คือบ่ายนี้เราแทบไม่เป็นอันทำการทำงานเลย คือก็เปิดอ่านข่าว ข่าวนึงที่แชร์ๆกันมาตามโลกโซเซียว บอกได้เลยว่าโมโหมากทำไมถึงกล่าวหากันขนาดนี้ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ใช้พันทิป และเป็นครั้งสุดท้ายกับประเทศนี้จริงๆ สุดจะทนกับหลายๆเรื่องจริงๆ ไหนจะส่งอาหารอร่อยๆและวัฒนธรรมชิคๆคลูๆมาครอบงำประเพณีอันดีงามของสยามเมืองยิ้มเรา ไหนจะผลิตผลงานวาดเขียนสนุกๆมามอมเมาเยาวชน ไหนจะถ่ายทำหนังเอวีให้ชายไทยเสพติด ไหนจะวางแผนหลอกล่อเราให้เสียเงินเสียทองไปเที่ยวชมความศิวิไลของบ้านเมืองที่เคยเป็นประเทศผู้แพ้สงครามมาก่อน และอื่นๆอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง คือ แค่นี้ที่กล่าวยังไม่พอใจช่ายอ่ะ มาดูสิ่งที่พี่เค้าทำกับเราสิ อ่านข่าวตามลิ้งค์เลย
http://hot.ohozaa.com/hot-5-15-146243#.VPP3s6YcTEI.facebook
เราในฐานะคนไทยคนนึง เรายอมไม่ได้นะ และเราขอร้องชาวไทยด้วยกันนะ ที่มีสามารถแปลสารนี้และส่งให้คนญี่ปุ่นได้ "ปรับทัศนคติ" ที่ผิดๆแบบนี้ด้วย
และเราขอนะ ช่วยอ่านและใช้วิจารณญาณในการแสดงความคิดเห็นด้วยนะ นี่เราพิมพ์ที่บรรทัดที่ 7 นะ หวังว่าคงอ่านมาถึงตรงนี้กันก่อน
มาเรา ! คนไทยทั้งหลาย ผมนี่ขอเป็นตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ ในการตอบกลับข้อกล่าวหาลวงๆพวกนี้เอง...ลุย !!
คำกล่าวหาที่ 1.คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะหน้าที่ต่อสังคม เป็นประเภท มือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดธุรกิจการเมืองธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติ ล้าหลังไปเรื่อย
ตอบกลับ : คนญี่ปุ่นไม่เคยอ่านพันทีปหรือแฟนเพจเฟสบุ๊กประเทษไทยแน่ๆ คนไทยช่วยเหลือสังคมจะต๊าย โดยเฉพาะการ ไลค์ คอมเม้น และแชร์ !!
คำกล่าวหาที่ 2.การศึกษายังไม่ทันสมัย คนไทยเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่าง ๆ ไม่กล้าแสดงออก ขี้อายไม่มั่นใจในตัวเอง จึงตามหลังชาติอื่น คนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก เพื่อโอกาสที่ดีกว่า
ตอบกลับ : ช่ายล๊าวคนทัยเก่งพาสาตัวเองมั๊กๆ แต่เรื่องฟามมั่นจัยเราก้อมีเกินร้อยนะ ม่ะเชื่อมาเปิดดู “ยูไลค์” ดิ
คำกล่าวหาที่ 3. มองอนาคตไม่เป็น คนไทยมากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคตทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนนักที่จะทำงานเป็นระบบเป็นขั้นเป็นตอนมีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน
ตอบกลับ : มั่วจริงเชียวนะคู๊ณ คนไทยเราทำงานเพื่อตั้งเป้าหมายในอนาคตกันบ่อยมากญี่ปุ่นไม่รู้ ทุกๆ 16 วันก็ตั้งเป้าจะรวยแล้ว ยิ่งงวดไหนวางแผนเยอะนะ งวดนั้นยิ่งลงทุนเยอะเลย
คำกล่าวหาที่ 4.ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้าหรือทำด้วยความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับสัญญาข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพราะหมายถึงความเชื่อถือในระยะยาว คนไทยจึงถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือลงเรื่อย ๆ
