แอพ Nike+ Running App เวอร์ชั่น Android และ iOS เร็วๆนี้ จะสนับสนุนการทำงานบนนาฬิกาและสายรัดข้อมือออกกำลังกายจาก Garmin, TomTom, Wahoo Fitness และ Netpulse
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Nike ได้ประกาศความร่วมมือใหม่กับ 4 พันธมิตรฮาร์ดแวร์ อันประกอบไปด้วย Garmin, TomTom, Wahoo Fitness และ Netpulse ซึ่งนาฬิกาและสายรัดข้อมือตามติดการออกกำลังกายจากทั้งสี่ จะสามารถซิงค์การทำงานเข้ากับแอพ Nike+ Running App ทั้งบน Android และ iOS ได้ ในวันที่ 9 มีนาคมนี้
การเปิดแพลตฟอร์ม จะช่วยให้ผู้ใช้ Nike+ มีอิสระในการเลือกใช้นาฬิกาหรืออุปกรณ์ตามติดการออกกำลังกายที่มีให้เลือกมากมายในท้องตลาด มากกว่าที่จะจำกัดการใช้งานอยู่บนฮาร์ดแวร์ของตนเอง โดยก่อนหน้านี้ Nike ยังได้ประกาศความร่วมมือกับซัมซุง เพื่อนำเสนอแอพ Nike+ Running App บนสมาร์ทวอช Gear S อีกด้วย
นอกเหนือจากการรองรับอุปกรณ์เพิ่มเติมแล้ว ทั้งเวอร์ชั่น Android และ iOS จะได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพเล็กๆน้อยๆ อย่างในเวอร์ชั่น Android จะมีการปรับปรุงการติดแท็กรองเท้าและเพิ่มฟีเจอร์หยุดอัตโนมัติเข้าไป ในขณะที่เวอร์ชั่น iOS จะเพิ่มประสิทธิภาพตัวควบคุมเพลง และการเข้าถึงแผนที่เส้นทาง พร้อมโหมดปลอกแขนที่ได้รับการปรับแต่งการทำงานให้ดีที่สุด
ที่มา CNET
Nike+ เพิ่มการรองรับแอพบนนาฬิกาสำหรับใส่วิ่ง Garmin, TomTom
แอพ Nike+ Running App เวอร์ชั่น Android และ iOS เร็วๆนี้ จะสนับสนุนการทำงานบนนาฬิกาและสายรัดข้อมือออกกำลังกายจาก Garmin, TomTom, Wahoo Fitness และ Netpulse
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Nike ได้ประกาศความร่วมมือใหม่กับ 4 พันธมิตรฮาร์ดแวร์ อันประกอบไปด้วย Garmin, TomTom, Wahoo Fitness และ Netpulse ซึ่งนาฬิกาและสายรัดข้อมือตามติดการออกกำลังกายจากทั้งสี่ จะสามารถซิงค์การทำงานเข้ากับแอพ Nike+ Running App ทั้งบน Android และ iOS ได้ ในวันที่ 9 มีนาคมนี้
การเปิดแพลตฟอร์ม จะช่วยให้ผู้ใช้ Nike+ มีอิสระในการเลือกใช้นาฬิกาหรืออุปกรณ์ตามติดการออกกำลังกายที่มีให้เลือกมากมายในท้องตลาด มากกว่าที่จะจำกัดการใช้งานอยู่บนฮาร์ดแวร์ของตนเอง โดยก่อนหน้านี้ Nike ยังได้ประกาศความร่วมมือกับซัมซุง เพื่อนำเสนอแอพ Nike+ Running App บนสมาร์ทวอช Gear S อีกด้วย
นอกเหนือจากการรองรับอุปกรณ์เพิ่มเติมแล้ว ทั้งเวอร์ชั่น Android และ iOS จะได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพเล็กๆน้อยๆ อย่างในเวอร์ชั่น Android จะมีการปรับปรุงการติดแท็กรองเท้าและเพิ่มฟีเจอร์หยุดอัตโนมัติเข้าไป ในขณะที่เวอร์ชั่น iOS จะเพิ่มประสิทธิภาพตัวควบคุมเพลง และการเข้าถึงแผนที่เส้นทาง พร้อมโหมดปลอกแขนที่ได้รับการปรับแต่งการทำงานให้ดีที่สุด
ที่มา CNET