..
ถ้าทุก ๆ ครั้งที่ออกเดินทางมันคือความสุข
ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ระหว่างการเดินทางเราจะเจอกับความทุกข์
ทั้งทุกข์ที่เกิดมาจากตัวเราเองหรือคนอื่นเป็นผู้กระทำ
วันนี้ทิไม่มีรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว หรือ รูปถ่ายสวย ๆ มาให้ดูเหมือนทุกครั้ง
แต่จะมารีวิวการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะระหว่างเชียงใหม่ - กรุงเทพฯ
ในค่ำคืนของวันที่ผ่านมา (คืนวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2558)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยปกติทิจะเดินทางขึ้นลงกรุงเทพ - เชียงใหม่ทุกเดือนอยู่แล้ว
แล้วแต่ว่าวันนั้นจะเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะหรือเครื่องบิน
รอบนี้ทิกลับบ้าน 4 วันไปเครื่องบินแต่กลับรถโดยสารสาธารณะ
เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2558 เที่ยวเวลา 19.30 น. เลขที่นั่ง B1
เบาะด้านข้างทิ (A1) เป็นฝรั่งสาววัยรุ่นผมทองตาสีฟ้าคุยเก่งเดินทางคนเดียว
เบาะด้านหลังฝรั่ง (A2) เด็กผู้ชายลูกครึ่งไทย - จีน อายุประมาณ 4 ขวบ
เบาะด้านหลังทิ (ฺB2) แม่เด็กชาวจีนพูดจีนปร๋อ - พูดไทยได้อายุประมาณ 30 ปี
เบาะ (C2) ผู้หญิงชาวจีนพูดไทยได้ญาติกับ B2
เบาะ (D2) เด็กผู้ชายอีก 1 คน อายุประมาณ 4 ขวบ
สรุปว่าก๊วนนี้เดินทางกัน 4 คน คือ A2 B2 C2 D2
กรณีที่ 1
ตั้งแต่รถเริ่มออกเดินทางจากเชียงใหม่ 19.30 น.
จนเวลาผ่านไปประมาณถึงลำปาง
ผู้หญิงชาวจีน B2 คุยโทรศัพท์ด้วยภาษาจีนเสียงดัง
ในระดับที่สร้างความรำคาญให้ทิพอสมควร
คุยอยู่แลบบนั้นเป็นชั่วโมง ทิหันหน้าไปมอง 2 ครั้ง
เธอยังนิ่งเฉย สายตาเลื่อนลอยไม่สนใจโลก
จนญาติที่มากับเธอเบาะ C2 ต้องหันมาเตือนเธอเป็นภาษาไทย
"คุยเบา ๆ หน่อย เห็นมั้ยเค้าหันมามองแล้ว"
การเตือนของญาติเธอทำให้สถานการณ์ดีขึ้นนิดนึง
เธอหรี่เสียงเธอลงนิดนึง ประมาณถ้าหมุนวอลุ่มไปที่เลข 10 เธอลดลงเหลือ 8
แล้วเธอก็หันไปโขมงโฉงเฉงภาษาบ้านเกิดเธอต่อไปแบบไม่สนใจสายตาทิ
ถ้าตีความจากหน้าเธอได้ ก็คงประมาณ
" I don't care นี่มันเรื่องของกรูนะคะ "
กรณีที่ 2
เด็กที่นั่ง A2 เริ่มสร้างความวุ่นวายตั้งแต่รถเริ่มเคลื่อนตัว
ส่งเสียงดังทั้งร้องเพลง พูด ๆ ๆ ๆ ๆ นั่นนี่ ไม่หยุดปาก
ในกรณีนี้ทิเข้าใจว่าเค้าคือ
"เด็ก" เด็กที่ไม่ประสีประสาอะไร
แต่ไม่ได้มีการถูกห้ามปรามจากแม่เด็กแต่อย่างใด
เพราะตัวแม่ก็เมาท์มอยหอยแหกกับคนในโทรศัพท์อยู่
เด็กคนนี้ไฮเปอร์ในระดับซุปเปอร์พลัสมากคือพูดไม่หยุดปาก