ตอบกลับ : ใครบอกว่าคนไทยไม่จริงจังในความรับผิดชอบหน้าที่ มาดูการทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความสงบของบ้านเมืองเราหรือยัง ทั้งตั้งหน้าตั้งตาตั้งด่านจับผู้กระทำผิดกฎหมายทางท้องถนนอย่างขยันขันแข็ง แถมดึกๆก็ยังขยันขันแข็งตรวจจับคนเมา (โดยที่เหตุก่ออาชยากรรมฆ่า ข่มขืน ยังตามจับไม่ได้
ของเถื่อน อาวุธ บ่อน ค้าประเวณี มีให้เจอกันง่ายๆมากกว่ากล้อง cctv ที่ใช้งานได้จริงเสียอีก)
ยังไม่พอทุกเทศการพิเศษก็ยังมีไปแวะเวียนถามไถ่สาระทุกข์สุขดิบตามบ้านประชาชนที่พอมีอันจะกินอีกด้วย (ประชาชนเลยให้เต๊ะเอียอั่งเปาเป็นของขวัญ)...นี่ยังไม่ได้พูดถึง การทำงานระดับบริหารประเทศนะ แค่เอาจำนวน “รัฐธรรมนูญ” มาวัดกัน ญี่ปุ่นก็แพ้เราแล้ว 5555+
คำกล่าวหาที่ 5.การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกลจะขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง และชุมชนซึ่งเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องส่งเสริม
ตอบกลับ : เดี๋ยวๆ ที่พัฒนาไม่ทั่วถึงอ่ะ เค้าเรียกว่า “เก็บวัฒธรรมไว้ให้ลูกให้หลานดู” ไว้เป็นสถานที่ออกค่ายของเด็กมหาลัย ไว้เป็นฉากถ่ายหนังของอาหลองเหอะ ไม่รู้อะไรซ่ะเลย
อีกอย่าง ฮิปสเตอร์สัญชาติไทยมีเยอะ ต้องเก็บสถานที่เหล่านี้ไว้ถ่ายภาพ และเก็บมารีวิวในพันทีป ดังขึ้นมาก็ค่อยพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวไง เน้นชัวร์ไม่เน้นทั่วถึงอ่ะ
คำกล่าวหาที่ 6.การบังคับกฎหมายไม่เข้มแข็ง และไม่ต่อเนื่อง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปราบปรามไม่จริงจัง การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจหรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อนไม่มีมาตรฐาน
ตอบกลับ : เอ๊ะนี่ ใครบอกมา บ้านฉันน่ะ ตรวจจริง พิสูจน์จริง ตรวจสอบจริง จับจริง ปรับจริง ลงโทษจริง ขังคุกจริงๆ (กับคนจนนะ)
ส่วนอีกเรื่องอะ ประเทศไทยเค้าเรียกว่า “หยวนๆ” เว้ย มีน้ำใจกันบ้างป่ะ ก็ไม่ได้ตั้งใจไง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไง ที่บ้านก็พอมีเงินที่จะช่วยเหลือคู่กรณีแล้วไง ยังจะอะไรอี๊ก !! ห๊ะ !!
คำกล่าวหาที่ 7.อิจฉาตาร้อน สังคมไทยไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ เลี่ยงเป็นศรีธนญชัย ยกย่องคนมีอำนาจ มีเงินโดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูกแล้วไปเกาะผู้มีอำนาจเอาตัวรอด คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่าผู้ก่อการร้าย ดีแต่พูดมือไม่พายเอาเท้ารานํ้า ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว
ตอบกลับ : ไม่ได้อิจฉาเว้ย และแมนๆเลยนะที่นี่เค้า “สิทธิ ชายหญิง เด็กคนแก่ หมา ตุ๊ส เท่าเทียมกันหมดเว้ย”
และเคยได้ยินป่ะ “มีนายดีเป็นศรีแก่ตัว” กบยังเลือกนายเลย #คนไทยก็เช่นกัน
และที่สำคัญเลยนะ ใครๆเค้าก็อยากมาเมืองกันจะทั้งนั้น (ไอ่พวกมาแล้วโดนฆ่าข่มขืนริมทะเล มาปั่นจักรยานแล้วรถชน นั้นมันนานๆมีที ไม่ได้เกิดบ่อยๆหนิ) มาเถอะๆ มาเที่ยวไทยกัน Welcome to Thailand แถ๊มๆๆๆ ทอมๆ แวยูโกลาสไนท์...
