คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
มาดู 10 สถานที่ประวัติศาสตร์ของโลกที่พังทลายลงอย่างไม่มีวันหวนกลับ โดยเหตุจากความเขลาของมนุษย์
1. ทุก ๆ สิ่งในซาอุดีอาระเบีย
ซาอุดีอาระเบียในขณะนี้แทบจะไม่เหลือเค้าเดิมของอาณาจักรอิสลาม นิกายวะฮาบีย์ แห่งตะวันออกกลางอีกเลย นับตั้งแต่ปี 2528 จนถึงบัดนี้ ชาวซาอุดีอาระเบียได้ทำลายมรดกของอาณาจักรอิสลามไปแล้วกว่า 98% โดยนอกจากการทำลายอาคารโบราณเพื่อนำมาสร้างโรงแรมใหม่ ๆ แล้ว ยังมีหลักฐานชี้ว่าพวกเขาจงใจทำลายสถานที่ทางวัฒนธรรมที่หลงเหลืออยู่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังเช่น มัสยิดของ Caliph Abu Bakr ที่เพิ่งจะถูกทำลายแล้วนำตู้ ATM มาตั้งแทน หรือแม้แต่ Mount Uhud ในเมดินา ก็ถูกเติมเต็มด้วยคอนกรีตและรั้วกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ในความพยายามเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ หลังจากวางแผนสร้างพระราชวังแห่งใหม่ทับสถานที่เกิดของมูฮัมหมัด ความบ้าคลั่งก็เริ่มขึ้นรอบ ๆ พื้นที่ดังกล่าวเพื่อทำลายทุกหลักฐานที่บ่งชี้ว่ามันคือที่เกิดของบุคคลสำคัญในอดีต อีกทั้งเนื่องจากนิกายวะฮาบีย์ไม่เคารพรูปปั้นบูชาใด ๆ เหล่านักบวชจึงกระตุ้นให้มีการทำลายล้างอนุสาวรีย์และสิ่งประดิษฐ์ที่อาจหันเหความสนใจของปวงชนไปจากประเจ้า จนร่องรอยวัฒนธรรมในอดีตได้วินาศลงไปจนหมดสิ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
___________________________________________________________________________________
น่าให้ซาอุฯ ปกครองประเทศอิสลามทั่วโลกไปเลย ดูฉลาดดีจัง
ปัตตานีถ้าให้ซาอุฯ ปกครอง มัสยิดกรือเซะ ไม่รู้จะโดนเอาไปทำอะไร
มาดู 10 สถานที่ประวัติศาสตร์ของโลกที่พังทลายลงอย่างไม่มีวันหวนกลับ โดยเหตุจากความเขลาของมนุษย์
1. ทุก ๆ สิ่งในซาอุดีอาระเบีย
ซาอุดีอาระเบียในขณะนี้แทบจะไม่เหลือเค้าเดิมของอาณาจักรอิสลาม นิกายวะฮาบีย์ แห่งตะวันออกกลางอีกเลย นับตั้งแต่ปี 2528 จนถึงบัดนี้ ชาวซาอุดีอาระเบียได้ทำลายมรดกของอาณาจักรอิสลามไปแล้วกว่า 98% โดยนอกจากการทำลายอาคารโบราณเพื่อนำมาสร้างโรงแรมใหม่ ๆ แล้ว ยังมีหลักฐานชี้ว่าพวกเขาจงใจทำลายสถานที่ทางวัฒนธรรมที่หลงเหลืออยู่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังเช่น มัสยิดของ Caliph Abu Bakr ที่เพิ่งจะถูกทำลายแล้วนำตู้ ATM มาตั้งแทน หรือแม้แต่ Mount Uhud ในเมดินา ก็ถูกเติมเต็มด้วยคอนกรีตและรั้วกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ในความพยายามเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ หลังจากวางแผนสร้างพระราชวังแห่งใหม่ทับสถานที่เกิดของมูฮัมหมัด ความบ้าคลั่งก็เริ่มขึ้นรอบ ๆ พื้นที่ดังกล่าวเพื่อทำลายทุกหลักฐานที่บ่งชี้ว่ามันคือที่เกิดของบุคคลสำคัญในอดีต อีกทั้งเนื่องจากนิกายวะฮาบีย์ไม่เคารพรูปปั้นบูชาใด ๆ เหล่านักบวชจึงกระตุ้นให้มีการทำลายล้างอนุสาวรีย์และสิ่งประดิษฐ์ที่อาจหันเหความสนใจของปวงชนไปจากประเจ้า จนร่องรอยวัฒนธรรมในอดีตได้วินาศลงไปจนหมดสิ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
___________________________________________________________________________________
น่าให้ซาอุฯ ปกครองประเทศอิสลามทั่วโลกไปเลย ดูฉลาดดีจัง
ปัตตานีถ้าให้ซาอุฯ ปกครอง มัสยิดกรือเซะ ไม่รู้จะโดนเอาไปทำอะไร
แสดงความคิดเห็น
มุสลิมส่วนใหญ่ในห้องศาสนา ที่เห็นด้วยกับ ISIS รู้สึกอย่างไรบ้างกับการทำลายโบราณวัตถุเก่าแก่ถึง 3,000 ปี
เอเจนซีส์ – บัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาแถลงประณามวานนี้ (6 มี.ค.) กรณีกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม( ไอเอส) ใช้รถแทร็กเตอร์และเครื่องมือหนักอื่นๆ ทำลายโบราณสถานยุคจักรวรรดิอัสซีเรียที่เมืองนิมรูด (Nimrud) ในอิรัก ชี้เข้าข่าย “อาชญากรรมสงคราม”
http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000002796001.JPEG
เมื่อปี 2001 กลุ่มตาลีบันระเบิดพระพุทธรูปแห่งบามิยัน โทรทัศน์ช่องหนึ่งในไทย ได้จัดเวทีเสวนาถ่ายทอด โดยมีพระมหาจรรยา ร่วมสนทนา
ตัวแทนฝ่ายมุสลิมในประเทศไทยที่ร่วมสนทนา กลับบอกว่า "ตาลีบันมีความชอบธรรมที่จะทำลายพระพุทธรูปบามิยัน เหมือนกับที่เราไปซื้อรถมือสองจากคนๆหนึ่ง ในรถมีเครื่องรางของขลัง ตุ๊กตา สติ๊กเกอร์มากมาย คนซื้อได้มาเป็นเจ้าของรถแล้ว ก็มีสิทธิ์เอาของทั้งหมดออกได้ ในเมื่อตาลีบันเข้าครอบครองประเทศ ก็เท่ากับมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ในประเทศที่เขาปกครองอยู่"
ตัวแทนฝ่ายมุสลิมในประเทศไทยที่ร่วมสนทนาในครั้งนั้น เมื่อได้รู้ข่าวการทำลายโบราณสถานในเมืองนิมรูด คงได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกของชาวพุทธที่สูญเสียพระพุทธรูปบามิยันขึ้นมาบ้างแล้วซินะ