ผมขอเชิญร่วมพูดคุยในไอเดียเรื่อง การทำให้งานวิจัยประเทศเติบโตให้เกิน 1% ของ GDP ใน 1 ปี ครับ

ในอดีตเรามีเรื่องการ ผลักดันงานวิจัยมาตลอด แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จสักที

ปัญหาในฐานะที่ผมเคยผ่าน ป ตรีมาพบว่า งานวิจัยของ ป ตรีส่วนใหญ่ เกิดจาก อาจารย์ให้หัวข้อให้ ซึ่งทำให้งานวิจัย ของ ป ตรี ป โท ส่วนใหญ่เก็บไว้บนหิ้งไม่ถูกนำมาใช้ ขณะที่ ภาคธุรกิจยังคงต้องการ งานวิจัยพัฒนาธุรกิจ ประกอบกับปีนี้ งานวิจัย เป็น"วาระแห่งชาติ" เสนอไอเดียที่จะทำให้ ประเทศไทยมีลงทุนในงานวิจัยเพิ่มขึ้น ขณะที่บริทษัทก็ยังได้สิทธิประโยชน์จากการหักภาษีงานวิจัยด้วย โดยไอเดียผมคือ
   เริ่มจาก
  1 ภาคธรุกิจ SME บางบริษัทไม่มีความรู้หรือห้องปฎบัติการที่เพียงพอต่อการวิจัย นวัตกรรมต่างๆ ขณะที่มหาวิทยาลัยมีห้องวิจัย แต่ไม่เคยรู้หัวข้อวิจัยที่ตลาดต้องการดังนั้นผมจึงเสนอว่า อยากให้ภาครัฐทำนโยบายให้บริษัทสามารถการบริจาคโดยให้เข้าใน "หัวข้อการสนับสนุนงานวิจัย" ซึ่งนำไปหักภาษีได้ ซึ่งในการจะทำได้การบริจาคนั้น ซึ่งจะต้องบริจาคต่อเนื่อง 2 ปี
   2 ต่อมาจะมีหน่วยภาครัฐซึ่งทำหน้าที่คล้าย Sale เข้าไปรับหัวข้องานวิจัยที่บริษัทต้องการเสนอก่อน ซึ่งทางหน่วยงานภาครัฐก็จะไปรับหัวข้อวิจัยจากบริษัทในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ประสงค์จะเข้าร่วมในโครงการ "การสนับสนุนงานวิจัย" โดยทั้งนี้การบริจาคอาจกำหนดเพดานและขั้นต่ำในการเก็บที่เหมาะสม
   3 จากนั้นหัวข้องานวิจัยทั้งหมดจะถูกส่งไปหน่วยงานภาครัฐ โดยในภาครัฐก็จะมีการเปิดโครงการ "ทุนการศึกษางานวิจัย" ซึ่งโครงการนี้จะให้นักศึกษาผู้สนใจที่จะอยากหาเงินระหว่างการเรียนไปด้วย ก็จะเข้ามาสู่โครงการนี้คือได้รับเงินวิจัยรายเดือนจากทางภาครัฐ เพื่อทำงานวิจัยที่รับมา โดยงานวิจัยทั้งหมดจะถูกสุ่มและภาครัฐกลางจะทำการเลือกและส่งต่อไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยจะดูจากมหาวิทยาลัยและอาจารย์ที่เข้าร่วมโครงการนี้ และทำการคัดเลือกตามคุณสมบัติในเชิงองค์ความรู้ ความพร้อม และความถนัดของอาจารย์และมหาวิทยาลัยในแต่ล่ะที่อย่างเหมาะสม กรณีนี้หัวข้อมีอาจารย์เลือกพร้อมๆกัน ก็จะต้องทำการพิจารณาตามความพร้อมและความเหมาะสมว่าใครเหมาะสมก็ก็จะได้หัวข้อวิจัยนั้นไป โดยโครงงานนี้จะเริ่มให้นักศึกษาเข้าร่วมตั้งแต่ปี 3 ซึ่งจะทำให้นักศึกษามีเวลาที่จะทำการวิจัยถึง 2 ปี หรือป โทก็โครงการเปิดให้เป็นทุนเรียนไปด้วย ซึ่งเมื่อ นักศึกษาคนนั้นจบ งานวิจัยจะถูกตีพิมพ์และงานวิจัยหัวข้อนั้นจะถูกส่งต่อไปยังบริษัทจะทำเข้าโครงการ ซึ่งทำให้บริษัทได้งานวิจัยที่สามารถไปต่อยอด นวัตกรรมของตัวเองได้ ขณะที่มหาวิทยาลัยก็จะได้งานวิจัยที่มีคุณภาพตรงต่อความต้องการตลาดอีกด้วย

สรุป ภาคเอกชนได้อะไร
1 ได้หักภาษีและงานวิจัยจะส่งไปที่บริษัท
2 ได้สร้างบุคลากรด้านงานวิจัยนั้นตั้งแต่ในมหาวิทยาลัย(อย่างไรก็ตามนักศึกษาก็มีสิทธิในเลือกทำงานกับบริษัท และอาจจะไปบริษัทคู่แข่งได้แต่ทางนักศึกษาจะไม่รู้และทราบถึงบริษัทขณะทำงานวิจัยอยู่ อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่นักศึกษาทำนั้นถูกตีพิมพ์และถือเป็นของมหาวิทยลัยดังนั้น บริษัทจะไม่มีโอกาสในการบังคับนักศึกษาอย่างไรก็ดีกรณีบริษัทอย่างได้นักศึกษาอาจมีจดหมายเชิญไปถึงนักศึกษา(กรณีบริษัทอยากได้นักวิจัยไปทำงานต่อซึ่งนักศึกษาปฎิเสธได้)

ภาคนักศึกษาและมหาวิทยาลัย
1 นักศึกษาได้เงินและมหาวิทยาลัยได้งานวิจัยคุณภาพ
2 นักศึกษาได้งานวิจัยซึ่งทำให้สมัครงานง่ายขึ้น

ภาครัฐ
1 ทำให้ประเทศข้าม กับดับ รายได้ปานกลางง่ายขึ้น

อยากขอให้แสดงความคิดเห็นและติ ชม หน่อยครับ ว่าโครงการดี เสียอย่างไร และต้องปรับปรุงอย่างไรบ้างครับ ถ้ามันสมบูรณ์ผมจะลองส่งไปให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือ คสช เพื่อจะทำให้นโยบายการพัฒนางานวิจัยเกิดจริง

ขอขอบคุณทุกครล่วงหน้าครับ

(ปล ขอแบบสาระ งด คำหยาบ คำด่า ประชด และวาจาไม่เกิดมงคลทั้งหลาย ขอบคุณครับ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่