คำกล่าวหาที่ 8.เอ็นจีโอค้านลูกเดียว บางกลุ่มอิงอยู่กับผลประโยชน์บ่อยครั้งที่ต้องเสียโอกาสอย่างมหาศาล เพราะการค้านหัวชนฝา เหตุผลจริง ๆ ไม่ได้พูดกัน
ตอบกลับ : อ้าววววว ก็มันแบ่งผลประโยชน์ไม่เท่ากันหนิ ใครจะไปยอมได้ ช่ายยยอ่ะ ? (อู๊ย !! ท่ดๆ ข้อนี้มือลั่น แต่ NGO บ้านเราดีๆก็ยังมีนะ พอดีทำงานด้านสิ่งแวดล้อมอยู่อ่ะ เลยพอเข้าใจและเห็นภาพบ้าง และอยากจะให้คิดอย่างนึงนะครับ "เรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม ใครไม่โดนกับตัวไม่รู้หร๊อก ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตากันหรอกเนอะพี่น้องเรา" ^^)
คำกล่าวหาที่ 9.ยังไม่พร้อมในเวทีโลก การสร้างความน่าเชื่อถือ ในเวทีการค้าระดับโลกยังขาดทักษะและทีมเวิร์คที่ดีทำให้สู้ประเทศเล็ก ๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้
ตอบกลับ : นี่ไปอยู่ไหนมา ประเทศไทยอะพร้อมมานานแล้ว แระเราก็ทำอะไรยิ่งใหญ่ระดับโลกมาก็เยอะแล้ว ไหนจะไส้อั่วที่ยาวที่สุดในโลก มีคนมาเล่นฮูล่าฮูบเยอะที่สุดในโลกในเวลาเดียวกันได้ตั้ง 7 นาทีแหน่ะ และล่าสุด มีชายไทยที่สวยที่สุดในโลกด้วยนะไม่อยากจะคุย(ข้อนี้น่าจะดีสุดแระ) ทำขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อถือกันอีกหรอ
นี่ๆ เรายังเคยทำแคมเปนระดับโลกมาด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็น “เมืองหนังสือโลก” (ที่เฉลี่ยการอ่านหนังสือของคนทั่งประเทศแล้วได้ตั้ง 7 บรรทัดต่อปี)
“เมืองแห่งแฟร์ชั่น” ที่มีสินค้าแบรนด์เนม ”ราคาถูก” มากมาย (ที่ทำออกมาได้เหมือนจริงๆเชียวคุณผู้โช๊มมม)
ส่วนเรื่องทีมเวิร์คอะหรอ ไปหาอ่านข่าวเรื่องการจับกุมเคลือข่ายของนายตำรวจใหญ่ และคดี สจล. นะ จะรู้ว่าทีมเวิร์คเมืองไทยดีแค่ไหน
ไม่ก็ข่าวคอรัปชั่นเก่าๆที่ถูกจับๆกันไปก็ได้ (แต่อาจจะหาความจริงจากข่าวพวกนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่นะ โทษที พอดีบ้านนี้เมื่องนี้เค้าให้อภัยคนง่าย)
คำกล่าวหาที่ 10.เลี้ยงลูกไม่เป็น เด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกันเป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็งเพราะการเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูกช่วยตัวเอง ไม่กระตือรือร้นในการช่วยตนเองขวนขวายแสวงหา ค้นหาตัวเองและไม่สอนให้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม
ตอบกลับ : ประเด็นนี้ขึ้นมาก #ผมนี่จะเลิกดูหนังเอวีเลย (ขอยาวหน่อยนะ เรื่องนี้รีวิวจากคนรอบตัวและสังคมมาเยอะ ขอจัดหนักจัดเต็มทิ้งทวน)
เรื่องเลี้ยงดูลูกเต้านี่ประเทษไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกเลยแหละ คือเราก็ลำบากมาเยอะไง จะให้ลูกมาทำนู้นนี่แบบเราได้ไง (ส่วนเรื่องช่วยตัวเองอะ ไม่ต้องไปสอนหรอก โตมามันก็เป็นเอง เผลอทำได้มากกว่านั้นอีก อิอิ) แล้วบอกให้รู้ไว้เลยนะ...
