วันนี้บุ๊คก้าขออนุญาตเพื่อนๆ ชาวพันทิพย์มาแชร์เรื่อง TAX Refund ญี่ปุ่น เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆ ที่จะไปช็อปปิ้งกันนะคะ
ถ้าใครรู้ข้อมูลอยู่แล้ว ข้ามได้เลยนะคะ หรือใครมีข้อแนะนำเพิ่มเติม comment ได้เลยค่ะ ช่วยๆกันแชร์ เผื่อบางอย่างบุ๊คก้า out date ตกข่าวไปค่ะ
เริ่มเลยแล้วกันนะคะ
ก่อนอื่นขออธิบายข้อกำหนดและรายละเอียดในการทำ TAX refund กันก่อนนะคะ
1. ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นเรียกเก็บภาษีอยู่ที่ 8% ตัวอย่างจากภาพนี้ ราคาสินค้าบรรทัดแรก(สีแดง)คือราคาที่ยังไม่รวมภาษี, ราคาสินค้าบรรทัดที่สอง (สีน้ำเงิน) คือราคาสินค้าที่รวมภาษีแล้ว
2. ผู้ที่จะขอ Refund ภาษีได้จะต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวญี่ปุ่นไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น (คนต่างชาติที่ย้ายไปอยู่ญี่ปุ่น หรือคนที่ไปทำงานในญี่ปุ่นไม่สามารถขอคืนภาษีได้นะคะ)
3. การทำ TAX refund แยกสินค้าออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน
กลุ่มที่ 1 ผลิตภัณฑ์ยา, เครื่องสำอางค์, อาหาร(จำพวกอาหารแห้ง, ของฝาก อย่างเช่น Kitkat, ทาโร่ชีส ฯลฯ ส่วนอาหารแบบที่เราไปนั่งกินใน้านไม่เกี่ยวนะคะ), เครื่องดื่ม โดยต้องซื้อจากร้านค้าเดียวกันในวันเดียวกัน และต้องมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 5,000 เยน และไม่เกิน 500,000 เยน (มูลค่านับจากราคาที่รวมภาษีแล้วนะคะ และ ต้องเกิน 5,000 เยน ถ้าบังเอิญชอปมา 5,000 เยนพอดี refund ไม่ได้นะจ๊ะ)
กลุ่มที่ 2 เครื่องใช้ไฟฟ้า,เสื้อผ้า, และอื่นๆ โดยต้องซื้อจากร้านค้าเดียวกันในวันเดียวกัน และต้องมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 10,000 เยน (มูลค่านับจากราคาที่รวมภาษีแล้วนะคะ และ ต้องเกิน 10,000 เยน ถ้าบังเอิญชอปมา 10,000 เยนพอดี refund ไม่ได้นะจ๊ะ)
เอาหละ เมื่อเข้าใจข้อกำหนดกันแล้วที่นี้ก็เริ่มช็อปกันได้เลย (อย่าลืมนะคะว่าการขอ Refund จะต้องทำในร้านค้าเดียวกันเท่านั้น ฉะนั้นวางแผนการชอปปิ้งไว้ให้ดีๆ จะได้ชอปได้ตามที่ตั้งใจ)
เมื่อเพื่อนๆ ชอปปิ้งกันหนำใจแล้วก็เตรียมจ่ายเงินได้เลยค่ะ โดยการทำ TAX refund จะมีด้วยกัน 3 รูปแบบ(แล้วแต่ห้างร้านที่ไปชอปปิ้ง) ดังนี้
