ยืม id แฟนค่ะ อยากขอคำปรึกษาจริงๆ เรื่องรถกระบะชนท้ายรถคีบอ้อยพ่อคะ เพราะไม่มีความรู้เรื่องคดีความ และการฟ้องร้อง
ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ว่า
วันที่ 22/2/58
ก่อนเกิดเหตุ คือพ่อไปรับจ้างคีบอ้อย ซึ่งรถคีบอ้อยของพ่อ มีไฟหน้า 2 ดวง และไฟท้าย 1 ดวง (ไม่มีประกัน+พร.บ. ค่ะ)
รับจ้างเสร็จแล้ว เวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ ได้ขับรถคีบอ้อยออกจากไร่อ้อยเพื่อเดินทางกลับบ้าน ซึ่งเจ้าของไร่อ้อยที่จ้างพ่อไปคีบอ้อยนั้น ได้ขับรถไถนาที่เป็นรถของเขาเอง แต่ไม่มีไฟหน้า-หลัง ขับออกมาจากไร่อ้อยเหมือนกัน จึงขอให้พ่อขับรถคีบอ้อยตามหลังรถไถนา เพื่อใช้ไฟส่องทางให้ (ภายหลังเกิดเหตุ พ่อขอให้เจ้าของไร่อ้อยนั้นมาเป็นพยานให้ ก็ไม่ยอมเพราะกลัว ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตำรวจ)
พ่อกับเจ้าของไร่อ้อยได้ขับมาตามไหล่ทางของถนนสาย อ.บ้านเหลื่อม - แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา
ขณะเกิดเหตุ ในขณะที่พ่อขับรถมาตามไหล่ทางนั้น อยู่ๆ รถกระบะคู่กรณี (เป็นรถกระบะสี่ประตู สีขาว) ชนเข้าที่ด้านข้างล้อหลังของรถคีบอ้อยของพ่อ
พ่อรู้สึกเจ็บ,ขัดที่หัวเข่าเล็กน้อย ส่วนรถคีบอ้อยได้รับความเสียหาย คือล้อรถหลุดกระเด็นออก (ตามรูปค่ะ)
ฝ่ายคู่กรณี(รถกระบะ) หัวแตกและหน้ารถเสียหายแค่ไหนไม่รู้ค่ะ (ในขณะเกิดเหตุ ฝ่ายคู่กรณีพูดว่า จะรับผิดชอบค่าเสียหายให้)
หลังเกิดเหตุพ่อเล่าให้ฟังว่า ได้มีรถคันอื่นๆ แซงรถของพ่อไปตามปกติ ไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น เพราะตนเองก็ขับมาตามไหล่ทางอยู่แล้ว และมีไฟท้ายเห็นชัดเจน อยู่ๆ รถกระบะคู่กรณี (เป็นรถกระบะสี่ประตู สีขาว) ที่กำลังจะแซงรถพ่อ แต่มีรถที่กำลังสวนทางมา คู่กรณีจึงหักหลบรถที่สวนทางมา (ถ้าไม่หักหลบคงไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นมากกว่านี้) เพราะคิดว่าแซงไม่พ้นแน่ เลยชนเข้าที่ด้านข้างล้อหลังของรถคีบอ้อยของพ่อ
เช้าวันรุ่งขึ้นไปหาตำรวจที่โรงพัก เพื่อให้ปากคำ และลงบันทึกประจำวัน หลังจากให้ปากคำ กลับไม่เป็นอย่างที่คิด คือ คู่กรณีพูดว่า ไฟไม่ชัดเจน มองไม่เห็น (โดยไม่ได้พูดถึงว่าตัวเองกำลังแซง แต่แซงไม่พ้น)
ได้ไกล่เกลี่ยกันหลายรอบ และครั้งล่าสุดที่นัดคุยกันเหมือนตำรวจจะชี้ว่าประมาทร่วมทั้ง 2 ฝ่าย แต่พ่อไม่ยอมค่ะ พ่ออยากให้ฝ่ายคู่กรณี ชดใช้ค่าซ่อมแซมรถคีบอ้อยให้ใช้การได้เหมือนเดิม ค่าทำขวัญหรืออะไรไม่ได้เรียกร้องจากคู่กรณีเลย
คำที่ลงบันทึกประจำวันคร่าวๆ นั้น ชี้เหตุว่า ฝ่ายรถของคู่กรณี(กระบะ)ได้รับความเสียหายอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ได้พูดถึงว่ารถพ่อถูกชนโดยการแซงไม่พ้นเลย
หลังจากนัดไกล่เกลี่ยกันล่าสุด
วันพุธที่ 25/2/58 พ่อมาตรวจร่างกาย แล้วจะไปแจ้งความ ตำรวจบอกว่าไม่ให้แจ้ง จะเป็นคนแจ้งให้ทั้ง 2 ฝ่ายเอง จะทำสำนวนส่งให้ศาลแขวง และบอกว่าจะทำเรื่องให้เสร็จภายในวันเดียว แล้วบอกจะนัดคุยกันในอาทิตย์ถัดมา