ยุคสมัยไหนแล้วคู๊ณ !! ใครเค้าจะมีเวลั่มเวลามาเลี้ยงดูลูกก๊านนน แค่เวลาจะทำมาหา-กันยังจะไม่พอเลย
พอมีลูกก็ส่งไปให้ปู่ย่าตายายเค้าเลี้ยงดิ หาเงินส่งไปก็พอ อีกอย่างนะ เราไม่เคยมีประสบการ์ณการเลี้ยงลูกไง ไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือตัวเราเองกันเท่าไหร่ เลยต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่เคยผ่านมือการเลี้ยงลูกมาก่อน
หรือไม่นะ ก็จ้างคนมาเลี้ยงแทนไง อาจจะขาดประสบการ์ณในการทำงานไปบ้าง แต่ก็เหอะน่ะ “หยวนๆไง” อยากให้เลี้ยงแบบไหน ดูแลยังไง ก็สั่งการเอา เอาเวลาไปทำมาหากินกันสิ เดี๋ยวไม่มี-จะยุ่งเอา
ไม่ก็ เอาไปฝากเลี้ยงไง เดี๋ยวนี้เค้ารับตั้งแต่เริ่มหย่านมแล้ว (เริ่มหย่านมนะจ๊ะ ฟังกันอีกครั้ง) ฝากให้เค้าเลี้ยงดู แถมลูกก็จะได้มีเพื่อนอีกต่างหาก ไม่เหงา เผลอนะบางคนถึงกับไว้ใจ วัด เซเว้น ปั๊มน้ำมัน หรือจะกองขยะ ให้ดูแลลูกแทนในระยะยาวเลยด้วย ...นี่แค่ตอนเด็กๆเล็กๆนะ พอโตมาหน่อย ก็ค่อยไปรับมาเลี้ยงดูเองได้
โตมาหน่อยพอคุยรู้เรื่องก็เลี้ยงลูกโดยใช้ระบบไวฟายไง ให้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตสองเอา ในนั้นมีความรู้มากกว่าเราๆกันอี๊ก ลูกสนใจเรื่องไหนก็ให้เค้าถามอากู๋เอา ง่ายๆสบายๆสไตล์ไทยๆ
พอโตมาอีกนิดก็ต้องส่งลูกไปเรียนที่ดีๆ ครั้นจะให้คนเป็นพ่อเป็นแม้ย้ายงานตามไปเลี้ยงดูลูกก็ใช่เรื่อง ก็ต้องให้ไปอยู่กับญาติห่างๆ หรือไม่ก็ให้อยู่หอพักไง ที่เหลือก็คงดูแลตัวเองได้แล้วแหละ เด็กไทยเก่งจะตาย หาในเน็ตดูก็ได้ ไหนจะมีเพศสัมพันธ์กันได้ก่อนวัยอันควร ไหนจะสามารถฉีดยาเข้าเส้นเพื่อรักษาอาการป่วยไข้ด้วยตัวเองได้ ไหนจะฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวด้วยสถาณการ์ณจริง ทั้งมีด ปืน ได้หมด ที่เด็ดสุด ประเทศนี้มีลูกวางแผนฆ่าพ่อแม่ตัวเองด้วยนะเว้ย
ลูกเรา ก็ต้องให้เป็นอย่างที่เราอยากให้เป็นดิ จะไปปล่อยปะละเลิกให้ค้นหาตัวเองทำไมให้เสียเวลา เราอุตส่าเลี้ยงดุมันมานะ
สามัญสำนึกของเด็กไทยก็เด็ดดวง ดึกดื่นกลัวบ้านเมืองไม่สงบยังมีมาขับรถตรวจตรากันอยู่เลย นี่ต้องทำถึงขนาดไหน...?
...ถึงจะเห็นคุณค่าของ “ประเทศไทย”
...และมันนานแค่ไหนแล้ว ที่เรื่องราวเหล่านี้ถูกสืบทอดตามยุคสมัยมาเรื่อยๆ ? และมันจะนานต่อไปอีกเท่าไหร่ ? หรือนี่คือ “ความเป็นไทย” ไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่ !! แล้วเราทำอะไรกันอยู่ หรือเราควร “หยวนๆ” ให้กับเรื่อง “เล็กๆน้อยๆ” เหล่านี้ หรือเราจะ....."ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม" อย่าที่เขาว่าจริงๆ...
""ผมรักเมืองไทย""
ขอบคุณที่รับฟังกัน...นำชวด
ปล. ไม่รู้หรอก ว่าข่าวนี้จริงแท้เช่นไร และก็พอทราบว่าข่าวนี้เป็นข่าวลวง และอาจจะมีที่มาจากผู้ร่วมชาติของเราเอง
แต่อย่างน้อย ก็มีคนคิดแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะใช่คนญี่ปุ่น หรือชนชาติใด ...แล้วคุณหล่ะคิดเห็นเช่นไร
(แต่ก็แอบคิดนะ เท่าที่เคยพูดคุยกับคนต่างชาติมา และคนญี่ปุ่น เค้าก็ไม่ได้ว่าเราแบบนี้นะ แค่เค้าเห็นว่าบ้านเมื่องเรามีวัฒนธรรมแบบนี้เฉยๆ)
นี่คือการตอบกลับของ "ชาวไทย" ถึงคำกล่าวหาของ "คนญี่ปุ่น" !!
เราในฐานะคนไทยคนนึง เรายอมไม่ได้นะ และเราขอร้องชาวไทยด้วยกันนะ ที่มีสามารถแปลสารนี้และส่งให้คนญี่ปุ่นได้ "ปรับทัศนคติ" ที่ผิดๆแบบนี้ด้วย
และเราขอนะ ช่วยอ่านและใช้วิจารณญาณในการแสดงความคิดเห็นด้วยนะ นี่เราพิมพ์ที่บรรทัดที่ 7 นะ หวังว่าคงอ่านมาถึงตรงนี้กันก่อน
มาเรา ! คนไทยทั้งหลาย ผมนี่ขอเป็นตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ ในการตอบกลับข้อกล่าวหาลวงๆพวกนี้เอง...ลุย !!
คำกล่าวหาที่ 1.คนไทยรู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะหน้าที่ต่อสังคม เป็นประเภท มือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดธุรกิจการเมืองธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติ ล้าหลังไปเรื่อย
ตอบกลับ : คนญี่ปุ่นไม่เคยอ่านพันทีปหรือแฟนเพจเฟสบุ๊กประเทษไทยแน่ๆ คนไทยช่วยเหลือสังคมจะต๊าย โดยเฉพาะการ ไลค์ คอมเม้น และแชร์ !!
คำกล่าวหาที่ 2.การศึกษายังไม่ทันสมัย คนไทยเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่าง ๆ ไม่กล้าแสดงออก ขี้อายไม่มั่นใจในตัวเอง จึงตามหลังชาติอื่น คนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก เพื่อโอกาสที่ดีกว่า
ตอบกลับ : ช่ายล๊าวคนทัยเก่งพาสาตัวเองมั๊กๆ แต่เรื่องฟามมั่นจัยเราก้อมีเกินร้อยนะ ม่ะเชื่อมาเปิดดู “ยูไลค์” ดิ
คำกล่าวหาที่ 3. มองอนาคตไม่เป็น คนไทยมากกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคตทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนนักที่จะทำงานเป็นระบบเป็นขั้นเป็นตอนมีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน
ตอบกลับ : มั่วจริงเชียวนะคู๊ณ คนไทยเราทำงานเพื่อตั้งเป้าหมายในอนาคตกันบ่อยมากญี่ปุ่นไม่รู้ ทุกๆ 16 วันก็ตั้งเป้าจะรวยแล้ว ยิ่งงวดไหนวางแผนเยอะนะ งวดนั้นยิ่งลงทุนเยอะเลย
คำกล่าวหาที่ 4.ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้าหรือทำด้วยความเกรงใจ ต่างกับคนญี่ปุ่นหรือยุโรปที่จะให้ความสำคัญกับสัญญาข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพราะหมายถึงความเชื่อถือในระยะยาว คนไทยจึงถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือลงเรื่อย ๆ