1. แบบจ่ายไม่นับครั้งแล้วค่อย Refund คือการชอปปิ้งในห้าง ปกติแล้วการชอปปิ้งในห้างเมื่อเราจ่ายเงินเค้าจะให้เราจ่ายราคาเต็มปกติ จะจ่ายกี่รอบก็แล้วแต่ แต่ให้เก็บใบเสร็จเอาไว้ แล้วไปที่เคาเตอร์ refund เพื่อทำเรื่องขอคืนภาษีรวดเดียว (แบบนี้บุ๊คก้าไม่ได้ลองเองนะคะ แต่คิดว่าการขอคืนภาษีในห้างน่าจะเหมือนกันทุกประเทศ เท่าที่เคยไปมาไม่ต่างกันเลย)
2. แบบจ่ายรวดเดียวแล้วมาขอคืนที่เคาเตอร์ Refund ของทางร้าน สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอปปิ้ง ดองกี้, ตึกม่วง หรือ Drugstore บางที่ เพื่อนๆ จะต้องต่อแถวจ่ายเงินเต็มจำนวนก่อน จากนั้นเดินไปที่เคาเตอร์ refund เพื่อขอคืนภาษี (จริงๆ รูปแบบนี้ไม่ต่างจากห้างใหญ่เลยค่ะ ต่างแค่จ่ายเงินรวดเดียว แล้วขอคืนรวดเดียว จบ)
3. แบบจ่ายเงินพร้อม Refund สำหรับร้านที่ให้บริการแบบนี้บุ๊คก้าชอบมากเพราะสะดวกสบายสุดๆ เพราะไม่ต้องไปต่อแถวหลายรอบ ร้านที่ให้บริการรูปแบบนี้จากที่ไปชอปมา คือ ร้าน Sundrugs และ Matsumoto ร้านอื่นๆ ไม่แน่ใจนะคะ ยังไงลองสังเกตุดู เพราะคน refund กันเยอะอยู่แล้วค่ะ
สิ่งสำคัญในการ process TAX refund
1. สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นคือ Passport ค่ะ เราจะต้องยื่น Passport ให้กับทางร้านเพื่อเป็นหลักฐานว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวตามข้อกำหนดจริงๆ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะ process และแม็คเอกสารติดกับ Passport เรากลับมา บางทีก็จะติดสก๊อตเทปมาแล้วแต่ร้านค่ะ มาถึงจุดนี้ไม่ต้องตกใจนะคะว่าจะทำยังไงกับ Passport ต่อดี ให้เราปล่อยทิ้งไว้อย่างงั้น อย่าทำขาดก็พอ เพราะตอนที่เราผ่าน ต.ม.ญี่ปุ่น เค้าจะดึงออกเอง แต่ถ้าเค้าไม่ดึงออก พอเราผ่าน ต.ม.ญี่ปุ่น มาแล้วก็สามารถดึงออกเองได้เช่นกันนะคะ
2. หลังจากที่ทำ TAX refund เรียบร้อยแล้ว สินค้าทุกชิ้นจะถูกบรรจุลงในถุงพลาสติก และแน่นอนค่ะ ห้ามแกะในประเทศญี่ปุ่นเด็ดขาด (เพราะถ้ามีการสุ่มตรวจแล้วพบว่าเปิดถุงจะถูกเรียกเก็บภาษี เห็นคนญี่ปุ่นเค้าขู่มาแบบนั้นนะคะ) แนะนำนิดนึงว่าเพื่อความสะดวกในการจัดกระเป๋ากลับบ้าน ควรขอทางห้างร้านแยกสินค้าเป็นหมวดหมู่ตามขนาดของสินค้าเพื่อเวลาจัดกระเป๋าจะได้จัดระเบียบกระเป๋าได้ง่ายขึ้นนะคะ เพราะถ้าใส่ถุงรวมๆกันมาแบบคละๆไซต์ จะกินที่เวลาจัดกระเป๋ามากเลยคะ่ โดยสินค้าที่ซื้อมาสามารถใส่กระเป๋าโหลดใต้เครี่องได้ตามปกติ ไม่ต้องหิ้วมาสำแดงให้ ต.ม. ตรวจทุกชิ้นนะคะ ถ้าจะแบ่งส่วนไหนหิ้วขึ้นเครื่องก็ให้เค้าแพ็คถุงแยกไว้เลยคะ่ อย่าคิดมาแยกถุงเองนะคะ เพราะถุงนี้มันห้ามแกะ เสี่ยงโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ทำให้ถูกกฏไว้ดีที่สุดค่ะ
