สวัสดี🙏 เราชื่อเอน่ะ ฮ่าๆๆๆ เราอยากเล่าเรื่องราวดีๆ ความรู้สึกดีๆ ที่เรารู้สึกดีกับคนๆนึง คือเราอ่ะ เป็นเฟรชี่หน้าใสปริ้งปรั่งมาก อุอิ ใช่เราอยู่ปี1 ของมหาลัยที่ดังๆๆแถวศาลายาอ่ะ เอ้าเราขอเกริ่นเรื่องของเราก่อนน่ะ คืองี้เราอ่ะจบม.6มาจากโรงเรียนหญิงล้วนฝั่งธน แล้วไอเรื่องภูมิต้านทานเรื่องผู้ชายต่ำมาก ใครมาทำดีนิดๆหน่อยๆ เราก็พร้อมที่จะแบบว่ารู้สึกดีรู้สึกชอบแล้ว แต่คนๆนี้อ่ะ เค้าทำอะไรให้เรามากมายเกินกว่าที่คนอย่างเราอ่ะ คือแบบคนอย่างเราแบบเออไม่น่าจะมีผู้ชายมาทำอะไรให้อย่างนี้อ่ะ ตั้งแต่ที่เราเข้าหอช่วงแรกๆ ชีวิตเราแฮปปี้ดี๊ด๊ามาก ว่างเมื่อไหร่ชอบไปตลาด เดินสิค่ะ นั่งรถลางบ้าง แต่ส่วนมากจะเดินกัน เม้าท์มอยส์เป็นเรื่องปกติมาก สนุกสนานตามภาษาเด็กปี1ไม่ทุกข์ไม่ร้อนเพราะยังไม่เปิดเรียน ใช้ชีวิตชิวๆ มีตังค์ให้กินหนมตลอด เห้อนับได้ว่าเป็นช่วงที่ดีมากๆเลยค่า😊. พอเย็นๆค่ำๆหน่อย ก็จับกลุ่มกันนั่งเม้าท์มอย์หน้าหอ ร้องเพลงดีดกีต้าร์กันสนุสนาน เจอเพื่อนในคณะต่างคณะมากมาย แต่เรื่องราวดีๆก็เรื่องต้นบนคราบน้ำตาที่เราจะไม่วันลืมเลย ...
คือวันนั้นเป็นวันที่เรานัดเลี้ยงเซอไพรส์วันเกิดเพื่อนย้อนหลัง ใช่เรายอมรับเลยน่ะ ว่าแอบปลื้มเพื่อนคนนั้นที่เราจะเซอไพรส์อยู่ ก็นัดกันเซอไพรส์วางแผล เตรียมเค้กของขวัญเรียบร้อย พอไปถึงร้านก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย เซอไพรส์เสร็จก็กลับหอ แยกย้ายกันขึ้นหอ ต่างคนๆต่างขึ้นหอ เราขึ้นนหอมาปุ๊ปก็ทักไลน์เพื่อนคนนั้นทันที. เพื่อนก็ยังไม่ตอบ เราก็รอ ดูไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ตอนนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้เราเปิดไปดู ทามไลน์ของเพื่อนคนนั่น ปกติดูได้แต่วันนั้นมันดูไม่ได้!!! ในใจคิดว่ามันบล๊อคเราแน่เลย ใช่จริงๆด้วย มันบล๊อคเราจริงๆ แต่มันอันบล๊อคไปนานแล้ว แต่เราก็ยังเปิดดูไม่ได้ เฟลสิค่ะ เฟลมาก ในใจคิดมาบล๊อคเราทำไม เราไปทำไรให้ เราชอบแกน่ะ แกทำอย่างนี้ นึกถึงใจเราบ้าง ตอนนั้นเราร้องไห้หนักมาก จนเราโทรไปหาเพื่อนที่เป็นตุ๊ดที่เราสนิทด้วยแล้วเล่าให้ฟัง ตุ๊ดก็บอกให้เราลงจากหอมา เราก็ลงจากหอไปกับเมท โดยมีเมทลูบหลัง ให้พร้อมกับบอกอย่าคิดมากเลยเอ แต่เราลงมาปุ๊ปเราก็ยไม่เจอตุ๊ด เราก็เดินเลยไปหน้าเซเว่น สิ่งที่เราเจอคือ ผู้ชายตัวอ้วนๆกลมๆหัวเกรียนๆในมือทั้งสองข้างถือลังลำใย แล้ววางลังลง แล้ววิ่งเข้ามากอดเราลูบหัวเราบอก กับเราว่าๆไม่ร้องโอ๋ๆ คือตอนนั้นเราไม่ได้คิดไรเลยน่ะ รู้แค่ว่าเสียใจกับเพื่อนคนนั้นมาก เราก็น่ะ สั่งน้ำมูกใส่เสื้อผู้ชายอ้วนๆคนนั้นสะเยอะๆ คือเปือนเป็นแถบน่าเกลียดมาก แต่แปลกที่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเรา หรืออาจจะไม่กล้าด่า แต่ใจอาจคิดแมร่งสกปรก คราวซวยของกูไรงี้ ฮ่าๆๆๆๆ เอาเถอะ แต่ตอนนั้นมันแบบเฟลมากไม่ไหวอ่ะ ต้องการที่ยึดเหนี่ยวจริงๆ ไม่ใช่เราแรดหรืออะไรน่ะที่ให้ผู้ชายกอดอ่ะ คือก็รู้จักกันแล้วถึงจะเผินๆก็ตาม ก็เรียนคณะเดียวกันแล้วดูเค้าก็ดีกับเราด้วย มันอบอุ่นจริงๆน่ะตอนนั้นเหมือนอารมณ์พ่อปลอบลูกเวลาร้องไห้อ่ะ รู้สึกดีบอกไม่ถูก นี่แหละเป็นเรื่องราวเริ่มต้นสิ่งดีๆตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน และต่อมาหลังจากนั้น บางเรื่องทีเราทำหรือเค้าทำมันรู้สึกดีจนอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นั่น ..... (มีต่อ)
เรื่องราวดีๆ
คือวันนั้นเป็นวันที่เรานัดเลี้ยงเซอไพรส์วันเกิดเพื่อนย้อนหลัง ใช่เรายอมรับเลยน่ะ ว่าแอบปลื้มเพื่อนคนนั้นที่เราจะเซอไพรส์อยู่ ก็นัดกันเซอไพรส์วางแผล เตรียมเค้กของขวัญเรียบร้อย พอไปถึงร้านก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย เซอไพรส์เสร็จก็กลับหอ แยกย้ายกันขึ้นหอ ต่างคนๆต่างขึ้นหอ เราขึ้นนหอมาปุ๊ปก็ทักไลน์เพื่อนคนนั้นทันที. เพื่อนก็ยังไม่ตอบ เราก็รอ ดูไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ตอนนั้นไม่รู้อะไรดลใจให้เราเปิดไปดู ทามไลน์ของเพื่อนคนนั่น ปกติดูได้แต่วันนั้นมันดูไม่ได้!!! ในใจคิดว่ามันบล๊อคเราแน่เลย ใช่จริงๆด้วย มันบล๊อคเราจริงๆ แต่มันอันบล๊อคไปนานแล้ว แต่เราก็ยังเปิดดูไม่ได้ เฟลสิค่ะ เฟลมาก ในใจคิดมาบล๊อคเราทำไม เราไปทำไรให้ เราชอบแกน่ะ แกทำอย่างนี้ นึกถึงใจเราบ้าง ตอนนั้นเราร้องไห้หนักมาก จนเราโทรไปหาเพื่อนที่เป็นตุ๊ดที่เราสนิทด้วยแล้วเล่าให้ฟัง ตุ๊ดก็บอกให้เราลงจากหอมา เราก็ลงจากหอไปกับเมท โดยมีเมทลูบหลัง ให้พร้อมกับบอกอย่าคิดมากเลยเอ แต่เราลงมาปุ๊ปเราก็ยไม่เจอตุ๊ด เราก็เดินเลยไปหน้าเซเว่น สิ่งที่เราเจอคือ ผู้ชายตัวอ้วนๆกลมๆหัวเกรียนๆในมือทั้งสองข้างถือลังลำใย แล้ววางลังลง แล้ววิ่งเข้ามากอดเราลูบหัวเราบอก กับเราว่าๆไม่ร้องโอ๋ๆ คือตอนนั้นเราไม่ได้คิดไรเลยน่ะ รู้แค่ว่าเสียใจกับเพื่อนคนนั้นมาก เราก็น่ะ สั่งน้ำมูกใส่เสื้อผู้ชายอ้วนๆคนนั้นสะเยอะๆ คือเปือนเป็นแถบน่าเกลียดมาก แต่แปลกที่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเรา หรืออาจจะไม่กล้าด่า แต่ใจอาจคิดแมร่งสกปรก คราวซวยของกูไรงี้ ฮ่าๆๆๆๆ เอาเถอะ แต่ตอนนั้นมันแบบเฟลมากไม่ไหวอ่ะ ต้องการที่ยึดเหนี่ยวจริงๆ ไม่ใช่เราแรดหรืออะไรน่ะที่ให้ผู้ชายกอดอ่ะ คือก็รู้จักกันแล้วถึงจะเผินๆก็ตาม ก็เรียนคณะเดียวกันแล้วดูเค้าก็ดีกับเราด้วย มันอบอุ่นจริงๆน่ะตอนนั้นเหมือนอารมณ์พ่อปลอบลูกเวลาร้องไห้อ่ะ รู้สึกดีบอกไม่ถูก นี่แหละเป็นเรื่องราวเริ่มต้นสิ่งดีๆตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน และต่อมาหลังจากนั้น บางเรื่องทีเราทำหรือเค้าทำมันรู้สึกดีจนอยากจะหยุดเวลาไว้แค่นั่น ..... (มีต่อ)