ตอบกลับ : ใครบอกว่าคนไทยไม่จริงจังในความรับผิดชอบหน้าที่ มาดูการทำงานของเจ้าหน้าที่รักษาความสงบของบ้านเมืองเราหรือยัง ทั้งตั้งหน้าตั้งตาตั้งด่านจับผู้กระทำผิดกฎหมายทางท้องถนนอย่างขยันขันแข็ง แถมดึกๆก็ยังขยันขันแข็งตรวจจับคนเมา (โดยที่เหตุก่ออาชยากรรมฆ่า ข่มขืน ยังตามจับไม่ได้
ของเถื่อน อาวุธ บ่อน ค้าประเวณี มีให้เจอกันง่ายๆมากกว่ากล้อง cctv ที่ใช้งานได้จริงเสียอีก)
ยังไม่พอทุกเทศการพิเศษก็ยังมีไปแวะเวียนถามไถ่สาระทุกข์สุขดิบตามบ้านประชาชนที่พอมีอันจะกินอีกด้วย (ประชาชนเลยให้เต๊ะเอียอั่งเปาเป็นของขวัญ)...นี่ยังไม่ได้พูดถึง การทำงานระดับบริหารประเทศนะ แค่เอาจำนวน “รัฐธรรมนูญ” มาวัดกัน ญี่ปุ่นก็แพ้เราแล้ว 5555+
คำกล่าวหาที่ 5.การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกลจะขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง และชุมชนซึ่งเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องส่งเสริม
ตอบกลับ : เดี๋ยวๆ ที่พัฒนาไม่ทั่วถึงอ่ะ เค้าเรียกว่า “เก็บวัฒธรรมไว้ให้ลูกให้หลานดู” ไว้เป็นสถานที่ออกค่ายของเด็กมหาลัย ไว้เป็นฉากถ่ายหนังของอาหลองเหอะ ไม่รู้อะไรซ่ะเลย
อีกอย่าง ฮิปสเตอร์สัญชาติไทยมีเยอะ ต้องเก็บสถานที่เหล่านี้ไว้ถ่ายภาพ และเก็บมารีวิวในพันทีป ดังขึ้นมาก็ค่อยพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวไง เน้นชัวร์ไม่เน้นทั่วถึงอ่ะ
คำกล่าวหาที่ 6.การบังคับกฎหมายไม่เข้มแข็ง และไม่ต่อเนื่อง ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ปราบปรามไม่จริงจัง การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจหรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อนไม่มีมาตรฐาน
ตอบกลับ : เอ๊ะนี่ ใครบอกมา บ้านฉันน่ะ ตรวจจริง พิสูจน์จริง ตรวจสอบจริง จับจริง ปรับจริง ลงโทษจริง ขังคุกจริงๆ (กับคนจนนะ)
ส่วนอีกเรื่องอะ ประเทศไทยเค้าเรียกว่า “หยวนๆ” เว้ย มีน้ำใจกันบ้างป่ะ ก็ไม่ได้ตั้งใจไง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไง ที่บ้านก็พอมีเงินที่จะช่วยเหลือคู่กรณีแล้วไง ยังจะอะไรอี๊ก !! ห๊ะ !!
คำกล่าวหาที่ 7.อิจฉาตาร้อน สังคมไทยไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ เลี่ยงเป็นศรีธนญชัย ยกย่องคนมีอำนาจ มีเงินโดยไม่สนใจภูมิหลัง โดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูกแล้วไปเกาะผู้มีอำนาจเอาตัวรอด คนพวกนี้ร้ายยิ่งกว่าผู้ก่อการร้าย ดีแต่พูดมือไม่พายเอาเท้ารานํ้า ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว
ตอบกลับ : ไม่ได้อิจฉาเว้ย และแมนๆเลยนะที่นี่เค้า “สิทธิ ชายหญิง เด็กคนแก่ หมา ตุ๊ส เท่าเทียมกันหมดเว้ย”
และเคยได้ยินป่ะ “มีนายดีเป็นศรีแก่ตัว” กบยังเลือกนายเลย #คนไทยก็เช่นกัน
และที่สำคัญเลยนะ ใครๆเค้าก็อยากมาเมืองกันจะทั้งนั้น (ไอ่พวกมาแล้วโดนฆ่าข่มขืนริมทะเล มาปั่นจักรยานแล้วรถชน นั้นมันนานๆมีที ไม่ได้เกิดบ่อยๆหนิ) มาเถอะๆ มาเที่ยวไทยกัน Welcome to Thailand แถ๊มๆๆๆ ทอมๆ แวยูโกลาสไนท์...