พ่อได้รอจนถึงวันศุกร์ที่ 6/3/58 ว่าเมื่อไหร่ตำรวจจะนัดอีก (แต่ตอนเย็นร้อยเวรเจ้าของคดีก็ได้โทรมานัดสอบสวนให้ปากคำเพิ่ม ในวันจันทร์ที่ 9/3/58 เวลา 9 โมงเช้าที่จะถึงนี้)
ระหว่างที่รอตำรวจนัด วันพฤหัสบดีที่ 5/3/58 อยู่ดีๆก็มีหนังสือจากทนายความของคู่กรณี ใจความหลักๆ คือ พ่อได้นำรถที่ไม่มีไฟส่องสว่างมาขับขี่ตามถนนหลวงในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้คู่กรณีมองไม่เห็นรถแล้วเกิดการเฉี่ยวชนทำให้ได้รับบาดเจ็บ และรถยนต์ได้รับความเสียหาย เรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 250,000 บาท (ทางพ่อก็งงและเครียดมาก โดนชนท้ายแท้ๆ กลับโดนฟ้องเรียกค่าเสียหาย)
ด้วยความที่พ่อเป็นชาวไร่ชาวนาหากินไปวันๆ ไม่เคยคิดที่จะมีคดีความอะไรกับใคร แต่ไม่ใช่คนที่เป็นฝ่ายผิด (หรือผิดก็ต้องว่าไปในส่วนที่ผิด)
ก็ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร เป็นลูกก็ได้แต่ห่วงและสงสารพ่อค่ะ เลยพยายามหาทางช่วยพ่อให้สู้ถึงที่สุด เพื่อขอแค่ค่าซ่อมแซมรถ
- พ่อผิด ที่ไม่มี พร.บ. หรือ ฝ่ายคู่กรณี ผิดคะ ที่คิดว่าแซงไม่พ้น แล้วหักหลบมาชนรถพ่อ
- ควรจะหาทนายมาสู้กับคู่กรณีที่เขาส่งหนังสือมาเรียกร้องค่าเสียหายแล้ว
- หรือต้องทำยังไงดี ?
- ตอนนี้ พ่อออกค่าซ่อมแซมรถคีบอ้อยเองแล้ว เพราะต้องย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุค่ะ
ขอคำปรึกษา? สงสารพ่อค่ะ แค่ตาสีตาสาบ้านนอกที่ไม่มีความรู้ จะต้องขึ้นโรงขึ้นศาล...ค่ะ
ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ว่า
วันที่ 22/2/58
ก่อนเกิดเหตุ คือพ่อไปรับจ้างคีบอ้อย ซึ่งรถคีบอ้อยของพ่อ มีไฟหน้า 2 ดวง และไฟท้าย 1 ดวง (ไม่มีประกัน+พร.บ. ค่ะ)
รับจ้างเสร็จแล้ว เวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ ได้ขับรถคีบอ้อยออกจากไร่อ้อยเพื่อเดินทางกลับบ้าน ซึ่งเจ้าของไร่อ้อยที่จ้างพ่อไปคีบอ้อยนั้น ได้ขับรถไถนาที่เป็นรถของเขาเอง แต่ไม่มีไฟหน้า-หลัง ขับออกมาจากไร่อ้อยเหมือนกัน จึงขอให้พ่อขับรถคีบอ้อยตามหลังรถไถนา เพื่อใช้ไฟส่องทางให้ (ภายหลังเกิดเหตุ พ่อขอให้เจ้าของไร่อ้อยนั้นมาเป็นพยานให้ ก็ไม่ยอมเพราะกลัว ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตำรวจ)
พ่อกับเจ้าของไร่อ้อยได้ขับมาตามไหล่ทางของถนนสาย อ.บ้านเหลื่อม - แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา
ขณะเกิดเหตุ ในขณะที่พ่อขับรถมาตามไหล่ทางนั้น อยู่ๆ รถกระบะคู่กรณี (เป็นรถกระบะสี่ประตู สีขาว) ชนเข้าที่ด้านข้างล้อหลังของรถคีบอ้อยของพ่อ
พ่อรู้สึกเจ็บ,ขัดที่หัวเข่าเล็กน้อย ส่วนรถคีบอ้อยได้รับความเสียหาย คือล้อรถหลุดกระเด็นออก (ตามรูปค่ะ)
ฝ่ายคู่กรณี(รถกระบะ) หัวแตกและหน้ารถเสียหายแค่ไหนไม่รู้ค่ะ (ในขณะเกิดเหตุ ฝ่ายคู่กรณีพูดว่า จะรับผิดชอบค่าเสียหายให้)
