สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
อันนี้ตอบแบบไม่เข้าข้างตัวเองนะครับ
จากประสบการณ์ที่ชอบอ่านบล็อกท่องเที่ยวของชาวต่างชาติมาพอสมควร
และก็ได้ไปเที่ยวที่มาเลเซีย รวมถึงประเทศอื่นๆ มาพอสมควร
ตอบได้เลยว่ากรุงเทพครับ
ในแง่มุมของชาวตะวันตก กรุงเทพและประเทศไทยเป็นวัฒนธรรมตะวันออกที่มัน amazing สำหรับเขาครับ วัดแบบนี้ วัฒนธรรมแบบนี้ เอกลักษณ์แบบนี้ มันหาได้ไม่กี่แห่งในโลก (จริงมั้ยครับ...แม้แต่พุทธแบบมหายานอย่างจีน ญี่ปุ่น ก็ไม่เหมือนเรา วัดแบบนี้มีแค่ประเทศแถวๆ นี้เท่านั้นแหละ) ในขณะที่กัวลาลัมเปอร์ มันก็สไตล์มุสลิม ที่สามารถพบเห็นได้ตามประเทศมุสลิมทั่วโลก มันเป็นอะไรที่เห็นได้ง่ายกว่า ความเป็นมุสลิมมันไม่ได้ดู amzaing มากนักสำหรับชาวตะวันตก
และด้วยข้อจำกัดต่างๆ ของศาสนา ทำให้ชีวิตแบบ night life ของกัวลาลัมเปอร์มันดูไม่ตื่นตาตื่นใจเท่ากรุงเทพครับ ตกดึกนี่กัวลาลัมเปอร์เงียบหมดละ ร้านรวงปิดหมด นักท่องเที่ยวเตรียมตัวเข้าโรงแรมเข้านอนได้ ผิดกับกรุงเทพนี่ดึกดื่นนี่ยังครึกครื้นตลอด หลายร้านเปิดถึงดึก street food นี่ขายกันโต้รุ่งด้วยซ้ำ กรุงเทพมันมีชีวิตชีวากว่าเยอะครับ อันนี้คนเคยไปเที่ยวกัวลาลัมเปอร์น่าจะเข้าใจเลย (ย่านครึกครื้นยามดึกของมาเลมันก็มี แต่มันไม่เด่นเท่ากรุงเทพจริงๆ)
ความหลากหลายด้านที่เที่ยวด้วยครับ กรุงเทพที่เที่ยวเยอะมาก แค่ล่องเจ้าพระยาเนี่ย มันก็ถือว่าเป็นอะไรที่กินขาดสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว (อ่านในบล็อกฝรั่ง การล่องเรือเจ้าพระยานี่มันเป็นประสบการณ์เจ๋งสุดๆ แถมราคาถูกมากด้วยสำหรับเค้า) ในขณะที่มาเลเซียไม่มีอะไรแบบนี้ ถ้าใครไปมาเลเซียก็คงเห็นตามกัน ว่านอกจากตึกแฝดและอีกไม่กี่ที่แล้ว ในเมืองก็ไม่มีอะไรให้เที่ยวจริงๆ นอกจากออกไปนอกเมือง
นี่คือประเด็นหลักๆ ที่ผมเจอมาจากบล็อกของชาวตะวันตกที่มาเที่ยวแถบนี้ครับ
จากประสบการณ์ที่ชอบอ่านบล็อกท่องเที่ยวของชาวต่างชาติมาพอสมควร
และก็ได้ไปเที่ยวที่มาเลเซีย รวมถึงประเทศอื่นๆ มาพอสมควร
ตอบได้เลยว่ากรุงเทพครับ
ในแง่มุมของชาวตะวันตก กรุงเทพและประเทศไทยเป็นวัฒนธรรมตะวันออกที่มัน amazing สำหรับเขาครับ วัดแบบนี้ วัฒนธรรมแบบนี้ เอกลักษณ์แบบนี้ มันหาได้ไม่กี่แห่งในโลก (จริงมั้ยครับ...แม้แต่พุทธแบบมหายานอย่างจีน ญี่ปุ่น ก็ไม่เหมือนเรา วัดแบบนี้มีแค่ประเทศแถวๆ นี้เท่านั้นแหละ) ในขณะที่กัวลาลัมเปอร์ มันก็สไตล์มุสลิม ที่สามารถพบเห็นได้ตามประเทศมุสลิมทั่วโลก มันเป็นอะไรที่เห็นได้ง่ายกว่า ความเป็นมุสลิมมันไม่ได้ดู amzaing มากนักสำหรับชาวตะวันตก