ตั้งแต่เชียงใหม่ไปจนถึงอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
ส่งเสียงแข่งกับแม่ของเค้าเซ็งแซ่อยู่ข้างหูทิเพราะทิเอนเบาะลงไปนอนแล้ว
ทั้งสองกรณีที่เกิดขึ้นแรก ๆ ทิพยายามอดทน
ข่มตาหลับทั้ง ๆ ที่เสียงดังอยู่บนหัวและด้านหลังตลอดเวลา
การหันไปมอง 2 ครั้งของทิทั้งแม่เด็กและเด็กไม่ได้รู้สึกอะไรกับสายตาของทิ
จนความอดทนของทิถึงขีดสุด เลยหันไปพูดกับแม่เด็กแบบประจัญหน้า
"กรุณาใช้เสียงค่อย ๆ หน่อยนะคะ ช่วยรักษามารยาทด้วย
นี่รถโดยสารสาธารณะ ไม่ใช่รถส่วนตัว ดูแลมารยาทของคุณและลูกคุณด้วย"
นี่คือสิ่งที่ทิพูดกับสองแม่ลูกนั่น ตัวแม่ตีหน้ามึน แต่รีบเอาลูกมาอุ้มไว้
เหมือนกับทิกำลังทำร้ายโบยตีลูกเค้าอยู่
พูดกับลูกเบา ๆ ว่า
"นอน ๆ" เท่านี้ เท่านี้จริง ๆ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือเธอวางสายโทรศัพท์เลิกคุย (โอ้วววว เพิ่งจะสำนึก)
แต่ลูกของเธอยังไม่หยุดส่งเสียง และยิ่งหนักข้อขึ้น
เธอก็ยังนิ่งเฉยไม่มีการพูดจา บอกกล่าว สั่งสอนลูก
ฝรั่งข้าง ๆ ส่งหูฟังคืนให้ทิ เพราะทิให้เค้ายืมหูฟังไปดูหนัง
แต่ทิก็บอกว่าไม่เป็นไร คุณดูต่อไปเถอะทิทนได้เพราะทนมาสองชั่วโมงแล้ว
เดี๋ยวตอนพักรถเพื่อกินข้าวต้มคงจะต้องทำอะไรสักอย่าง
ทิอดทนหลับ ๆ ตื่น ๆ ฟังสองแม่ลูกบ้งเบ้ง ล้งเล้งกันตลอดทาง
จนรถมาจอดที่จุดพักรถแถวกำแพงเพชร ทิเดินสำรวจว่าพอจะมีเบาะว่าง
เพราะว่าเป็นคืนวันเสาร์รถไม่เต็มทุกที่นั่ง ทิเลยย้ายตัวเองมานั่ง A6
อย่างน้อยก็ยังพอได้หลับบ้างครึ่งคืนก็ยังดี
เพราะเช้าวันนี้ (อาทิตย์ที่ 8 มีนา 58) ทิต้องมาทำงานแต่เช้า
..
ที่เอาเรื่องนี้มาเล่าเพื่ออยากให้เห็นว่ามารยาท จิตสำนึก
ล้วนเป็นสิ่งพื้นฐานที่ควรปลูกฝังลงไปในจิตใจเด็ก
นี่ตัวแม่ของเด็กเองก็ไม่มีมารยาท ไม่มีจิตสำนึก
ไม่มีแม้แต่ศักยภาพในความเป็นแม่ที่ดี
การที่คุณตัดสินใจใช้รถโดยสารสาธารณะแบบนี้
คุณต้องสามารถควบคุมดูแลลูกคุณได้
แต่นี่แม้แต่ตัวของตัวเองยังควบคุมดูแลตัวเองไม่ได้เลย
ไม่ต้องไปถามถึงว่าจะควบคุมดูแลลูกได้ยังไง
ทิไม่อยากโทษไปถึงสัญชาติ เชื้อชาติชาวจีน
ที่ตอนนี้ออกมาก่อความวุ่นวายในบ้านเรากันมากกมาย
แต่ทิอยากโทษไปที่การปลูกฝังจากรุ่นสู่รุ่นของคน ๆ นั้นมากกว่า
ที่ไม่เคยได้รับการเลี้ยงดูอบรมและปลูกฝัง
ยิ่งคุณแสดงนิสัยแบบไหนออกมา
เด็กข้าง ๆ ตัวก็จะถูกหล่อหลอมออกมาแบบนั้น
ยิ่งคนเป็นแม่ทำตัวแบบนี้ คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือลูก
ที่ไม่เคยได้รับการอบรมสั่งสอนที่ถูกต้อง
แล้วมันก็จะถ่ายทอดกันไปแบบนี้จากรุ่นสู่รุ่นไปอีกนาน
คนประเภทนี้ก็จะไม่มีวันหมดไปจากโลกนี้.
..
