[CR] Review โรงแรม Hotel Gracery Tamachi ที่ Tokyo ประเทศญี่ปุ่นค่ะ

สวัสดีค่ะ อุ๊ง อุ๊ง
ช่วงนี้หลาย ๆ คนกำลังมีแผนไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นกันใช่ไหมคะ หลายคนที่ไปเองก็คงกำลังมองหาที่พักกันอยู่ . . .
วันนี้มิกิ ก็เลยมาทำ มินิรีวิว โรงแรมในโตเกียวให้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจค่ะ
รีวิวนี้เหมาะมากสำหรับผู้หญิงที่เดินทางไปคนเดียว หรือไปกับเพื่อนแล้วต้องแยกห้องนอนค่ะ
( ญี่ปุ่นนี่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าน่าแปลกใจ ชอบใจอยู่หลายอย่างเลย )

โรงแรมที่จะพามาชมกันก็คือ . . .
Hotel Gracery Tamachi (โรงแรมเกรเซอรี่ ทามาจิ ) ค่ะ

Hotel Gracery Tamachi เดินจากสถานี JR Tamachi ประมาณไม่เกิน 5 - 10 นาที ( ตามความชิลค่ะ ) โรงแรมหาเจอง่ายค่ะ
ถ้ากลัวหาไม่เจอเปิด Google map ช่วยได้เยอะมากค่ะ
สามารถลากกระเป๋าเดินทางจากสถานนี JR Tamachi ได้อย่างสบาย ๆ ข้างทางมีร้านสะดวกซื้อเพียบ แล้วก็ร้านอาหารเพียบ กลางคืนก็มีร้านอาหารเปิดด้วย ยังไงก็ไม่อดแน่นอนค่ะ ( เว้นว่ากระเป๋าเงินหายนะคะ ^ ^ )

Check In เรียบร้อย พร้อม Key Card และ คูปองอาหารเช้า
( แต่ - - อาหารเช้าไม่เคยได้ชิมเลยค่ะ ตื่นมาแต่งตัวแล้วก็รีบออกไปทำงานเลย )

ส่วนมากโรงแรมที่ญี่ปุ่นจะ Check Out 11.00 น. และ Check In ในช่วงบ่ายค่ะ ประมาณบ่าย 2
( เลือกพักโรงแรมไหนต้องเช็คก่อนนะคะ เพราะว่าบางทีเราอาจจะลืมนึกว่า Check Out ตอนเที่ยงแบบที่บ้านเรา ^ ^ )

บริเวณ Lobby

มีเครื่อง Check Out แบบอัตโนมัติด้วยค่ะ

ที่ Hotel Gracery Tamachi มีห้องให้เลือกหลายแบบตามความสะดวกค่ะ
Premier Room Single (11th floor)
Premier Room Semi-double (11th floor)
Standard Single
Standard Twin
Deluxe Twin
Double
Standard Semi-double
Ladies Room Single
Theater Room
Tatami Room Twin

ห้องของ มิกิ ที่ทีมงานจัดไว้ให้ก็คือ แบบLadies Room Single ค่ะ
ตอนแรกก็คิดว่าคงจะเหมือนกับห้องปกติ แค่เล็กกว่าห้องทั่วไปนิดนึง แต่ว่า . . .ที่จริงแล้วห้องแบบสาว ๆ มีความลับซ่อนอยู่แบบที่ห้องปกติไม่มีด้วยล่ะค่ะ > . <

ส่วนของ Ladies Room Single จะอยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ
Key card ของแต่ละห้องจะสามารถกดไปชั้นของห้องตัวเองได้เท่านั้น . . . ไปเกรียนแกล้งเคาะห้องเพื่อนไม่ได้ถ้าอยู่คนละชั้นนะคะ อิ อิ

พอออกจากลิฟท์มาก็จะเจอห้องสำหรับตู้น้ำแบบหยอดเหรียญ

น้ำดื่มขวดละ 140 เยน ( ราคาปกติตามตู้ค่ะ แต่ถ้าในร้านสะดวกซื้อจะประมาณ 110 เยน )
สำหรับคนที่ไม่อยากดื่มน้ำก๊อก อยู่ ๆ ตื่นมาหิวน้ำตอนตี 3 ไม่อยากเดินออกไปซื้อน้ำข้างนอก แบบนี้ก็สะดวกค่ะ

ถัดมาก็จะเป็นห้องนั่งเล่น

ดูกว้างแล้วก็สบายด้วยค่ะ
ก็เดินลากกระเป๋ามาตามทาง แต่ . . .

