คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
- แนะนำให้เรียนมหาลัยที่พอมีชื่อเสียงแล้วสามารถกลับบ้านตอนไหนก็ได้ เช่น เวลาเหงา - Home sick
- จะได้เจอคนหลายรูปแบบ เห็นแก่ตัว, เห็นเงียบๆฟาดเรียบนะจ๊ะ, สวยใสไร้สมอง บลาๆ
- ถ้าเรียนมหาลัยที่มีแกงค์จากม.ปลายอยู่ด้วย ถึงเพื่อนมหาลัยเราจะกากเดน เราก็ยังไปพึ่งเพื่อนม.ปลายได้เช่นกัน
- บางวิชาของมหาลัยอาจเหมือนวิชาม.ปลาย แต่ย่นเวลาจากเรียนทั้งปี มาเป็นเรียนเทอมเดียว หรือสัปดาห์เดียว
- มหาลัยมีเวลาว่างเยอะมากกก ซึ่งเวลาที่ว่างๆเนี่ย เค้าเอาไว้ให้ 'เรียนรู้ด้วยตนเอง' ว่าง่ายๆเอาไปอ่านเอง ทบทวนที่เรียน
(แต่เราเวลาว่างพวกนี้น่ะหรอ หึ. เล่นเกม, นอน, ดูการ์ตูน มีแต่ช่วงใกล้สอบโน่นแหละถึงจะเข้ากระบวนการ 'ทบทวนด้วยตนเอง')
- ไม่มีใครมาบังคับว่าเราต้องทำอะไรๆ เป็นอิสระพอตัว จนบางทีลืมว่าต้องทำอันนี้ อันนี้นะ เอาเป็นว่าต้องรู้หน้าที่ตัวเอง
- คะแนนส่วนใหญ่ที่จะตัดสินเกรดมาจากการสอบ ถ้าสอบไม่ได้เกรดก็ไม่สวย แปลว่าเราต้องเรียนแล้วรู้เรื่อง
(แต่เรานะ ตอนสอบก็ทำได้ แต่พอเรียนผ่านมาแล้วเกรดออกชอบทิ้งไปหมดเลย แย่มาก พอเจอวิชาต่อที่ต้องใช้ความรู้เดิมก็ต้องมาทบทวนใหม่ให้วุ่นวายอ่อนเปลี้ยเพลียแรง อาจจะเพราะเราควรจะทบทวนวิชาที่เรียนผ่านมาแล้วด้วยอย่างสม่ำเสมอ ไม่ทิ้งไปเลยเมื่อเรียนจบแล้ว)
- ช่วงสอบก่อนที่เราจะไปช่วยคนอื่นต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน ไม่ใช่แค่ช่วงสอบ ไม่ว่ากรณีใดก็ตามเอาตัวเองให้รอดก่อน!
