยสารรถไฟท้องถิ่นฟรี (นครสวรรค์-เชียงใหม่) *ถึงเเม้ว่าใช้เวลานาน เเต่ก็ประหยัดงบใช่ไหมละครับ
เริ่มด้วย บรรยากาศบน รถไฟ ขบวน 105 เลยน่ะครับ พอถึงเวลา 19.50 ผมก็ขึ้นไป นั่งตามที่นั่งระบุในตั๋ว เเละ
ทักทายกับ 3 คนที่นั่งในล๊อค เดียวกัน พวกน้าๆ ยายๆ ก็ถามผมต่างๆ นานา ว่าเป็นคนที่ไหน จะไป ไหน อะไรยังไง ผมก็ชวน พวกเขา คุยเรื่อยๆ ผมคิดว่า ผมชวนคุยเก่งเเล้วน่ะครับ 555+ เจอยายคนนี้ ผมนิยอมเลยย ชวยคุยเก่งกว่าผมอีก (นี้คือ อีก 1 เหตุผลที่ทำให้ผมชอบ บรรยากาศบนรถไฟมากๆ) มันเสมือนว่า ถึงเเม้ว่าเราไปคนเดียว เเต่เหมือนเราไม่ได้ไปคนเดียว ได้มิตรภาพระหว่างการโดยสารรถไฟ ผมชอบคำพูดหนึ่งที่ยายเขากล่าวไว้ว่า "มานั่งด้วยกันเเล้ว มีเรื่องอะไรก็คุยๆกันไปเถอะ บรรยากาศจะได้ไม่เงียบเหงา เด่วพอถึงปลายทางต่างคนก็ต่างเเยกย้ายลงกันหมด" เเล้วก็มาถึง นครสวรรค์ช่วงเวลา 00.20 น.
พอมาถึง นครสวรรค์ ผมก็สั่งลา พวกน้าๆยายๆพวกเขาใจดีมากครับ มีการอวยพรให้โชคดีระหว่างการเดินทางหลังจากนั้น ผมก็ต้องรอเวลา ถึง 05.00 เพื่อที่จะรอขึ้นรถไฟท้องถิ่นฟรี(นครสววรค์-เชียงใหม่) เเต่ปลายทางของผมอยู่ที่ลำพูน โดยนอนที่สถานีรถไฟเลยครับ อากาศเย็นสบาย บรรยากาศ บนรถไฟฟรี จากนครสวรรค์ถึงเชียงใหม่ ผมดีใจจริงๆ ที่เห็นบรรยากาศสองข้างทาง ในช่วงเวลากลางวัน เพราะช่วงนั้นผมขึ้นเหนือ ไม่เห็นอะไรเพราะเป็นเวลากลางคืน ผู้คนขึ้นลงอยู่ตลอดทุกสถานีครับ เเต่การไปช่วงกลางวัน เเล้วเปิดกระจก เล่นเอาซะตัวผมมอมเเมม ผมเเข็งยังกับไม้กวาด
ทันใดนั่น ผมก็มาถึง ลำพูนในเวลาเกือบประมาณ บ่ายสองกว่าๆ สถานที่เเรก ที่ผมจะไปนั่นคือ ""พระธาตุหริภุญชัย" จากสถานี ผมเดินไปได้ ประมาณ 1กิโล มีคนเข้ามาทักว่า "จะไปไหน" ผมบอกไป พระธาตุหริภุญชัยครับ เเล้วเขาก็บอกว่า นั่นพี่คิด 20 บาทละกันน เด่วไปส่งถึงที่ผมเลยโอเคตกลง
พอมาถึง "วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร" ผมก็ไปสักการะกราบไหว้ขอพรต่างๆ
พอเสร็จภารกิจอะไรเรียบร้อย ผมก็เดินท่องเที่ยวระเเวกนั่น *เเต่เดินเที่ยวได้ไม่มากนัก เพราะว่า ใกล้จะเย็นเเล้ว (เที่ยวได้น้อยมาก ต้องได้ซ่อมโอกาสหน้าเเน่นอน) จากนั่นผมไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจที่สวนสาธารณะ เวลา 18.45 ผมเลยรีบมุ่งหน้าไปที่สถานีขนส่งเพื่อจะไปลำปางต่อ ผมโดยสารรถทัวร์ ของนครชัยเเอร์ จัดว่าบริการได้โอเครเลยถึงลำปาง ก็เวลา 2ทุ่มกว่าๆ
<บ๊าย บาย นครหริภุญไชย>
ณ ตอนนั้น ผมรู้เเค่ว่า อยากอาบ น้ำ เเละ อยากพักผ่อน จากความ เหนื่อยล้าที่กว่าจะมาถึงลำพูนได้ เกือบประมาน 20 ชม.
