สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ผมว่า จนกท มีอายุมากขึ้น คุณต้องประสบความสำเหร็จแน่ๆ เลย
มีเพิ่มให้ครับ สำหรับ ใครสนใจที่อยากมีรายได้ ในขณะเรียนหนังสือ อันนี้ผมทำด้วยตนเอง ตอนยังเด็ก พอดีช่วงนั้นพ่อผมเสีย เลยต้องหาเงินช่วยแม่ เลี้ยงน้อง พอทำไปเรื่อยๆ สุดท้ายถึงแม้ทางบ้านมีฐานะที่ดีขึ้น มันเหมือนเราก็ยังอยากทำ ทำไปเรื่อยๆ ผมว่าตอนนี้ชีวิตผมประสบความสำเหร็จพอสมควรครับ เอามาแชร์เพิ่มเติมกับ จนกท และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านครับ
อย่างแรก ที่ผมเริ่มทำตอนเด็ก คือเป็นเด็กท้ายรถสองแถว สมัยก่อนจะมีรถจากบางขุนนนท์ วิ่งเข้าไปในตลิ่งชันต้องคอยตะโกนเรียกผู้โดยสาร "เหล็กโพธิ์ ครับเหล็กโพธิ์" หมายถึงบ้านช่างเหล็ก และก็วัดโพธิ์ คอยเก็บเงินจากผู้โดยสาร ได้วันนึงหลายสิบบาท แต่ทำไปได้แป๊บนึง แม่ไม่ให้ทำต่อ เพราะอันตรายกลัวตกรถ สมัยก่อนก็ได้หลายตังค์เนอะ ในความเป็นเด็ก แต่เวลาเพื่อนผู้หญิงที่เรียนในห้องเดียวกัน มาเห็นก็เขิน เหมือนกัน
อาชีพที่สอง หลังจากน้น ก็ไปช่วยล้างชามก๊วยเตี๋ยว แถวคลองหนึ่ง ปทุมธานี ก็ได้ค่าจ้างเป็นวัน อันนี้ทำง่ายๆ ได้ก๊วยเตี๋ยวกินอร่อยๆ ไม่เดือนร้อน
อาชีพที่สาม เหมือนน้องเลย แจกใบปลิวให้กับมหาวิทยาลัย ห้างร้าน และติดป้ายหาเสียง ให้กับพรรคต่างๆ สนุกดีเหมือนกัน บางทีเบื่อๆ ก็ทำเหมือนน้องนะ แจกทีเดียวหลายๆ ใบ หรือทิ้งใส่ถังขยะ สุดท้าย ผู้สมัคร ของพรรคที่ไปช่วยหาเสียงก็ไม่ได้เลือก 555 สงสัยทิ้งใบปลิวเยอะไปหน่อย (เลวจริง) แต่คิดในใจก็ดีเหมือนกันผู้สมัครคนนี้ไม่ชอบเอาเสียเลย
อาชีพที่ห้า อันนี้ดีมาก ทำงานปิดเทือมกับศึกษาภัณฑ์ ทำมาหลายสาขาตั้งแต่สีลม ราชดำเนิน ซอยสายลม เหนื่อยแต่สนุกดี รายได้ดี มีโอที คือเอาหนังสือยัดใส่กล่อง แล้วเข็นไปหน้าร้าน ให้กับร้านค้าย่อยต่างๆ หรือไม่ก็ไปขายของหน้าร้าน แต่ตอนนั้นใส่กางเกงขาสั้น สิวขึ้น ขนงอกที่ขา อายสาวๆ ไม่ค่อยชอบไปขายหน้าร้าน
อาชีพที่หก ทำงานวิจัย ช่วยอาจารย์ พิมพ์งาน ทำสถิติ อันนี้ทำให้เราเรียนรู้วิธีการทำงานวิจัย การพิมพ์งานที่เร็วสมัยก่อน ใช้เครื่องพิมพ์ดีด หลังจากนั้นเริ่มมีเวิร์ดจุฟา มาใช้งาน ทำให้เก่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แถมรายได้ดีต่างหาก เพราะเวลาออกไปทำแบบสอบถาม จะได้รายได้เป็นชุดๆ อาจารย์ตามมหาวิทยาลัยจะไปรับงานมาแจกจ่ายนักศึกษาอีกที
อาชีพที่เจ็ด ทำงานเป็นไกด์ (ผี) ขันอาสาพาฝรั่งไปเที่ยวตามวัดพระแก้ว อยุธยา ราชดำเนิน รายไม่คุ้มกับค่าน้ำมันรถ แต่ได้ภาษา แต่ผมเลือกนะถ้าเป็นคนอังกฤษ หรืออเมริกา ก็จะรับงานมาจากพี่อีกต่อหนึ่ง
ที่อยากจะฝากไว้ ว่าอาชีพที่ผ่านมาทำให้ผมแกร่งมากขึ้น ครับ
สุดท้ายเรียนจบมหาวิทยาลัย เข้าทำงาน ไต่เต้าจากพนักงาน เป็นผู้จัดการ ลาออกจากบริษัทไปทำงานสิงค์โปร์ ฮ่องกง ตอนนี้ทำงานเป็นผู้บริหารอยู่เยอรมันนี
ผมเชื่อว่าประสบการณ์ที่ จนกท จะทำให้แกร่ง และเก่งขึ้น มีปัญหาอะไรผ่านเข้ามาก็จะไม่ย้อท้อและผ่านไปได้ด้วยดี
มีเพิ่มให้ครับ สำหรับ ใครสนใจที่อยากมีรายได้ ในขณะเรียนหนังสือ อันนี้ผมทำด้วยตนเอง ตอนยังเด็ก พอดีช่วงนั้นพ่อผมเสีย เลยต้องหาเงินช่วยแม่ เลี้ยงน้อง พอทำไปเรื่อยๆ สุดท้ายถึงแม้ทางบ้านมีฐานะที่ดีขึ้น มันเหมือนเราก็ยังอยากทำ ทำไปเรื่อยๆ ผมว่าตอนนี้ชีวิตผมประสบความสำเหร็จพอสมควรครับ เอามาแชร์เพิ่มเติมกับ จนกท และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านครับ
อย่างแรก ที่ผมเริ่มทำตอนเด็ก คือเป็นเด็กท้ายรถสองแถว สมัยก่อนจะมีรถจากบางขุนนนท์ วิ่งเข้าไปในตลิ่งชันต้องคอยตะโกนเรียกผู้โดยสาร "เหล็กโพธิ์ ครับเหล็กโพธิ์" หมายถึงบ้านช่างเหล็ก และก็วัดโพธิ์ คอยเก็บเงินจากผู้โดยสาร ได้วันนึงหลายสิบบาท แต่ทำไปได้แป๊บนึง แม่ไม่ให้ทำต่อ เพราะอันตรายกลัวตกรถ สมัยก่อนก็ได้หลายตังค์เนอะ ในความเป็นเด็ก แต่เวลาเพื่อนผู้หญิงที่เรียนในห้องเดียวกัน มาเห็นก็เขิน เหมือนกัน
อาชีพที่สอง หลังจากน้น ก็ไปช่วยล้างชามก๊วยเตี๋ยว แถวคลองหนึ่ง ปทุมธานี ก็ได้ค่าจ้างเป็นวัน อันนี้ทำง่ายๆ ได้ก๊วยเตี๋ยวกินอร่อยๆ ไม่เดือนร้อน
อาชีพที่สาม เหมือนน้องเลย แจกใบปลิวให้กับมหาวิทยาลัย ห้างร้าน และติดป้ายหาเสียง ให้กับพรรคต่างๆ สนุกดีเหมือนกัน บางทีเบื่อๆ ก็ทำเหมือนน้องนะ แจกทีเดียวหลายๆ ใบ หรือทิ้งใส่ถังขยะ สุดท้าย ผู้สมัคร ของพรรคที่ไปช่วยหาเสียงก็ไม่ได้เลือก 555 สงสัยทิ้งใบปลิวเยอะไปหน่อย (เลวจริง) แต่คิดในใจก็ดีเหมือนกันผู้สมัครคนนี้ไม่ชอบเอาเสียเลย
อาชีพที่ห้า อันนี้ดีมาก ทำงานปิดเทือมกับศึกษาภัณฑ์ ทำมาหลายสาขาตั้งแต่สีลม ราชดำเนิน ซอยสายลม เหนื่อยแต่สนุกดี รายได้ดี มีโอที คือเอาหนังสือยัดใส่กล่อง แล้วเข็นไปหน้าร้าน ให้กับร้านค้าย่อยต่างๆ หรือไม่ก็ไปขายของหน้าร้าน แต่ตอนนั้นใส่กางเกงขาสั้น สิวขึ้น ขนงอกที่ขา อายสาวๆ ไม่ค่อยชอบไปขายหน้าร้าน
อาชีพที่หก ทำงานวิจัย ช่วยอาจารย์ พิมพ์งาน ทำสถิติ อันนี้ทำให้เราเรียนรู้วิธีการทำงานวิจัย การพิมพ์งานที่เร็วสมัยก่อน ใช้เครื่องพิมพ์ดีด หลังจากนั้นเริ่มมีเวิร์ดจุฟา มาใช้งาน ทำให้เก่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แถมรายได้ดีต่างหาก เพราะเวลาออกไปทำแบบสอบถาม จะได้รายได้เป็นชุดๆ อาจารย์ตามมหาวิทยาลัยจะไปรับงานมาแจกจ่ายนักศึกษาอีกที