รายละเอียดอื่นๆ ที่ควรทราบนะคะ
*สินค้าประเภทอาหารและสินค้าที่ซื้อเพื่อใช้ในประเทศญี่ปุ่น (เช่น ลืมเอาครีมมา จะซื้อแล้วเปิดใช้เลยแบบนี้) ไม่สามารถขอคืนภาษีได้
*สามารถขอคืนภาษีได้เฉพาะห้างร้านที่ระบุว่ามีบริการ TAX refund เท่านั้นนะคะ นั่นแปลว่าไม่ได้สามารถ refund ได้ทุกร้านยังไงเพื่อนๆ สอบถามทางร้านค้าเพื่อความชัวร์ก็ได้นะคะ หรือสังเกตุป้ายหน้าถ้ามีป้ายแจ้งว่า “TAX FREE” แปะเอาไว้นั่นหมายความว่าสามารถทำ TAX refund ได้แน่นอนค่ะ (ตรวจสอบรายชื่อห้างร้านที่สามารถทำ TAX refund คลิกที่นี่นะคะ)
*กรณีซื้อมาเพื่อการค้าหรือจำหน่ายต่อไม่สามารถยกเว้นภาษีได้
*บางผลิตภัณฑ์ไม่สามารถนำเข้าในบางประเทศได้
ขอบคุณข้อมูลสนับสนุนและภาพประกอบบางส่วนจาก เที่ยวญี่ปุ่น.คอม นะคะ
อ่านรีวิวอื่นๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ร้านทาโกะยากิ ที่ถนนดงโทโบริในโอซาก้า ร้านไหนอร่อยกว่ากัน http://ppantip.com/topic/33474142
อยากแต่ง “กิโมโน” เดินเล่นในเกียวโตต้องทำยังไง? http://ppantip.com/topic/33476661
เปิดถุงชอปปิ้งจากญี่ปุ่น – Japan shopping haul http://ppantip.com/topic/33317885
เช่าชุด Cosplay ถ่ายตู้สติ๊กเกอร์ที่ญี่ปุ่น!!!! http://ppantip.com/topic/33742684
ฝากติดตามด้วยนะคะ ^_^ ขอบคุณค่ะ
https://www.facebook.com/BookcaMaShare
[CR] อธิบายเรื่อง TAX Refund ญี่ปุ่น – Japan TAX Refund
ถ้าใครรู้ข้อมูลอยู่แล้ว ข้ามได้เลยนะคะ หรือใครมีข้อแนะนำเพิ่มเติม comment ได้เลยค่ะ ช่วยๆกันแชร์ เผื่อบางอย่างบุ๊คก้า out date ตกข่าวไปค่ะ
เริ่มเลยแล้วกันนะคะ
ก่อนอื่นขออธิบายข้อกำหนดและรายละเอียดในการทำ TAX refund กันก่อนนะคะ
1. ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นเรียกเก็บภาษีอยู่ที่ 8% ตัวอย่างจากภาพนี้ ราคาสินค้าบรรทัดแรก(สีแดง)คือราคาที่ยังไม่รวมภาษี, ราคาสินค้าบรรทัดที่สอง (สีน้ำเงิน) คือราคาสินค้าที่รวมภาษีแล้ว
2. ผู้ที่จะขอ Refund ภาษีได้จะต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวญี่ปุ่นไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น (คนต่างชาติที่ย้ายไปอยู่ญี่ปุ่น หรือคนที่ไปทำงานในญี่ปุ่นไม่สามารถขอคืนภาษีได้นะคะ)