คำกล่าวหาที่ 8.เอ็นจีโอค้านลูกเดียว บางกลุ่มอิงอยู่กับผลประโยชน์บ่อยครั้งที่ต้องเสียโอกาสอย่างมหาศาล เพราะการค้านหัวชนฝา เหตุผลจริง ๆ ไม่ได้พูดกัน
ตอบกลับ : อ้าววววว ก็มันแบ่งผลประโยชน์ไม่เท่ากันหนิ ใครจะไปยอมได้ ช่ายยยอ่ะ ? (อู๊ย !! ท่ดๆ ข้อนี้มือลั่น แต่ NGO บ้านเราดีๆก็ยังมีนะ พอดีทำงานด้านสิ่งแวดล้อมอยู่อ่ะ เลยพอเข้าใจและเห็นภาพบ้าง และอยากจะให้คิดอย่างนึงนะครับ "เรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม ใครไม่โดนกับตัวไม่รู้หร๊อก ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตากันหรอกเนอะพี่น้องเรา" ^^)
คำกล่าวหาที่ 9.ยังไม่พร้อมในเวทีโลก การสร้างความน่าเชื่อถือ ในเวทีการค้าระดับโลกยังขาดทักษะและทีมเวิร์คที่ดีทำให้สู้ประเทศเล็ก ๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้
ตอบกลับ : นี่ไปอยู่ไหนมา ประเทศไทยอะพร้อมมานานแล้ว แระเราก็ทำอะไรยิ่งใหญ่ระดับโลกมาก็เยอะแล้ว ไหนจะไส้อั่วที่ยาวที่สุดในโลก มีคนมาเล่นฮูล่าฮูบเยอะที่สุดในโลกในเวลาเดียวกันได้ตั้ง 7 นาทีแหน่ะ และล่าสุด มีชายไทยที่สวยที่สุดในโลกด้วยนะไม่อยากจะคุย(ข้อนี้น่าจะดีสุดแระ) ทำขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อถือกันอีกหรอ
นี่ๆ เรายังเคยทำแคมเปนระดับโลกมาด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็น “เมืองหนังสือโลก” (ที่เฉลี่ยการอ่านหนังสือของคนทั่งประเทศแล้วได้ตั้ง 7 บรรทัดต่อปี)
“เมืองแห่งแฟร์ชั่น” ที่มีสินค้าแบรนด์เนม ”ราคาถูก” มากมาย (ที่ทำออกมาได้เหมือนจริงๆเชียวคุณผู้โช๊มมม)
ส่วนเรื่องทีมเวิร์คอะหรอ ไปหาอ่านข่าวเรื่องการจับกุมเคลือข่ายของนายตำรวจใหญ่ และคดี สจล. นะ จะรู้ว่าทีมเวิร์คเมืองไทยดีแค่ไหน
ไม่ก็ข่าวคอรัปชั่นเก่าๆที่ถูกจับๆกันไปก็ได้ (แต่อาจจะหาความจริงจากข่าวพวกนี้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่นะ โทษที พอดีบ้านนี้เมื่องนี้เค้าให้อภัยคนง่าย)
คำกล่าวหาที่ 10.เลี้ยงลูกไม่เป็น เด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกันเป็นขี้โรคทางจิตใจ ไม่เข้มแข็งเพราะการเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้ลูกช่วยตัวเอง ไม่กระตือรือร้นในการช่วยตนเองขวนขวายแสวงหา ค้นหาตัวเองและไม่สอนให้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม
ตอบกลับ : ประเด็นนี้ขึ้นมาก #ผมนี่จะเลิกดูหนังเอวีเลย (ขอยาวหน่อยนะ เรื่องนี้รีวิวจากคนรอบตัวและสังคมมาเยอะ ขอจัดหนักจัดเต็มทิ้งทวน)
เรื่องเลี้ยงดูลูกเต้านี่ประเทษไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกเลยแหละ คือเราก็ลำบากมาเยอะไง จะให้ลูกมาทำนู้นนี่แบบเราได้ไง (ส่วนเรื่องช่วยตัวเองอะ ไม่ต้องไปสอนหรอก โตมามันก็เป็นเอง เผลอทำได้มากกว่านั้นอีก อิอิ) แล้วบอกให้รู้ไว้เลยนะ...