อาชีพที่เจ็ด ทำงานเป็นไกด์ (ผี) ขันอาสาพาฝรั่งไปเที่ยวตามวัดพระแก้ว อยุธยา ราชดำเนิน รายไม่คุ้มกับค่าน้ำมันรถ แต่ได้ภาษา แต่ผมเลือกนะถ้าเป็นคนอังกฤษ หรืออเมริกา ก็จะรับงานมาจากพี่อีกต่อหนึ่ง
ที่อยากจะฝากไว้ ว่าอาชีพที่ผ่านมาทำให้ผมแกร่งมากขึ้น ครับ
สุดท้ายเรียนจบมหาวิทยาลัย เข้าทำงาน ไต่เต้าจากพนักงาน เป็นผู้จัดการ ลาออกจากบริษัทไปทำงานสิงค์โปร์ ฮ่องกง ตอนนี้ทำงานเป็นผู้บริหารอยู่เยอรมันนี
ผมเชื่อว่าประสบการณ์ที่ จนกท จะทำให้แกร่ง และเก่งขึ้น มีปัญหาอะไรผ่านเข้ามาก็จะไม่ย้อท้อและผ่านไปได้ด้วยดี
แสดงความคิดเห็น
รีวิว รายได้เสริมของมนุษย์เงินเดือน ก่อนมีเงินมาเล่นหุ้น
กระทู้นี้เลยขอรีวิววิธีหารายได้เสริมของจขกท.เอง มาเล่าสู่กันฟังค่ะ ซึ่งมันก็เป็นรายได้ที่ไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ถือว่าเป็นอาชีพเสริมที่ลองทำแล้วไม่กระทบกับงานประจำสักเท่าไหร่...สำหรับจขกท. คิดว่า ถ้าเรามัวแต่รอวาสนา รอโบนัสออก รอลงมือทำในสิ่งที่คิดมาหลายครั้งแล้วว่าอยากจะทำ หรือกลัวว่าจะมีความเสี่ยงจากสิ่งที่ทำ แล้วเมื่อไหร่ไอ้คนจนๆ อย่างเรา จะมีชีวิตที่สบายเหมือนคนอื่นเขาบ้างล่ะ
คราวนี้ลองมาดูเหล่าอาชีพเสริมที่จขกท. ได้ทำอยู่ ณ ปัจจุบัน และบางอาชีพที่เลิกทำไปแล้วกันดูค่ะ เผื่อเป็นประโยชน์กับใครหลายๆ คน ทีไม่รู้ว่าจะเริ่ม
เก็บเงินกันยังไง "ถ้าไม่รู้จะเริ่มเก็บเงินยังไง ก็เริ่มจากหารายได้เพิ่มกันดูนะคะ"
อาชีพที่ 1 อาชีพธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์
...เริ่มต้นจากการที่จขกท. มีญาติที่เปิดร้านค้า จึงไปขอความเมตตายืมพื้นที่ในร้านอันน้อยนิด บวกกับปลั๊กเสียบไฟเพียง 1 อัน ซึ่งค่าเช่าพื้นที่จ่ายเพียงไม่กี่ร้อยบาท บวกค่าไฟนิดหน่อย...กำไรตอนแรกๆ ที่ได้ประมาณ 3 - 5 พันบาทต่อเดือน (กำไรได้จากส่วนต่างที่ลูกค้าเติม กำไรจากการเอาเหรียญที่ได้ไปให้แม่ค้าในตลาดแลก บางร้านราคาแลกร้อยละ 2 บาทค่ะ และด้วยการเติมเงินตู้ที่ทำผ่านตู้เอทีเอ็ม จึงทำให้มีคะแนนพอยด์ในการใช้จ่ายเยอะ ก็เลยได้บัตรกำนัลดูหนังฟรีบ่อยค่ะ 555)...ธุรกิจนี้ทำตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยปี 2553 จนตอนนี้ตู้เริ่มเสื่อมสภาพ ต้องโทรเรียกช่างให้มาซ่อมบ่อยๆ เลยคิดว่าถ้าถึงการอวสานของตู้ก็จะเลิกทำแล้วค่ะ
อาชีพนี้เหมาะสมกับคนที่มีญาติเปิดร้านค้า หรือสามารถเช่าทำเลราคาถูกๆ ได้ + เวลานับเหรียญเพื่อเอาไปแลกร้านค้าค่ะ (ใช้เงินทุนเกือบ 30000 ซื้อตู้ และเงินตอนแรกที่ใส่เข้าไปในตู้ 5000 บาท ซึงเงินที่ได้จะขอเล่าในอาชีพต่อไปจ้า ^^)