และด้วยข้อจำกัดต่างๆ ของศาสนา ทำให้ชีวิตแบบ night life ของกัวลาลัมเปอร์มันดูไม่ตื่นตาตื่นใจเท่ากรุงเทพครับ ตกดึกนี่กัวลาลัมเปอร์เงียบหมดละ ร้านรวงปิดหมด นักท่องเที่ยวเตรียมตัวเข้าโรงแรมเข้านอนได้ ผิดกับกรุงเทพนี่ดึกดื่นนี่ยังครึกครื้นตลอด หลายร้านเปิดถึงดึก street food นี่ขายกันโต้รุ่งด้วยซ้ำ กรุงเทพมันมีชีวิตชีวากว่าเยอะครับ อันนี้คนเคยไปเที่ยวกัวลาลัมเปอร์น่าจะเข้าใจเลย (ย่านครึกครื้นยามดึกของมาเลมันก็มี แต่มันไม่เด่นเท่ากรุงเทพจริงๆ)
ความหลากหลายด้านที่เที่ยวด้วยครับ กรุงเทพที่เที่ยวเยอะมาก แค่ล่องเจ้าพระยาเนี่ย มันก็ถือว่าเป็นอะไรที่กินขาดสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว (อ่านในบล็อกฝรั่ง การล่องเรือเจ้าพระยานี่มันเป็นประสบการณ์เจ๋งสุดๆ แถมราคาถูกมากด้วยสำหรับเค้า) ในขณะที่มาเลเซียไม่มีอะไรแบบนี้ ถ้าใครไปมาเลเซียก็คงเห็นตามกัน ว่านอกจากตึกแฝดและอีกไม่กี่ที่แล้ว ในเมืองก็ไม่มีอะไรให้เที่ยวจริงๆ นอกจากออกไปนอกเมือง
นี่คือประเด็นหลักๆ ที่ผมเจอมาจากบล็อกของชาวตะวันตกที่มาเที่ยวแถบนี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 17
ปล. ถ้ามีโอกาส ว่างๆ ผมแนะนำให้เสิร์ชหาบล็อกของฝรั่งที่มาเที่ยวเมืองไทย แล้วเขียนรีวิวเอาไว้ครับ อยากให้ลองอ่านเราจะเข้าใจดีขึ้นเยอะเลย ว่า "ฝรั่งมองไทย" ยังไงบ้าง เค้ามองการท่องเที่ยวบ้านเรายังไง พูดเลยว่าฝรั่งไม่ได้มองบ้านเรา negative อย่างที่เราคิดกลัวกันครับ แทบจะทุกบล็อกมีแต่คำชม (ไม่แปลกที่ฝรั่งหลายคนจะติดใจเมืองไทย มาแล้วมาอีก) อ่านแล้วมันยังทำให้เห็นความเจ๋งของบ้านเราด้วยซ้ำ (จากที่อยู่ทุกวันแล้วไม่เคยสังเกตเอง) ภูมิใจจริงๆ นะที่เค้ามองบ้านเราดีในหลายๆ จุดตรงนั้น และเราก็ยอมรับว่าจุดนั้นมันคือดีจริงๆ ส่วนด้านมืดมันก็มี แต่ก็เป็นเรื่องจริง
และจะได้เห็นด้วย ว่าฝรั่งมาเที่ยวไทย เค้าสุดเหวี่ยงกันแค่ไหน บางคนมา 40-50 วันก็มี และเค้าไม่ได้อยู่แค่ในกรุงเทพ แต่เค้าขึ้นเหนือยันล่องใต้เลย อ่านแล้วเพลินมากๆ เหมือนได้เที่ยวเอง ได้เห็นเมืองไทยในมุมมองของฝรั่งด้วย (เท่าที่อ่านมา ฝรั่งค่อนข้างไปอีสานกันน้อยนะ ส่วนใหญ่อยู่เหนือไม่กี่วัน แล้วไปแช่ยาวที่ภาคใต้เลย ฝากเป็นการบ้านให้ ททท. ไปพัฒนาการท่องเที่ยวของอีสานเลยครับตรงนี้) บางคนไปใช้ชีวิตกันเป็นชาวเกาะเป็นสัปดาห์ๆ ด้วยซ้ำ อ่านแล้วก็แอบอิจฉา ว่าเค้าลางานกันได้ยาวจริงๆ จนใช้ชีวิตกันแบบสุดเหวี่ยงสุดๆ ขนาดคนไทยยังไม่มีโอกาสทำแบบนี้เลย