ยุคสมัยไหนแล้วคู๊ณ !! ใครเค้าจะมีเวลั่มเวลามาเลี้ยงดูลูกก๊านนน แค่เวลาจะทำมาหา-กันยังจะไม่พอเลย
พอมีลูกก็ส่งไปให้ปู่ย่าตายายเค้าเลี้ยงดิ หาเงินส่งไปก็พอ อีกอย่างนะ เราไม่เคยมีประสบการ์ณการเลี้ยงลูกไง ไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือตัวเราเองกันเท่าไหร่ เลยต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่เคยผ่านมือการเลี้ยงลูกมาก่อน
หรือไม่นะ ก็จ้างคนมาเลี้ยงแทนไง อาจจะขาดประสบการ์ณในการทำงานไปบ้าง แต่ก็เหอะน่ะ “หยวนๆไง” อยากให้เลี้ยงแบบไหน ดูแลยังไง ก็สั่งการเอา เอาเวลาไปทำมาหากินกันสิ เดี๋ยวไม่มี-จะยุ่งเอา
ไม่ก็ เอาไปฝากเลี้ยงไง เดี๋ยวนี้เค้ารับตั้งแต่เริ่มหย่านมแล้ว (เริ่มหย่านมนะจ๊ะ ฟังกันอีกครั้ง) ฝากให้เค้าเลี้ยงดู แถมลูกก็จะได้มีเพื่อนอีกต่างหาก ไม่เหงา เผลอนะบางคนถึงกับไว้ใจ วัด เซเว้น ปั๊มน้ำมัน หรือจะกองขยะ ให้ดูแลลูกแทนในระยะยาวเลยด้วย ...นี่แค่ตอนเด็กๆเล็กๆนะ พอโตมาหน่อย ก็ค่อยไปรับมาเลี้ยงดูเองได้
โตมาหน่อยพอคุยรู้เรื่องก็เลี้ยงลูกโดยใช้ระบบไวฟายไง ให้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตสองเอา ในนั้นมีความรู้มากกว่าเราๆกันอี๊ก ลูกสนใจเรื่องไหนก็ให้เค้าถามอากู๋เอา ง่ายๆสบายๆสไตล์ไทยๆ
พอโตมาอีกนิดก็ต้องส่งลูกไปเรียนที่ดีๆ ครั้นจะให้คนเป็นพ่อเป็นแม้ย้ายงานตามไปเลี้ยงดูลูกก็ใช่เรื่อง ก็ต้องให้ไปอยู่กับญาติห่างๆ หรือไม่ก็ให้อยู่หอพักไง ที่เหลือก็คงดูแลตัวเองได้แล้วแหละ เด็กไทยเก่งจะตาย หาในเน็ตดูก็ได้ ไหนจะมีเพศสัมพันธ์กันได้ก่อนวัยอันควร ไหนจะสามารถฉีดยาเข้าเส้นเพื่อรักษาอาการป่วยไข้ด้วยตัวเองได้ ไหนจะฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวด้วยสถาณการ์ณจริง ทั้งมีด ปืน ได้หมด ที่เด็ดสุด ประเทศนี้มีลูกวางแผนฆ่าพ่อแม่ตัวเองด้วยนะเว้ย
ลูกเรา ก็ต้องให้เป็นอย่างที่เราอยากให้เป็นดิ จะไปปล่อยปะละเลิกให้ค้นหาตัวเองทำไมให้เสียเวลา เราอุตส่าเลี้ยงดุมันมานะ
สามัญสำนึกของเด็กไทยก็เด็ดดวง ดึกดื่นกลัวบ้านเมืองไม่สงบยังมีมาขับรถตรวจตรากันอยู่เลย นี่ต้องทำถึงขนาดไหน...?
...ถึงจะเห็นคุณค่าของ “ประเทศไทย”
...และมันนานแค่ไหนแล้ว ที่เรื่องราวเหล่านี้ถูกสืบทอดตามยุคสมัยมาเรื่อยๆ ? และมันจะนานต่อไปอีกเท่าไหร่ ? หรือนี่คือ “ความเป็นไทย” ไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่ !! แล้วเราทำอะไรกันอยู่ หรือเราควร “หยวนๆ” ให้กับเรื่อง “เล็กๆน้อยๆ” เหล่านี้ หรือเราจะ....."ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม" อย่าที่เขาว่าจริงๆ...
ปล. ไม่รู้หรอก ว่าข่าวนี้จริงแท้เช่นไร และก็พอทราบว่าข่าวนี้เป็นข่าวลวง และอาจจะมีที่มาจากผู้ร่วมชาติของเราเอง
แต่อย่างน้อย ก็มีคนคิดแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะใช่คนญี่ปุ่น หรือชนชาติใด ...แล้วคุณหล่ะคิดเห็นเช่นไร
(แต่ก็แอบคิดนะ เท่าที่เคยพูดคุยกับคนต่างชาติมา และคนญี่ปุ่น เค้าก็ไม่ได้ว่าเราแบบนี้นะ แค่เค้าเห็นว่าบ้านเมื่องเรามีวัฒนธรรมแบบนี้เฉยๆ)