ทำงานมา 3 ปี ทำไมเงินเดือนถึงไม่ขึ้นเลย?
วันนี้ผมขอแนะนำบทความดีๆ จาก "Pink Planet TH" ครับ ผมว่ามันตรงใจและทำให้พนักงานเราๆหลายๆคนเข้าใจได้ว่ามำไมเราทำงานมานาน ไม่เคยมาสายเลย ทำตามกฎบริษัทก็ทั้งหมด แต่เงินเดือนเราไม่ขึ้นสักที ตอนผมมาทำงานครั้งแรก ผมก็เหมือนกับหลายๆคนครับ ไม่รู้จักวิธีใช้อุปกรณ์สำนักงานบางอย่าง เช่น เครื่องซีร็อก (ก็ปกติเราไปร้านซีร็อก ไม่ได้ทำเองที่บ้านนิครับ ใช่ไหม) หรือภาษาอังกฤาผมก็งูๆปลาๆพูดกระท่อนกระแทน แต่นายผม (คนต่างชาติครับ) เค้าพูดว่า "ไม่ใช่ทุกคนที่เก่งมาแต่เกิด แต่ผมเชื่อว่า คนทุกคนพัฒนาได้ ดังนั้นถ้าคุณรู้จักพัฒนาตนเอง คุณจะไปได้ไกล" ผมนี่ประทับใจเลยครับ เอาล่ะ มาเข้าเรื่องเล่าจาก Pink Planet TH ที่ว่า ทำไมคนคนนี้เค้าทำงานกับบริษัทนึงมา 3 ปีแล้ว แต่บริษัทกลับไม่พิจารณาขึ้นเงินเดือนให้เค้าสักทีกันครับ
สุดท้ายนี้ ขอให้คุณๆทุกคน อย่าเป็นเหมือนกับ แก้วน้ำที่บรรจุน้ำเต็มแก้วที่มันเติมเท่าไหร่ก็ล้น และไม่รับอะไรใหม่ๆแล้วนะครับ
ผมทำงานที่บริษัทฯ ใกล้จะครบสามปีแล้ว เพื่อนร่วมงานที่เข้ามาทีหลังผมต่างทยอยได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น ผมกลับจมอยู่ที่เดิม
ความรู้สึกภายในจิตใจยากที่จะรับได้
จนกระทั่งวันหนึ่ง เสี่ยงกับการถูกเลิกจ้าง ผมขอพบเจ้านายเพื่อคุยถึงสาเหตุ
"เจ้านาย ผมเคยมาสาย กลับก่อนเวลา หรือ ละเมิดกฎระเบียบหรือไม่"
เจ้านายตอบทันทีว่า "ไม่เคยและไม่มี"
"ถ้าเช่นนั้น เป็นเพราะบริษัทฯมีความลำเอียง อยุติธรรมกับผมหรือ"
เจ้านายอึ้งก่อน แล้วพูดว่า "ไม่มี ไม่ใช่แน่นอน"
"แล้วทำไม ผู้ที่อายุงานน้อยกว่าผม กลับได้รับความสำคัญ ความไว้วางใจในหน้าที่ปฎิบัติงาน แต่ผมกลับอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ที่ไม่สำคัญมาตลอด"
เจ้านายนิ่งเงียบ ไม่สามารถหาคำพูดมาตอบผมทันที จากนั้นยิ้มๆ แล้วพูดว่า
"ปัญหาของเธอเดี๋ยวเราค่อยคุยกันใหม่
เวลานี้ ผมมีเรื่องเร่งด่วนสำคัญอยู่เรื่องหนึ่ง ช่วยผมจัดการไปก่อน มีลูกค้าเจ้าหนึ่ง เตรียมตัวมาที่บริษัทฯ เพื่อตรวจสอบสินค้า"
เจ้านายให้ผมติดต่อพวกเขา สอบถามว่า จะมาถึงเมื่อไหร่ ผมคิดในใจว่า
"นี่หรือ งานเร่งด่วนเร่งรีบที่สำคัญ"
ก่อนก้าวออกจากประตู ผมอดไม่ได้จะคิดเยาะเย้ย สิบห้านาทีไม่ถึง ผมกลับเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านาย
"ติดต่อได้หรือยัง" เจ้านายถาม
"ติดต่อได้แล้ว พวกเขาบอกว่า อาจจะมาสัปดาห์หน้า"
"สัปดาห์หน้า วันเฉพาะเจาะจงคือวันไหน"
"ผมไม่ได้ถามรายละเอียด"
"พวกเขาจะมากันกี่คน"
"โอ้...ท่านไม่ได้ให้ผมถามเรื่องนี้น่ะ"