มีบล็อกนึง อ่านแล้วขำดีครับ เค้ามองกัวลาลัมเปอร์มีค่าแค่เป็นเมือง "Visa-run" สำหรับการมาเที่ยวเมืองไทยด้วยซ้ำ คือเค้ามาอยู่เดือนครึ่ง แต่ไทยให้อยู่ได้แค่ 30 วัน ช่วงวันปลายๆ เค้าเลยบินไปนอนกัวลาลัมเปอร์หนึ่งคืน เที่ยวหนึ่งวัน แล้วกลับมาไทย เพียงเพื่อให้ได้ต่อวีซ่าอีก 30 วัน (เค้าบอกเลยว่ากัวลาลัมเปอร์มัน so so สำหรับเค้า ไม่มีอะไรพิเศษ)
อ่านแบบนี้ คิดว่าฝรั่งมองกัวลาลัมเปอร์ยังไงล่ะครับ ^^"
และจะได้เห็นด้วย ว่าฝรั่งมาเที่ยวไทย เค้าสุดเหวี่ยงกันแค่ไหน บางคนมา 40-50 วันก็มี และเค้าไม่ได้อยู่แค่ในกรุงเทพ แต่เค้าขึ้นเหนือยันล่องใต้เลย อ่านแล้วเพลินมากๆ เหมือนได้เที่ยวเอง ได้เห็นเมืองไทยในมุมมองของฝรั่งด้วย (เท่าที่อ่านมา ฝรั่งค่อนข้างไปอีสานกันน้อยนะ ส่วนใหญ่อยู่เหนือไม่กี่วัน แล้วไปแช่ยาวที่ภาคใต้เลย ฝากเป็นการบ้านให้ ททท. ไปพัฒนาการท่องเที่ยวของอีสานเลยครับตรงนี้) บางคนไปใช้ชีวิตกันเป็นชาวเกาะเป็นสัปดาห์ๆ ด้วยซ้ำ อ่านแล้วก็แอบอิจฉา ว่าเค้าลางานกันได้ยาวจริงๆ จนใช้ชีวิตกันแบบสุดเหวี่ยงสุดๆ ขนาดคนไทยยังไม่มีโอกาสทำแบบนี้เลย
มีบล็อกนึง อ่านแล้วขำดีครับ เค้ามองกัวลาลัมเปอร์มีค่าแค่เป็นเมือง "Visa-run" สำหรับการมาเที่ยวเมืองไทยด้วยซ้ำ คือเค้ามาอยู่เดือนครึ่ง แต่ไทยให้อยู่ได้แค่ 30 วัน ช่วงวันปลายๆ เค้าเลยบินไปนอนกัวลาลัมเปอร์หนึ่งคืน เที่ยวหนึ่งวัน แล้วกลับมาไทย เพียงเพื่อให้ได้ต่อวีซ่าอีก 30 วัน (เค้าบอกเลยว่ากัวลาลัมเปอร์มัน so so สำหรับเค้า ไม่มีอะไรพิเศษ)
อ่านแบบนี้ คิดว่าฝรั่งมองกัวลาลัมเปอร์ยังไงล่ะครับ ^^"
แสดงความคิดเห็น
ระหว่าง กรุงเทพมหานคร VS กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองไหน มีเสน่ห์มากกว่ากัน ???
ถ้าคุณเป็นชาวต่างชาติจากทวีปที่ไกลๆ เเต่ต้องการจะบินมาเที่ยวในอาเซียน โดยมีสองเมืองให้เลือก เเต่เลือกได้เพียงเมืองเดียว จะเลือกเมืองไหนครับ
เริ่มกันที่
กรุงเทพมหานคร Bangkok เมืองหลวงของประเทศไทย
กรุงกัวลาลัมเปอร์ KL ประเทศมาเลเซีย
คุณเลือกให้เมืองไหน เป็นเมืองที่มีเสน่ห์งดงาม สมควรเเก่การเป็นเมืองน่าท่องเที่ยวที่สุด ในอาเซียน ???