[CR] : : : : : ผีจีน .. ผีเด็ก .. บนรถโดยสารสาธารณะ .. มารยาทที่ควรมีหรือตีมึน ? : : : : :
ถ้าทุก ๆ ครั้งที่ออกเดินทางมันคือความสุข
ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ระหว่างการเดินทางเราจะเจอกับความทุกข์
ทั้งทุกข์ที่เกิดมาจากตัวเราเองหรือคนอื่นเป็นผู้กระทำ
วันนี้ทิไม่มีรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว หรือ รูปถ่ายสวย ๆ มาให้ดูเหมือนทุกครั้ง
แต่จะมารีวิวการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะระหว่างเชียงใหม่ - กรุงเทพฯ
ในค่ำคืนของวันที่ผ่านมา (คืนวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2558)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยปกติทิจะเดินทางขึ้นลงกรุงเทพ - เชียงใหม่ทุกเดือนอยู่แล้ว
แล้วแต่ว่าวันนั้นจะเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะหรือเครื่องบิน
รอบนี้ทิกลับบ้าน 4 วันไปเครื่องบินแต่กลับรถโดยสารสาธารณะ
เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2558 เที่ยวเวลา 19.30 น. เลขที่นั่ง B1
เบาะด้านข้างทิ (A1) เป็นฝรั่งสาววัยรุ่นผมทองตาสีฟ้าคุยเก่งเดินทางคนเดียว
เบาะด้านหลังฝรั่ง (A2) เด็กผู้ชายลูกครึ่งไทย - จีน อายุประมาณ 4 ขวบ
เบาะด้านหลังทิ (ฺB2) แม่เด็กชาวจีนพูดจีนปร๋อ - พูดไทยได้อายุประมาณ 30 ปี
เบาะ (C2) ผู้หญิงชาวจีนพูดไทยได้ญาติกับ B2
เบาะ (D2) เด็กผู้ชายอีก 1 คน อายุประมาณ 4 ขวบ
สรุปว่าก๊วนนี้เดินทางกัน 4 คน คือ A2 B2 C2 D2
กรณีที่ 1
ตั้งแต่รถเริ่มออกเดินทางจากเชียงใหม่ 19.30 น.
จนเวลาผ่านไปประมาณถึงลำปาง
ผู้หญิงชาวจีน B2 คุยโทรศัพท์ด้วยภาษาจีนเสียงดัง
ในระดับที่สร้างความรำคาญให้ทิพอสมควร
คุยอยู่แลบบนั้นเป็นชั่วโมง ทิหันหน้าไปมอง 2 ครั้ง
เธอยังนิ่งเฉย สายตาเลื่อนลอยไม่สนใจโลก
จนญาติที่มากับเธอเบาะ C2 ต้องหันมาเตือนเธอเป็นภาษาไทย
"คุยเบา ๆ หน่อย เห็นมั้ยเค้าหันมามองแล้ว"
การเตือนของญาติเธอทำให้สถานการณ์ดีขึ้นนิดนึง
เธอหรี่เสียงเธอลงนิดนึง ประมาณถ้าหมุนวอลุ่มไปที่เลข 10 เธอลดลงเหลือ 8
แล้วเธอก็หันไปโขมงโฉงเฉงภาษาบ้านเกิดเธอต่อไปแบบไม่สนใจสายตาทิ
ถ้าตีความจากหน้าเธอได้ ก็คงประมาณ
" I don't care นี่มันเรื่องของกรูนะคะ "
กรณีที่ 2
เด็กที่นั่ง A2 เริ่มสร้างความวุ่นวายตั้งแต่รถเริ่มเคลื่อนตัว
ส่งเสียงดังทั้งร้องเพลง พูด ๆ ๆ ๆ ๆ นั่นนี่ ไม่หยุดปาก
ในกรณีนี้ทิเข้าใจว่าเค้าคือ "เด็ก" เด็กที่ไม่ประสีประสาอะไร
แต่ไม่ได้มีการถูกห้ามปรามจากแม่เด็กแต่อย่างใด
เพราะตัวแม่ก็เมาท์มอยหอยแหกกับคนในโทรศัพท์อยู่
เด็กคนนี้ไฮเปอร์ในระดับซุปเปอร์พลัสมากคือพูดไม่หยุดปาก