ข้างหน้านี่ทางตันนี่นา - -" ประตูทางด้านขวาก็สำหรับพนักงานเท่านั้น !!
มิกิ ยืน งง อยู่สักพัก ( เอาไงดีเนี่ย ) ก่อนที่จะหันมาเจอนี่

อ๋อ ต้องใช้ Key Card นี่เอง ^ ^"

แล้วประตูลับก็เปิดออก ( อย่างกับเล่นซ่อนหาแน่ะ ฮ่า ๆ ๆ )
อันนี้ชอบมากเลยค่ะ ลึกลับ ตื่นเต้น แล้วก็รู้สึกปลอดภัยดีด้วย

เปิดประตูเข้ามาก็เจอห้องที่ดูเงียบ สงบ แล้วก็ส่วนตัวแบบสาว ๆ แบบนี้

เป็นห้องที่ดูผู้หญิงมาก ๆ น่ารัก >,<
( แต่อาจจะเล็กไปนิดนึงสำหรับสาวนักช็อปนะคะ กางกระเป๋าใหญ่ได้ใบเดียวนะ กางแล้วต้องเก็บด้วย ไม่งั้นไม่มีทางเดิน ^ ^ )

มองจากเก้าอี้ที่ติดกับเตียง ( มีกระจกบานใหญ่ตรงข้ามกระเป๋าด้วยนะคะ )

บนกระจกก็มีที่เอาไว้แขวนเสื้อ พร้อมไม้แขวน
ทีนี้ถึงเวลาซนแล้วสิ . . . เริ่มมองหาว่าในห้องนี้มีอะไรอยู่บ้าง

อุปกรณ์เกี่ยวกับรองเท้า

ที่ชั่งน้ำหนัก และ อะไร ?? เครื่องเป่าผ้าแห้งหรือเปล่า อิ อิ
( ไม่ได้ใช้เลยทั้ง 2 อย่าง -0- )

โต๊ะที่มีของใช้วางไว้เพียบ

ทีวี และ ที่ม้วนผม !! ( เดี๋ยวนะ ที่ม้วนผมนี่คนที่มาพักก่อนหน้าลืมไว้หรือเปล่า ? )

มีวิธีการใช้ด้วย . . . นี่เป็นเครื่องอำนวยความสะดวกในห้องนี่นา ดีจัง ไม่ต้องแบกมาเอง
( ประหยัดเนื้อที่ และ น้ำหนักในกระเป๋าได้อีกนิดนึง )

ที่วางหนังสือ พร้อมอุปกรณ์การเขียน

ตอนกลับมาถึงห้อง นั่งชิล ๆ เขียนไดอารี่ไปก็เพลินดีนะคะ
มิกิ คิดว่าห้องแบบนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากห้องธรรมดาเยอะเหมือนกัน ดูเหมือนไม่ใช่ห้องแบบที่มานอน วางกระเป๋า เช้าก็ลุกออกไป แต่ห้องนี้เหมือนได้นั่งชิล พักผ่อน แบบโลกส่วนตัวเลย

เก้าอี้ตัวเตี้ย ๆ นั่งสบาย ๆ

แล้วนี่คืออะไรละเนี่ย !! แบบนี้ไมเคยเห็น

มีสายไฟ ปุ่มเปิด ก็เลยเดาว่าน่าจะเป็นหมอนที่เปิดแล้วให้ความอุ่น ช่วงหน้าหนาว

บนโต๊ะมีที่เสียบปลั๊กไฟ แล้วก็ที่เสียบสาย Lan ด้วย
( พกปลั๊กพ่วงมาก็ดีนะคะ สำหรับใครที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้ามาเยอะ )