หลังเกิดเหตุพ่อเล่าให้ฟังว่า ได้มีรถคันอื่นๆ แซงรถของพ่อไปตามปกติ ไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น เพราะตนเองก็ขับมาตามไหล่ทางอยู่แล้ว และมีไฟท้ายเห็นชัดเจน อยู่ๆ รถกระบะคู่กรณี (เป็นรถกระบะสี่ประตู สีขาว) ที่กำลังจะแซงรถพ่อ แต่มีรถที่กำลังสวนทางมา คู่กรณีจึงหักหลบรถที่สวนทางมา (ถ้าไม่หักหลบคงไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นมากกว่านี้) เพราะคิดว่าแซงไม่พ้นแน่ เลยชนเข้าที่ด้านข้างล้อหลังของรถคีบอ้อยของพ่อ
เช้าวันรุ่งขึ้นไปหาตำรวจที่โรงพัก เพื่อให้ปากคำ และลงบันทึกประจำวัน หลังจากให้ปากคำ กลับไม่เป็นอย่างที่คิด คือ คู่กรณีพูดว่า ไฟไม่ชัดเจน มองไม่เห็น (โดยไม่ได้พูดถึงว่าตัวเองกำลังแซง แต่แซงไม่พ้น)
ได้ไกล่เกลี่ยกันหลายรอบ และครั้งล่าสุดที่นัดคุยกันเหมือนตำรวจจะชี้ว่าประมาทร่วมทั้ง 2 ฝ่าย แต่พ่อไม่ยอมค่ะ พ่ออยากให้ฝ่ายคู่กรณี ชดใช้ค่าซ่อมแซมรถคีบอ้อยให้ใช้การได้เหมือนเดิม ค่าทำขวัญหรืออะไรไม่ได้เรียกร้องจากคู่กรณีเลย
คำที่ลงบันทึกประจำวันคร่าวๆ นั้น ชี้เหตุว่า ฝ่ายรถของคู่กรณี(กระบะ)ได้รับความเสียหายอยู่ฝ่ายเดียว ไม่ได้พูดถึงว่ารถพ่อถูกชนโดยการแซงไม่พ้นเลย
หลังจากนัดไกล่เกลี่ยกันล่าสุด
วันพุธที่ 25/2/58 พ่อมาตรวจร่างกาย แล้วจะไปแจ้งความ ตำรวจบอกว่าไม่ให้แจ้ง จะเป็นคนแจ้งให้ทั้ง 2 ฝ่ายเอง จะทำสำนวนส่งให้ศาลแขวง และบอกว่าจะทำเรื่องให้เสร็จภายในวันเดียว แล้วบอกจะนัดคุยกันในอาทิตย์ถัดมา
พ่อได้รอจนถึงวันศุกร์ที่ 6/3/58 ว่าเมื่อไหร่ตำรวจจะนัดอีก (แต่ตอนเย็นร้อยเวรเจ้าของคดีก็ได้โทรมานัดสอบสวนให้ปากคำเพิ่ม ในวันจันทร์ที่ 9/3/58 เวลา 9 โมงเช้าที่จะถึงนี้)
ระหว่างที่รอตำรวจนัด วันพฤหัสบดีที่ 5/3/58 อยู่ดีๆก็มีหนังสือจากทนายความของคู่กรณี ใจความหลักๆ คือ พ่อได้นำรถที่ไม่มีไฟส่องสว่างมาขับขี่ตามถนนหลวงในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้คู่กรณีมองไม่เห็นรถแล้วเกิดการเฉี่ยวชนทำให้ได้รับบาดเจ็บ และรถยนต์ได้รับความเสียหาย เรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 250,000 บาท (ทางพ่อก็งงและเครียดมาก โดนชนท้ายแท้ๆ กลับโดนฟ้องเรียกค่าเสียหาย)
ด้วยความที่พ่อเป็นชาวไร่ชาวนาหากินไปวันๆ ไม่เคยคิดที่จะมีคดีความอะไรกับใคร แต่ไม่ใช่คนที่เป็นฝ่ายผิด (หรือผิดก็ต้องว่าไปในส่วนที่ผิด)
ก็ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร เป็นลูกก็ได้แต่ห่วงและสงสารพ่อค่ะ เลยพยายามหาทางช่วยพ่อให้สู้ถึงที่สุด เพื่อขอแค่ค่าซ่อมแซมรถ
- พ่อผิด ที่ไม่มี พร.บ. หรือ ฝ่ายคู่กรณี ผิดคะ ที่คิดว่าแซงไม่พ้น แล้วหักหลบมาชนรถพ่อ
- ควรจะหาทนายมาสู้กับคู่กรณีที่เขาส่งหนังสือมาเรียกร้องค่าเสียหายแล้ว
- หรือต้องทำยังไงดี ?
- ตอนนี้ พ่อออกค่าซ่อมแซมรถคีบอ้อยเองแล้ว เพราะต้องย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุค่ะ