3. การทำ TAX refund แยกสินค้าออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน
กลุ่มที่ 1 ผลิตภัณฑ์ยา, เครื่องสำอางค์, อาหาร(จำพวกอาหารแห้ง, ของฝาก อย่างเช่น Kitkat, ทาโร่ชีส ฯลฯ ส่วนอาหารแบบที่เราไปนั่งกินใน้านไม่เกี่ยวนะคะ), เครื่องดื่ม โดยต้องซื้อจากร้านค้าเดียวกันในวันเดียวกัน และต้องมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 5,000 เยน และไม่เกิน 500,000 เยน (มูลค่านับจากราคาที่รวมภาษีแล้วนะคะ และ ต้องเกิน 5,000 เยน ถ้าบังเอิญชอปมา 5,000 เยนพอดี refund ไม่ได้นะจ๊ะ)
กลุ่มที่ 2 เครื่องใช้ไฟฟ้า,เสื้อผ้า, และอื่นๆ โดยต้องซื้อจากร้านค้าเดียวกันในวันเดียวกัน และต้องมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 10,000 เยน (มูลค่านับจากราคาที่รวมภาษีแล้วนะคะ และ ต้องเกิน 10,000 เยน ถ้าบังเอิญชอปมา 10,000 เยนพอดี refund ไม่ได้นะจ๊ะ)
เอาหละ เมื่อเข้าใจข้อกำหนดกันแล้วที่นี้ก็เริ่มช็อปกันได้เลย (อย่าลืมนะคะว่าการขอ Refund จะต้องทำในร้านค้าเดียวกันเท่านั้น ฉะนั้นวางแผนการชอปปิ้งไว้ให้ดีๆ จะได้ชอปได้ตามที่ตั้งใจ)
เมื่อเพื่อนๆ ชอปปิ้งกันหนำใจแล้วก็เตรียมจ่ายเงินได้เลยค่ะ โดยการทำ TAX refund จะมีด้วยกัน 3 รูปแบบ(แล้วแต่ห้างร้านที่ไปชอปปิ้ง) ดังนี้
1. แบบจ่ายไม่นับครั้งแล้วค่อย Refund คือการชอปปิ้งในห้าง ปกติแล้วการชอปปิ้งในห้างเมื่อเราจ่ายเงินเค้าจะให้เราจ่ายราคาเต็มปกติ จะจ่ายกี่รอบก็แล้วแต่ แต่ให้เก็บใบเสร็จเอาไว้ แล้วไปที่เคาเตอร์ refund เพื่อทำเรื่องขอคืนภาษีรวดเดียว (แบบนี้บุ๊คก้าไม่ได้ลองเองนะคะ แต่คิดว่าการขอคืนภาษีในห้างน่าจะเหมือนกันทุกประเทศ เท่าที่เคยไปมาไม่ต่างกันเลย)
2. แบบจ่ายรวดเดียวแล้วมาขอคืนที่เคาเตอร์ Refund ของทางร้าน สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอปปิ้ง ดองกี้, ตึกม่วง หรือ Drugstore บางที่ เพื่อนๆ จะต้องต่อแถวจ่ายเงินเต็มจำนวนก่อน จากนั้นเดินไปที่เคาเตอร์ refund เพื่อขอคืนภาษี (จริงๆ รูปแบบนี้ไม่ต่างจากห้างใหญ่เลยค่ะ ต่างแค่จ่ายเงินรวดเดียว แล้วขอคืนรวดเดียว จบ)
3. แบบจ่ายเงินพร้อม Refund สำหรับร้านที่ให้บริการแบบนี้บุ๊คก้าชอบมากเพราะสะดวกสบายสุดๆ เพราะไม่ต้องไปต่อแถวหลายรอบ ร้านที่ให้บริการรูปแบบนี้จากที่ไปชอปมา คือ ร้าน Sundrugs และ Matsumoto ร้านอื่นๆ ไม่แน่ใจนะคะ ยังไงลองสังเกตุดู เพราะคน refund กันเยอะอยู่แล้วค่ะ
สิ่งสำคัญในการ process TAX refund
1. สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นคือ Passport ค่ะ เราจะต้องยื่น Passport ให้กับทางร้านเพื่อเป็นหลักฐานว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวตามข้อกำหนดจริงๆ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะ process และแม็คเอกสารติดกับ Passport เรากลับมา บางทีก็จะติดสก๊อตเทปมาแล้วแต่ร้านค่ะ มาถึงจุดนี้ไม่ต้องตกใจนะคะว่าจะทำยังไงกับ Passport ต่อดี ให้เราปล่อยทิ้งไว้อย่างงั้น อย่าทำขาดก็พอ เพราะตอนที่เราผ่าน ต.ม.ญี่ปุ่น เค้าจะดึงออกเอง แต่ถ้าเค้าไม่ดึงออก พอเราผ่าน ต.ม.ญี่ปุ่น มาแล้วก็สามารถดึงออกเองได้เช่นกันนะคะ
2. หลังจากที่ทำ TAX refund เรียบร้อยแล้ว สินค้าทุกชิ้นจะถูกบรรจุลงในถุงพลาสติก และแน่นอนค่ะ ห้ามแกะในประเทศญี่ปุ่นเด็ดขาด (เพราะถ้ามีการสุ่มตรวจแล้วพบว่าเปิดถุงจะถูกเรียกเก็บภาษี เห็นคนญี่ปุ่นเค้าขู่มาแบบนั้นนะคะ) แนะนำนิดนึงว่าเพื่อความสะดวกในการจัดกระเป๋ากลับบ้าน ควรขอทางห้างร้านแยกสินค้าเป็นหมวดหมู่ตามขนาดของสินค้าเพื่อเวลาจัดกระเป๋าจะได้จัดระเบียบกระเป๋าได้ง่ายขึ้นนะคะ เพราะถ้าใส่ถุงรวมๆกันมาแบบคละๆไซต์ จะกินที่เวลาจัดกระเป๋ามากเลยคะ่ โดยสินค้าที่ซื้อมาสามารถใส่กระเป๋าโหลดใต้เครี่องได้ตามปกติ ไม่ต้องหิ้วมาสำแดงให้ ต.ม. ตรวจทุกชิ้นนะคะ ถ้าจะแบ่งส่วนไหนหิ้วขึ้นเครื่องก็ให้เค้าแพ็คถุงแยกไว้เลยคะ่ อย่าคิดมาแยกถุงเองนะคะ เพราะถุงนี้มันห้ามแกะ เสี่ยงโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ทำให้ถูกกฏไว้ดีที่สุดค่ะ
รายละเอียดอื่นๆ ที่ควรทราบนะคะ
*สินค้าประเภทอาหารและสินค้าที่ซื้อเพื่อใช้ในประเทศญี่ปุ่น (เช่น ลืมเอาครีมมา จะซื้อแล้วเปิดใช้เลยแบบนี้) ไม่สามารถขอคืนภาษีได้
*สามารถขอคืนภาษีได้เฉพาะห้างร้านที่ระบุว่ามีบริการ TAX refund เท่านั้นนะคะ นั่นแปลว่าไม่ได้สามารถ refund ได้ทุกร้านยังไงเพื่อนๆ สอบถามทางร้านค้าเพื่อความชัวร์ก็ได้นะคะ หรือสังเกตุป้ายหน้าถ้ามีป้ายแจ้งว่า “TAX FREE” แปะเอาไว้นั่นหมายความว่าสามารถทำ TAX refund ได้แน่นอนค่ะ (ตรวจสอบรายชื่อห้างร้านที่สามารถทำ TAX refund คลิกที่นี่นะคะ)
*กรณีซื้อมาเพื่อการค้าหรือจำหน่ายต่อไม่สามารถยกเว้นภาษีได้
*บางผลิตภัณฑ์ไม่สามารถนำเข้าในบางประเทศได้
ขอบคุณข้อมูลสนับสนุนและภาพประกอบบางส่วนจาก เที่ยวญี่ปุ่น.คอม นะคะ
อ่านรีวิวอื่นๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้