เลยมุ่งตรงหา ที่พัก *เน้นถูก* ก็เลยหาที่ไกลผู้ไกล คนพอสมควรเลยครับ สุดท้ายก็ได้ ไปเจอหอหนึ่ง ในราคา 300 บาท เจ้าของหอเป็นกันเองมากครับ สิ่ง อำนวยความสะดวกต่างๆ จัดว่าโอเค เลยย คุ้มค่าราคามากๆ ครับ หลังจาก เช็คอินอะไรเสร็จ ผมก็เดินไปในตัว เมือง นครลำปาง
ซึ่งเขาได้จัดสถาน ที่ เล่นไฟ สวยงามอร่ามตามากครับ จัดเตรียมไว้เพื่อรอเทศกาล ส่งท้ายปี เก่า ต้อนรับปีใหม่ อดใจไม่ได้เลย
ที่จะต้องถ่ายภาพความประทับใจนั่นมา
<รวมภาพความประทับใจในงาน>
ผมตื่น ตั้งเเต่ 6 โมง เที่ยวสไตล์เเบ็คเเพ็ค ทุกนาทีมีค่ามากๆ ครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริงไหมครับ? เลยจัดบะหมี่ต้มยำราคา 40 บาท พร้อมกาเเฟเเก้วหนึ่ง 20 บ. อิ่มหน่ำพร้อมตะลุย สถานที่เเห่งเเรกที่ไป คือ "วัดพระธาตุลำปางหลวง" การจะไปที่เเห่งนี้ รถไปไม่ถึงหน้าวัดครับ เลยตกลงราคา กันที่ 120 บาทส่งถึงหน้าวัด พอถึงที่หมาย ก็สักการะกราบไหว้ขอพร เเละ ดูเงาพระธาตุกลับหัว ซึ่งสถานที่เข้าไปนั้น จะมีป้ายเขียนบอกว่า
"ผู้หญิงห้ามเข้า"
พอเสร็จภารกิจ ก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยที่อยู่หน้าวัด ว่ามีรถไปในตัวเมืองเปล่าครับ ..ลุงตอบมาว่าไม่มี.. คุยกันไปคุยกันมา ลุงเขาเลยขออาสาพาผมไปส่งที่ถนนเส้นใหญ่ เเล้วนั่งรถสองเเถว ราคา 20 บ. ต่อเข้าตัวเมือง ผมจึงขอบคุณลุงเขา เเละ
ให้ค่าน้ำมันลุง ไป 30 บาทครับ กลับถึงที่พักเวลา 12.15 น.
หลังจากเช็คเอ้าท์ที่พักเสร็จเรียบร้อย สถานที่เที่ยวต่อไป นั่นคือ ที่เที่ยวเเบบ Unseen Thailand ""วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์""
เเต่หนทางจากตัวเมืองไปลำบากเอาเรื่องพอสมควรครับ ถ้าไม่มีรถส่วนตัว การเดินทางไปที่หมายนั่น ต้องเริ่มจาก นั่งรถสองเเถว
(ผมขึ้นรถตอนเวลา 13.45 น.) ไปตลาดเเจ้ห่ม ในราคา 30 บาท เเต่ถ้าเหมาไปนั่น ราคาเกือบหลักพันครับ ""ผมไปคนเดียวสู้ราคาไม่ไหวจริงๆ""
เเล้วจากตลาดเเจ้ห่ม จะไปวัด ไม่มีรถไปครับ สุดท้ายเเล้วต้องเหมาครับ ในราคา 250 บาท ส่งถึงตีนเขา พอถึงนั่นจะต้องต่อรถของทางวัดขับขึ้นเขาไปอีก คนละ 60 บาท บรรยากาศในรถเฮฮามากครับ เพราะว่ารถขับรถขึ้นเขา เสียว มันส์ๆ ทุกวินาทีเลยครับ ไม่เหงาเลยจริงๆ ที่ไปคนเดียว
(ถึงเวลาประมาน 15.00 น.) หมดระยะทางเเล้ว ต่อไปนี้จะเป็นการวัดกำลังใจล้วนๆ เลยครับ เดินขึ้นเขาด้วยเท้าของเรา
ใช้เวลาเดินไม่ถึง 1 ชม. ก็ถึงยอดเขา บอกได้เลยว่าขึ้นมาเเล้วหายเหนื่อยเลย ลมเย็น วิวดี มองเห็นทิวทัศน์รอบๆเเบบ 360องศา เลยครับ
จัดว่า คุ้มค่าทุกหยดเหงื่อเเน่นอนครับ
ช่วงที่อยู่บนเขา มีลุงคนหนึ่งเข้ามาคุยกับผม ..ลุงเขาชื่อ ลุง จิต.. มากับหลานสาวครับ ก็คุยเรื่อยๆตั้งเเต่ บนเขา ยัน ลงเขา รอรถ ลุงเเกคุยดี มีความสุภาพมากครับ ซักถามผมในหลายๆเรื่อง พร้อมทั้งบอกอีกว่า ""ดีเเล้ว !! ที่ได้ท่องเที่ยวสไตล์ เเบบนี้จะได้เปิดโลกทัศน์ของตนให้กว้างขึ้น"" เเละ ลุงเขาก็ถามอีกว่า จะไปไหนต่อ ผมตอบว่า จะไปในตัวเมือง เเต่ยังไม่มีรถลงเลยครับ ผมเลยขอรบกวนให้ลุงไปส่งที่ ตัวเมืองนครลำปางลุงเเกใจดีจริงๆ ก็บอกผมว่า ได้เลยย ไม่ต้องเกรงใจ ไปหยิบสัมภาระ เเล้วขึ้นรถได้เลยย ถึงตัวเมืองลำปาง เวลา 19.30 น. ผมเลยสั่งลาเเละขอบคุณ ลุง เเละ หลานของลุง
เเล้วก็เเยกย้ายกันไป ผมดิ่งตรงที่ไปเขาจัดงานกัน
งานเลิกประมาณเที่ยงคืน ผมรีบดิ่งไปที่ บขส. เพราะว่า ค่ำคืนนี้ผมจะนอนที่นั่น
ประหยัดค่าใช้จ่ายผมไปได้อีก ฮ่าๆ ณ เพลานี้ รอเวลาที่จะเตรียมตัวไปเมืองพะเยาเเล้ว
เรื่องเล่าจากผมเองนี้ที่ จ.พะเยา " กว๊านพะเยาเเหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง "
อากาศจัดว่าหนาวพอสมควรเลยครับ เเต่บรรยากาศดีจริงๆครับ ..เเนะนำเลยครับ..
ผมเดินเที่ยวไหว้ตามวัดต่างๆนาๆ เพื่อรอเวลา จะไปชมพระอาทิตย์ตกที่กว๊านพะเยาเเละเดินเที่ยวเทศกาล
ดอกไม้สวย พลุงาม ที่กว๊านพะเยา ครั้งที่ 2
ยามเย็น ณ กว๊านพะเยา -> กราบไหว้บูชาพ่อขุนงำเมือง สิ่งสักการะสำคัญคู่บ้านคู่เมืองพะเยาชมพระอาทิตย์ตก ผมบอกได้ว่า ถ้าใครยังไม่เคยมา
ต้องได้มาสัมผัสบรรยากาศดีๆจาก ริมกว๊านพะเยา ครับ นั่งชิลด์ๆริมกว๊าน รอคอยเพลาที่อาทิตย์ลับขอบฟ้า เเสงกระทบกับผืนน้ำ
เป็นอะไรที่สวยมากจริงๆ พออาทิตย์ตกดินเรียบร้อย ผมมุ่งหน้าเข้าไปในงานที่เขาจัดไว้
เทศกาล ดอกไม้สวย พลุงาม ที่กว๊านพะเยา ครั้งที่ 2 ชมศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านจ.พะเยา เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปกับดอกไม้นานาชนิด อิ่มหน่ำสำราญกับอาหารพื้นเมือง ตระการตาไปกับ พลุ พลุน้ำ เเละ การเเสดง จากชาวพะเยา ผู้คนในงาน ที่เข้ามาทักทาย อัธยาศัยดี เเละ
ยิ้มเเย้มเเจ่มใสมากๆเลยครับ .ประทับใจ. อาหารเเต่ละอย่าง น่ารับประทาน อร่อยมากๆ การเเสดงต่างๆที่นำมาก็น่าตื่นตาตื่นใจ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลาครับ !! โอกาสหน้าฟ้าใหม่ต้องได้มาอีกอย่างเเน่นอนครับ
สถานีต่อไปของผม "น่าน" อ้อมกอดเเห่งขุนเขา เมืองต้องห้าม....ห้ามพลาดจริงๆครับ..
ค่ำคืนนี้ พักหลับนอน ณ บขส.พะเยา ประหยัดงบได้เยอะเลย ฮ่าๆ
>> ..มีต่อตรงช่องความคิดเห็นน่ะครับ... >>