ตรงที่เขียนหนังสือเปิดขึ้นมาได้ด้วยค่ะ

มีสาย Lan กระจกแต่งหน้า แล้วก็เอกสาร

เปิดขึ้นมาด้านบนก็เป็นกระจกใบใหญ่ แล้วก็มี ใบเล็กด้วย
มาถึงปลายเตียงกันบ้างค่ะ . . . เอ๊ะ !! แต่เดี๋ยวสิ
ยังไม่ได้ให้ดูแถวเตียงชัด ๆ เลย
แถว ๆ หัวเตียงก็มีอะไรน่าสนใจด้วยล่ะ

โทรศัพท์อยู่ใกล้มือมาก ( ตื่นมาโทรปลุกเพื่อนได้เลย หรือ เพื่อนโทรมาก็รับได้เลย แต่ . . . รับแล้วนอนต่อนะ 555 )

สำหรับเปิด - ปิด ไฟในห้องค่ะ

มีที่ชาร์จแบตด้วย

ถึงจะลืมเอาสายชาร์จไปก็ไม่เป็นปัญหา ( แต่ว่าจะชาร์จช้ากว่าแบบปกติหน่อยนะคะ )

เตียงนุ่ม สบาย ไม่สูง เหมาะสำหรับคนนอนดิ้น และ ชอบกลิ้งตกเตียงมาก ๆ เลย

มีชุดนอนให้ด้วย

โรงแรมที่ญี่ปุ่นส่วนมากจะมีชุดนอนไว้ให้ค่ะ ไม่ต้องพกชุดนอนมาเอง . . . ด้วย
แต่ที่จริง นอนคนเดียวชุดนอนไม่ต้องก็ได้เน๊อะ อิ อิ ( หมายถึงกลับมาก็หลับเลย ไม่มีคนรู้หรอกว่าไม่ได้อาบน้ำนะ ฮาาาา )
กลับมาที่ปลายเตียงกันเถอะค่ะ ก่อนจะพากันคิดออกนอกทะเล

เวลาที่เรานอนอยู่บนเตียง ลืมตาขึ้นมาที่ปลายเตียงเราก็จะเจอ !!
เจอ . . . ห้องน้ำค่ะ ฮ่า ๆ  แล้วก็โต๊ะที่เอาไว้วางอะไรสักอย่าง

บนโต๊ะนี้ก็จะมี กาต้มน้ำ ที่ทำความชื้น นาฬิกา และคู่มือการใช้งาน

เปิดตู้มาก็จะเจอ . . . ตู้เย็น และ อุปกรณฺอื่น ๆ ( เยอะดีจัง )

บางอย่างก็หน้าตาไม่คุ้นเคยเลย

ที่เห็นก็จะเป็นสเปรย์ที่เอาไว้ฉีดดับกลิ่นที่เสื้อค่ะ เพราะบางทีเราอาจจะไม่ได้ซักเสื้อกันหนาว กางเกงยีนส์กันทุกวัน หรือบางทีไปกินร้านปิ้งย่าง กลับมาทีกลิ่นอาหารติดเต็มเสื้อเลย
แล้วก็มีที่รีดผ้าค่ะ ( ห้องสำหรับกุลสตรีอย่างแท้จริงเลยนะเนี่ย )
แก้ว กาแฟ ชา

มีทั้งชาฝรั่ง และ ชาญี่ปุ่น

กาแฟก็มีน๊า

ด้านล่างก็เป็นตู้เย็น . . .

แต่ว่า ถ้าใส่ของไว้ในตู้เย็น ใช้ Post it หรือ เขียน Note วางเอาไว้กันลืมก็ดีนะคะ เพราะหลายที มิกิ ลืมกินทุกที - -" นึกได้อีกทีตอนออกมาแล้ว แถมมีครั้งนึงของแพงด้วย อดเลย T^T ช้ำใจมาก
ชื่อสินค้า:   Hotel Gracery Tamachi
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่