ตั้งแต่เชียงใหม่ไปจนถึงอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
ส่งเสียงแข่งกับแม่ของเค้าเซ็งแซ่อยู่ข้างหูทิเพราะทิเอนเบาะลงไปนอนแล้ว
ทั้งสองกรณีที่เกิดขึ้นแรก ๆ ทิพยายามอดทน
ข่มตาหลับทั้ง ๆ ที่เสียงดังอยู่บนหัวและด้านหลังตลอดเวลา
การหันไปมอง 2 ครั้งของทิทั้งแม่เด็กและเด็กไม่ได้รู้สึกอะไรกับสายตาของทิ
จนความอดทนของทิถึงขีดสุด เลยหันไปพูดกับแม่เด็กแบบประจัญหน้า
"กรุณาใช้เสียงค่อย ๆ หน่อยนะคะ ช่วยรักษามารยาทด้วย
นี่รถโดยสารสาธารณะ ไม่ใช่รถส่วนตัว ดูแลมารยาทของคุณและลูกคุณด้วย"
นี่คือสิ่งที่ทิพูดกับสองแม่ลูกนั่น ตัวแม่ตีหน้ามึน แต่รีบเอาลูกมาอุ้มไว้
เหมือนกับทิกำลังทำร้ายโบยตีลูกเค้าอยู่
พูดกับลูกเบา ๆ ว่า "นอน ๆ" เท่านี้ เท่านี้จริง ๆ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือเธอวางสายโทรศัพท์เลิกคุย (โอ้วววว เพิ่งจะสำนึก)
แต่ลูกของเธอยังไม่หยุดส่งเสียง และยิ่งหนักข้อขึ้น
เธอก็ยังนิ่งเฉยไม่มีการพูดจา บอกกล่าว สั่งสอนลูก
ฝรั่งข้าง ๆ ส่งหูฟังคืนให้ทิ เพราะทิให้เค้ายืมหูฟังไปดูหนัง
แต่ทิก็บอกว่าไม่เป็นไร คุณดูต่อไปเถอะทิทนได้เพราะทนมาสองชั่วโมงแล้ว
เดี๋ยวตอนพักรถเพื่อกินข้าวต้มคงจะต้องทำอะไรสักอย่าง
ทิอดทนหลับ ๆ ตื่น ๆ ฟังสองแม่ลูกบ้งเบ้ง ล้งเล้งกันตลอดทาง
จนรถมาจอดที่จุดพักรถแถวกำแพงเพชร ทิเดินสำรวจว่าพอจะมีเบาะว่าง
เพราะว่าเป็นคืนวันเสาร์รถไม่เต็มทุกที่นั่ง ทิเลยย้ายตัวเองมานั่ง A6
อย่างน้อยก็ยังพอได้หลับบ้างครึ่งคืนก็ยังดี
เพราะเช้าวันนี้ (อาทิตย์ที่ 8 มีนา 58) ทิต้องมาทำงานแต่เช้า
..
ที่เอาเรื่องนี้มาเล่าเพื่ออยากให้เห็นว่ามารยาท จิตสำนึก
ล้วนเป็นสิ่งพื้นฐานที่ควรปลูกฝังลงไปในจิตใจเด็ก
นี่ตัวแม่ของเด็กเองก็ไม่มีมารยาท ไม่มีจิตสำนึก
ไม่มีแม้แต่ศักยภาพในความเป็นแม่ที่ดี
การที่คุณตัดสินใจใช้รถโดยสารสาธารณะแบบนี้
คุณต้องสามารถควบคุมดูแลลูกคุณได้
แต่นี่แม้แต่ตัวของตัวเองยังควบคุมดูแลตัวเองไม่ได้เลย
ไม่ต้องไปถามถึงว่าจะควบคุมดูแลลูกได้ยังไง
ทิไม่อยากโทษไปถึงสัญชาติ เชื้อชาติชาวจีน
ที่ตอนนี้ออกมาก่อความวุ่นวายในบ้านเรากันมากกมาย
แต่ทิอยากโทษไปที่การปลูกฝังจากรุ่นสู่รุ่นของคน ๆ นั้นมากกว่า
ที่ไม่เคยได้รับการเลี้ยงดูอบรมและปลูกฝัง
ยิ่งคุณแสดงนิสัยแบบไหนออกมา
เด็กข้าง ๆ ตัวก็จะถูกหล่อหลอมออกมาแบบนั้น
ยิ่งคนเป็นแม่ทำตัวแบบนี้ คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือลูก
ที่ไม่เคยได้รับการอบรมสั่งสอนที่ถูกต้อง
แล้วมันก็จะถ่ายทอดกันไปแบบนี้จากรุ่นสู่รุ่นไปอีกนาน
คนประเภทนี้ก็จะไม่มีวันหมดไปจากโลกนี้.
..