- อ.บางคนก็อาจจะไม่ได้น่าเคารพ เราไม่จำเป็นต้องยึดติดว่า อ.ไม่ชอบขี้หน้าเรา แต่เราต้องชอบขี้หน้าอ. เพราะวัฒนธรรมสอนมา
แต่... เราต้องกอบโกยความรู้ที่เค้าสอนมาให้ได้โดยปราศจากอคติ ไม่อย่างนั้นเกรดวิชานั้นจะแย่มาก เพราะไม่อยากเรียนกับอ.คนนี้ เกลียดอ่ะ
- อาจจะต้องใช้ชีวิตคนเดียวมากขึ้น ถ้าเพื่อนใหม่ไม่โอเค เดี๋ยวก็เจ็บและชินไปเอง (เหมือนเรา)
- การทำกิจกรรม เช่นการเก็บ ช.ม. กยศ อาจทำให้เราได้เพื่อนใหม่ที่แบบ ประทับใจอ่ะ
จบ คิดออกประมาณนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับน้อง จขกท ไม่มากก็น้อยถึงปานกลาง
- จะได้เจอคนหลายรูปแบบ เห็นแก่ตัว, เห็นเงียบๆฟาดเรียบนะจ๊ะ, สวยใสไร้สมอง บลาๆ
- ถ้าเรียนมหาลัยที่มีแกงค์จากม.ปลายอยู่ด้วย ถึงเพื่อนมหาลัยเราจะกากเดน เราก็ยังไปพึ่งเพื่อนม.ปลายได้เช่นกัน
- บางวิชาของมหาลัยอาจเหมือนวิชาม.ปลาย แต่ย่นเวลาจากเรียนทั้งปี มาเป็นเรียนเทอมเดียว หรือสัปดาห์เดียว
- มหาลัยมีเวลาว่างเยอะมากกก ซึ่งเวลาที่ว่างๆเนี่ย เค้าเอาไว้ให้ 'เรียนรู้ด้วยตนเอง' ว่าง่ายๆเอาไปอ่านเอง ทบทวนที่เรียน
(แต่เราเวลาว่างพวกนี้น่ะหรอ หึ. เล่นเกม, นอน, ดูการ์ตูน มีแต่ช่วงใกล้สอบโน่นแหละถึงจะเข้ากระบวนการ 'ทบทวนด้วยตนเอง')
- ไม่มีใครมาบังคับว่าเราต้องทำอะไรๆ เป็นอิสระพอตัว จนบางทีลืมว่าต้องทำอันนี้ อันนี้นะ เอาเป็นว่าต้องรู้หน้าที่ตัวเอง
- คะแนนส่วนใหญ่ที่จะตัดสินเกรดมาจากการสอบ ถ้าสอบไม่ได้เกรดก็ไม่สวย แปลว่าเราต้องเรียนแล้วรู้เรื่อง
(แต่เรานะ ตอนสอบก็ทำได้ แต่พอเรียนผ่านมาแล้วเกรดออกชอบทิ้งไปหมดเลย แย่มาก พอเจอวิชาต่อที่ต้องใช้ความรู้เดิมก็ต้องมาทบทวนใหม่ให้วุ่นวายอ่อนเปลี้ยเพลียแรง อาจจะเพราะเราควรจะทบทวนวิชาที่เรียนผ่านมาแล้วด้วยอย่างสม่ำเสมอ ไม่ทิ้งไปเลยเมื่อเรียนจบแล้ว)
- ช่วงสอบก่อนที่เราจะไปช่วยคนอื่นต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน ไม่ใช่แค่ช่วงสอบ ไม่ว่ากรณีใดก็ตามเอาตัวเองให้รอดก่อน!
- อ.บางคนก็อาจจะไม่ได้น่าเคารพ เราไม่จำเป็นต้องยึดติดว่า อ.ไม่ชอบขี้หน้าเรา แต่เราต้องชอบขี้หน้าอ. เพราะวัฒนธรรมสอนมา
แต่... เราต้องกอบโกยความรู้ที่เค้าสอนมาให้ได้โดยปราศจากอคติ ไม่อย่างนั้นเกรดวิชานั้นจะแย่มาก เพราะไม่อยากเรียนกับอ.คนนี้ เกลียดอ่ะ
- อาจจะต้องใช้ชีวิตคนเดียวมากขึ้น ถ้าเพื่อนใหม่ไม่โอเค เดี๋ยวก็เจ็บและชินไปเอง (เหมือนเรา)
- การทำกิจกรรม เช่นการเก็บ ช.ม. กยศ อาจทำให้เราได้เพื่อนใหม่ที่แบบ ประทับใจอ่ะ
จบ คิดออกประมาณนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับน้อง จขกท ไม่มากก็น้อยถึงปานกลาง
แสดงความคิดเห็น
(ถามพี่ๆ) อยากรู้เรียนมหาลัยยากไหม? ต่างจากมัธยมยังไง?
ช่วยหน่อยค่ะ จะรู้ว่าต้องเตรียมตัวยังไง พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสส