คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เพราะกระบวนการคิดยังแตกต่างกันไงคะ เด็กวัยอย่างที่ จขกท ยกมา สมองยังไม่พัฒนาเต็มที่ค่ะ
ส่งผลให้ความเข้าใจ ความคิดในเชิงเหตุผลยังไม่ลึกเท่าผู้ใหญ่เต็มที่ บางครั้งเลยคิดแบบสั้นๆ หรือ มีเหตุผลในรูปแบบจับแพะชนแกะอยู่
เช่น เด็กไปโดนหมากัดเข้า เขาก็อาจคิดว่า เพราะวันนี้เขาใส่เสื้อสีแดงก็เลยโดนหมากัด ก็ต่อต้านการใส่เสื้อสีแดงไป
หรือ วันนี้พ่อกลับบ้านช้าเพราะเขาต้องทำงาน แต่เด็กก็โยงไปได้ว่า เพราะเขากินข้าวไม่หมด พ่อเลยกลับบ้านช้า
คือ เขามีเหตุผลของเขานะ และเชื่อเป็นจริงเป็นจังว่า มันถูกแล้ว แต่นั่นคือ ความเข้าใจตามกายภาพของสมองน่ะแหล่ะ
แม้แต่ในวัยรุ่นเอง กระบวนการคิดก็ยังมีระดับของมันเลย เป็นระยะของการพึ่งจะเริ่มเข้าใจนามธรรม
ตรรกะต่างๆ ซึ่งพัฒนามาจากวัยประถมที่การคิดเป็นรูปธรรมน่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนเรื่องโกหก ในเด็กจะถูกเรียกว่า white lie ค่ะ การโกหกของเด็กมักเริ่มจากความกลัวและสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด
ซึ่งมันจะไม่ซับซ้อน ไม่ได้มีในเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเท่ากับผู้ใหญ่ อย่างถามว่า ทำอะไรอยู่ เด็กตอบเปล่า แต่ขนมนี่เต็มปากเลย
มันเป็นเรื่องปกติมากๆ เป็นไปตามสัญชาตญาณคิดหาทางเอาตัวรอดมากกว่า ว่าจะผ่านสถานการณ์นั้นไปได้ยังไง บางทีก็เลยใช้การโกหก
ซึ่งแทบไม่ได้เกี่ยวข้องไปถึงระดับคุณธรรมจริยธรรมเหมือนอย่างที่วัยผู้ใหญ่ยึดติด หลอกลวงมาเพื่อผลประโยชน์
แถมบางครั้งมันทับซ้อนในแง่ของจินตนาการลงไปด้วย เพราะเด็กวัยนี้สมองซีกซ้ายและขวา เส้นเชื่อมสองฝากยังพัฒนาไม่เต็มที่
ทำให้การคิดที่เกิดขึ้น บางทีเด็กแยกไม่ได้ว่า มันคือโลกจริง หรือ จินตนาการ แต่เด็กก็ผสมเอาทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน แล้วสื่อออกมา
ผู้ใหญ่ที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นมาแล้ว ต่อไม่ติดค่ะ เพราะแยกออกว่า อันนี้จริง อันนี้ไม่จริง ก็ไปตีตราว่า เด็กโกหกแล้วลงโทษก็มีเยอะเลย
ดังนั้นคำว่าโกหกของเด็กกับผู้ใหญ่จึงมักคนละบริบทกันน่ะ
ส่งผลให้ความเข้าใจ ความคิดในเชิงเหตุผลยังไม่ลึกเท่าผู้ใหญ่เต็มที่ บางครั้งเลยคิดแบบสั้นๆ หรือ มีเหตุผลในรูปแบบจับแพะชนแกะอยู่
เช่น เด็กไปโดนหมากัดเข้า เขาก็อาจคิดว่า เพราะวันนี้เขาใส่เสื้อสีแดงก็เลยโดนหมากัด ก็ต่อต้านการใส่เสื้อสีแดงไป
หรือ วันนี้พ่อกลับบ้านช้าเพราะเขาต้องทำงาน แต่เด็กก็โยงไปได้ว่า เพราะเขากินข้าวไม่หมด พ่อเลยกลับบ้านช้า
คือ เขามีเหตุผลของเขานะ และเชื่อเป็นจริงเป็นจังว่า มันถูกแล้ว แต่นั่นคือ ความเข้าใจตามกายภาพของสมองน่ะแหล่ะ
แม้แต่ในวัยรุ่นเอง กระบวนการคิดก็ยังมีระดับของมันเลย เป็นระยะของการพึ่งจะเริ่มเข้าใจนามธรรม
ตรรกะต่างๆ ซึ่งพัฒนามาจากวัยประถมที่การคิดเป็นรูปธรรมน่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนเรื่องโกหก ในเด็กจะถูกเรียกว่า white lie ค่ะ การโกหกของเด็กมักเริ่มจากความกลัวและสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด
ซึ่งมันจะไม่ซับซ้อน ไม่ได้มีในเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเท่ากับผู้ใหญ่ อย่างถามว่า ทำอะไรอยู่ เด็กตอบเปล่า แต่ขนมนี่เต็มปากเลย
มันเป็นเรื่องปกติมากๆ เป็นไปตามสัญชาตญาณคิดหาทางเอาตัวรอดมากกว่า ว่าจะผ่านสถานการณ์นั้นไปได้ยังไง บางทีก็เลยใช้การโกหก
ซึ่งแทบไม่ได้เกี่ยวข้องไปถึงระดับคุณธรรมจริยธรรมเหมือนอย่างที่วัยผู้ใหญ่ยึดติด หลอกลวงมาเพื่อผลประโยชน์
แถมบางครั้งมันทับซ้อนในแง่ของจินตนาการลงไปด้วย เพราะเด็กวัยนี้สมองซีกซ้ายและขวา เส้นเชื่อมสองฝากยังพัฒนาไม่เต็มที่
ทำให้การคิดที่เกิดขึ้น บางทีเด็กแยกไม่ได้ว่า มันคือโลกจริง หรือ จินตนาการ แต่เด็กก็ผสมเอาทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน แล้วสื่อออกมา
ผู้ใหญ่ที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นมาแล้ว ต่อไม่ติดค่ะ เพราะแยกออกว่า อันนี้จริง อันนี้ไม่จริง ก็ไปตีตราว่า เด็กโกหกแล้วลงโทษก็มีเยอะเลย
ดังนั้นคำว่าโกหกของเด็กกับผู้ใหญ่จึงมักคนละบริบทกันน่ะ
แสดงความคิดเห็น
อยากรู้ว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงชอบคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่องอะไร
ปล.แล้วที่บอกว่าเด็กโกหกไม่เป็นหนูก็ไม่เชื่อมันอาจใช่ตอนไม่เกิน 3 ขวบแต่ถ้าเลยไปมันก็ต้องมีบ้างแหละค่ะ
สุดท้าย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ อยากว่าอะไรหนูก็ได้นะคะ หนูอยากรู้จริงๆว่าผู้ใหญ่คิดแบบนี้กันทุกคนรีเปล่า