"งั้นพวกเขาจะมาทางรถไฟหรือเครื่องบิน"
"นี่ท่านก็ไม่ได้บอกให้ผมถามสักหน่อย"
เจ้านายไม่พูดอะไรอีก ท่านโทรศัพท์เรียกจูเจิ้นเข้ามา
จูเจิ้นเข้ามาบริษัทฯหลังผมหนึ่งปี ตอนนี้เป็นผู้ควบคุมรับผิดชอบแผนกหนึ่งไปแล้ว เขาได้รับหน้าที่เหมือนกันกับผมที่ได้รับเมื่อสักครู่ เวลาผ่านไปครู่เดียว จูเจิ้นก็เดินกลับมา
"อ้อ...เป็นอย่างนี้" จูเจิ้นเริ่มรายงาน
"พวกเขาจะมาโดยเครื่องบิน เที่ยวบ่ายสามโมง วันศุกร์ จะมาถึงประมาณหกโมงเย็น เดินทางมาทั้งหมดห้าคน นำคณะโดยฝ่ายจัดซื้อผู้จัดการหวัง"
"ผมบอกพวกเขาแล้วว่า ทางบริษัทฯเรา จะส่งคนไปรับ นอกเหนือจากนี้ พวกเขาวางแผนตรวจสอบสองวัน รายละเอียดเจาะจงเมื่อพวกเขามาถึงแล้ว ค่อยปรึกษาหารือร่วมกันทั้งสองฝ่าย"
"เพื่อความสะดวกในการปฎิบัติงาน ผมขอเสนอจัดหาที่พักระดับอินเตอร์ที่อยู่ใกล้กับบริษัทฯให้แก่พวกเขา หากท่านเห็นด้วย พรุ่งนี้ผมก็จะจองห้องพักไว้ล่วงหน้า"
"นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีกเรื่อง กรมอุตุฯ รายงานว่า สัปดาห์หน้าฝนจะตก ผมจะคอยติดต่อสื่อสารพวกเขาตลอด หากมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ผมจะรายงานท่านทันที"
หลังจากจูเจิ้นออกไปจากห้องแล้ว เจ้านายแตะไหล่ผม แล้วพูดว่า
"ตอนนี้ เรามาคุยถึงปัญหาของของเธอต่อ"
"ไม่ต้องแล้ว ผมรู้สาเหตุแล้วว่าเพราะเหตุใด รบกวนท่านมากแล้ว"
ผมเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า ไม่มีใครเกิดมาก็สามารถแบกรับภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ ล้วนเริ่มจากความเรียบง่าย เริ่มทำจากเรื่องเล็กๆที่เรียบง่าย วันนี้ เธอติดแผ่นฉลากให้เธอเองเช่นไร อาจกำหนดตัดสินว่า พรุ่งนี้เธอจะเป็นผู้ที่สมควรได้รับมอบหมาย ภารกิจที่ใหญ่ขึ้นหรือไม่
ระยะห่างของความสามารถ มีผลกระทบโดยตรงกับผลของชิ้นงาน ไม่ว่าองค์กรใดบริษัทฯใด ก็ต้องการบุคคลที่ทำงาน ที่มีความสามารถ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่อยู่ในตัวตัวเอง
พนักงานที่มีความโดดเด่น ยอดเยี่ยม ล้วนไม่ต้องให้ผู้อื่นมาบอกมากล่าวว่า
จะต้องทำอะไรถึงจะขยับตัวทำ แต่จะทำความเข้าใจด้วยตนเองว่า สมควรทำอะไร หลังจากนั้นทุ่มเทแรงกาย แรงใจ กระทำจนสำเร็จ
ท่องไว้ในใจนะ......นายสั่งให้ทำหนึ่ง...สอง...สาม....
สิ่งที่เราทำคือ..หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก...เจ็ดแปดเก้า เก็บไว้ในกระเป๋า....สิบสิบเอ็ดสิบสอง อยู่ในสมอง....ทันที พร้อมเอาออกมาใช้ในทุกสถานการณ์
ที่มา: Pink Planet TH
AEC Job Listing
www.aecenlist.com
www.facebook.com/aecenlist
ทำงานมา 3 ปี ทำไมเงินเดือนถึงไม่ขึ้นเลย?
วันนี้ผมขอแนะนำบทความดีๆ จาก "Pink Planet TH" ครับ ผมว่ามันตรงใจและทำให้พนักงานเราๆหลายๆคนเข้าใจได้ว่ามำไมเราทำงานมานาน ไม่เคยมาสายเลย ทำตามกฎบริษัทก็ทั้งหมด แต่เงินเดือนเราไม่ขึ้นสักที ตอนผมมาทำงานครั้งแรก ผมก็เหมือนกับหลายๆคนครับ ไม่รู้จักวิธีใช้อุปกรณ์สำนักงานบางอย่าง เช่น เครื่องซีร็อก (ก็ปกติเราไปร้านซีร็อก ไม่ได้ทำเองที่บ้านนิครับ ใช่ไหม) หรือภาษาอังกฤาผมก็งูๆปลาๆพูดกระท่อนกระแทน แต่นายผม (คนต่างชาติครับ) เค้าพูดว่า "ไม่ใช่ทุกคนที่เก่งมาแต่เกิด แต่ผมเชื่อว่า คนทุกคนพัฒนาได้ ดังนั้นถ้าคุณรู้จักพัฒนาตนเอง คุณจะไปได้ไกล" ผมนี่ประทับใจเลยครับ เอาล่ะ มาเข้าเรื่องเล่าจาก Pink Planet TH ที่ว่า ทำไมคนคนนี้เค้าทำงานกับบริษัทนึงมา 3 ปีแล้ว แต่บริษัทกลับไม่พิจารณาขึ้นเงินเดือนให้เค้าสักทีกันครับ
สุดท้ายนี้ ขอให้คุณๆทุกคน อย่าเป็นเหมือนกับ แก้วน้ำที่บรรจุน้ำเต็มแก้วที่มันเติมเท่าไหร่ก็ล้น และไม่รับอะไรใหม่ๆแล้วนะครับ
ผมทำงานที่บริษัทฯ ใกล้จะครบสามปีแล้ว เพื่อนร่วมงานที่เข้ามาทีหลังผมต่างทยอยได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น ผมกลับจมอยู่ที่เดิม
ความรู้สึกภายในจิตใจยากที่จะรับได้
จนกระทั่งวันหนึ่ง เสี่ยงกับการถูกเลิกจ้าง ผมขอพบเจ้านายเพื่อคุยถึงสาเหตุ
"เจ้านาย ผมเคยมาสาย กลับก่อนเวลา หรือ ละเมิดกฎระเบียบหรือไม่"
เจ้านายตอบทันทีว่า "ไม่เคยและไม่มี"
"ถ้าเช่นนั้น เป็นเพราะบริษัทฯมีความลำเอียง อยุติธรรมกับผมหรือ"
เจ้านายอึ้งก่อน แล้วพูดว่า "ไม่มี ไม่ใช่แน่นอน"
"แล้วทำไม ผู้ที่อายุงานน้อยกว่าผม กลับได้รับความสำคัญ ความไว้วางใจในหน้าที่ปฎิบัติงาน แต่ผมกลับอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ที่ไม่สำคัญมาตลอด"
เจ้านายนิ่งเงียบ ไม่สามารถหาคำพูดมาตอบผมทันที จากนั้นยิ้มๆ แล้วพูดว่า
"ปัญหาของเธอเดี๋ยวเราค่อยคุยกันใหม่
เวลานี้ ผมมีเรื่องเร่งด่วนสำคัญอยู่เรื่องหนึ่ง ช่วยผมจัดการไปก่อน มีลูกค้าเจ้าหนึ่ง เตรียมตัวมาที่บริษัทฯ เพื่อตรวจสอบสินค้า"
เจ้านายให้ผมติดต่อพวกเขา สอบถามว่า จะมาถึงเมื่อไหร่ ผมคิดในใจว่า
"นี่หรือ งานเร่งด่วนเร่งรีบที่สำคัญ"
ก่อนก้าวออกจากประตู ผมอดไม่ได้จะคิดเยาะเย้ย สิบห้านาทีไม่ถึง ผมกลับเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านาย
"ติดต่อได้หรือยัง" เจ้านายถาม
"ติดต่อได้แล้ว พวกเขาบอกว่า อาจจะมาสัปดาห์หน้า"
"สัปดาห์หน้า วันเฉพาะเจาะจงคือวันไหน"
"ผมไม่ได้ถามรายละเอียด"
"พวกเขาจะมากันกี่คน"
"โอ้...ท่านไม่ได้ให้ผมถามเรื่องนี้น่ะ"
"งั้นพวกเขาจะมาทางรถไฟหรือเครื่องบิน"
"นี่ท่านก็ไม่ได้บอกให้ผมถามสักหน่อย"
เจ้านายไม่พูดอะไรอีก ท่านโทรศัพท์เรียกจูเจิ้นเข้ามา
จูเจิ้นเข้ามาบริษัทฯหลังผมหนึ่งปี ตอนนี้เป็นผู้ควบคุมรับผิดชอบแผนกหนึ่งไปแล้ว เขาได้รับหน้าที่เหมือนกันกับผมที่ได้รับเมื่อสักครู่ เวลาผ่านไปครู่เดียว จูเจิ้นก็เดินกลับมา
"อ้อ...เป็นอย่างนี้" จูเจิ้นเริ่มรายงาน
"พวกเขาจะมาโดยเครื่องบิน เที่ยวบ่ายสามโมง วันศุกร์ จะมาถึงประมาณหกโมงเย็น เดินทางมาทั้งหมดห้าคน นำคณะโดยฝ่ายจัดซื้อผู้จัดการหวัง"
"ผมบอกพวกเขาแล้วว่า ทางบริษัทฯเรา จะส่งคนไปรับ นอกเหนือจากนี้ พวกเขาวางแผนตรวจสอบสองวัน รายละเอียดเจาะจงเมื่อพวกเขามาถึงแล้ว ค่อยปรึกษาหารือร่วมกันทั้งสองฝ่าย"
"เพื่อความสะดวกในการปฎิบัติงาน ผมขอเสนอจัดหาที่พักระดับอินเตอร์ที่อยู่ใกล้กับบริษัทฯให้แก่พวกเขา หากท่านเห็นด้วย พรุ่งนี้ผมก็จะจองห้องพักไว้ล่วงหน้า"
"นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีกเรื่อง กรมอุตุฯ รายงานว่า สัปดาห์หน้าฝนจะตก ผมจะคอยติดต่อสื่อสารพวกเขาตลอด หากมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ผมจะรายงานท่านทันที"
หลังจากจูเจิ้นออกไปจากห้องแล้ว เจ้านายแตะไหล่ผม แล้วพูดว่า
"ตอนนี้ เรามาคุยถึงปัญหาของของเธอต่อ"
"ไม่ต้องแล้ว ผมรู้สาเหตุแล้วว่าเพราะเหตุใด รบกวนท่านมากแล้ว"
ผมเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า ไม่มีใครเกิดมาก็สามารถแบกรับภาระหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ ล้วนเริ่มจากความเรียบง่าย เริ่มทำจากเรื่องเล็กๆที่เรียบง่าย วันนี้ เธอติดแผ่นฉลากให้เธอเองเช่นไร อาจกำหนดตัดสินว่า พรุ่งนี้เธอจะเป็นผู้ที่สมควรได้รับมอบหมาย ภารกิจที่ใหญ่ขึ้นหรือไม่
ระยะห่างของความสามารถ มีผลกระทบโดยตรงกับผลของชิ้นงาน ไม่ว่าองค์กรใดบริษัทฯใด ก็ต้องการบุคคลที่ทำงาน ที่มีความสามารถ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่อยู่ในตัวตัวเอง
พนักงานที่มีความโดดเด่น ยอดเยี่ยม ล้วนไม่ต้องให้ผู้อื่นมาบอกมากล่าวว่า
จะต้องทำอะไรถึงจะขยับตัวทำ แต่จะทำความเข้าใจด้วยตนเองว่า สมควรทำอะไร หลังจากนั้นทุ่มเทแรงกาย แรงใจ กระทำจนสำเร็จ
ท่องไว้ในใจนะ......นายสั่งให้ทำหนึ่ง...สอง...สาม....
สิ่งที่เราทำคือ..หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก...เจ็ดแปดเก้า เก็บไว้ในกระเป๋า....สิบสิบเอ็ดสิบสอง อยู่ในสมอง....ทันที พร้อมเอาออกมาใช้ในทุกสถานการณ์
ที่มา: Pink Planet TH
AEC Job Listing
www.aecenlist.com
www.facebook.com/aecenlist