อาชีพที่ 2 งาน staff งานเชียร์สินค้า งานให้ข้อมูล งานแจกใบปลิว
...เริ่มต้นอาชีพตั้งแต่ตอนเรียนม.ปลายแล้วค่ะ เริ่มจากไปรับจ้างแจกใบปลิวตามต่างจังหวัด (มีเพื่อนในห้องไปด้วย แนะนำอย่าไปคนเดียวนะคะ) ค่าแรงวันละ 550 บาท ตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อไปรอแจกตามตลาด ซึ่งภายใน 1 วัน ก็จะไปประมาณ 3 ที่ ตกดึกตะเวนหาที่พักตามเรทที่บริษัทกำหนดมา กว่าจะได้นอนก็เกือบเที่ยงคืนจ้า ชีวิตมันเศร้า T^T โดยการแจกใบปลิวมีโควต้ามาให้ว่าทั้งวันต้องแจกได้กี่ใบ...อันนี้หลังๆ เริ่มเกรียน แจกคนเดียวยัดใส่มือเกือบสิบใบเลยจ้า กลัวไม่หมด 555 (ต้องคอยระวังไม่ให้ซุปจับได้นะคะ)
...พอเข้ามหาวิทยาลัยก็อัพเกรดหน่อยมารับงาน Staff งานเชียร์สินค้าตามห้าง งานให้ข้อมูลตามงานมือถือไรประมาณนี้ อันนี้ไม่ต้องใช้หน้าตามาก แค่ใส่ชุดที่เขาเตรียมไว้ให้ได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้วค่ะ แล้วบริษัทก็จะบรีฟงานให้ฟังตอนแรก งานนี้ส่วนมากจะมีเป็น job ศ - อา ได้ค่าแรงวันละ 500 - 1000 บาท งานสบายหน่อยก็งานในส่วนราชการทีจัด แค่ยืนแจกคู่มือเข้างานครึ่งชม. ก็ได้ 1000 บาทแล้วจ้า
อาชีพนี้เหมาะสมกับนักเรียนนักศึกษาที่มีปิดเทอม หรือมีเรียนช่วงบ่ายๆ ซึ่งไม่แนะนำให้รับงานตอนทำงานประจำนะคะ เพราะมีที่ทำงานแอบไปทำช่วงกลางคืน ผลปรากฏเวลามีงานค้างตอนเย็นก็ทำต่อไม่ได้ พอตอนเช้ามาทำงานก็เบลอๆ ถึงขั้นนั่งหลับในที่ทำงานก็บ่อย แต่สำหรับคนถึกๆ มีแรงเหลือก็สู้ๆ นะคะ....งานประเภทนี้หาได้จากเพื่อนตอนเรียน จะต้องมีคนเชี่ยวชาญด้านการหางานประเภทนี้ หรือหาตามอินเตอร์เนทเอง (ต้องระวังหน่อย เพื่อโดนหลอกไปทำมิดีมิร้าย แต่สำหรับงานแบบนี้พอได้ทำครั้งสองครั้งก็จะรู้จักกับเพื่อนๆ ร่วมอาชีพซึ่งก็จะบอกต่อๆ กันเองจ้า)
อาชีพที่ 3 ทำขนมขายหลังเลิกงาน
...จขกท.ทำเค้กหน้านิ่มขายค่ะ เริ่มจากไปหาที่เรียนก่อนเลย เพราะตอนแรกนั่งดูยูทูปตามชาวบ้านไม่เวิร์กค่ะ เพราะตอนเรียนจะมีวิธีแก้ปัญหาเวลาทำเละ และเทคนิคบางอย่างที่ในยูทูป หรือตามตำราในเวปข้ามไป เช่น วิธีตีไข่ขาว ขั้นตอนนี้สำคัญ เคยอ่านวิธีทำแล้วลองทำเอง คิดว่าใช้ได้ สุดท้ายเนื้อแป้งออกมาเป็นวัตถุประหลาดๆ อะไรไม่รู้ 555 ซึ่งบางคนอาจมีคนสอน หรือแนะนำ หรือทำเป็นตั้งแต่เกิดก็โชคดีไปค่ะ
...พอทำเค้กเป็น ก็ไปตะเวนตามร้านค้า เอาแถวๆ บ้าน เพราะทำงานประจำจะมีปัญหาเรื่องเวลาเอาเค้กไปส่ง ซึ่งความถี่ในการทำก็ประมาณ 3 - 5 วันทำครั้งหนึ่ง รอให้เค้กทีเอาไปส่งหมดก่อน (เค้กจะเริ่มกินไม่ได้ ถ้าเลย 5 วันไปแล้ว) รายได้ต่อครั้ง นับตามความสามารถที่ทำตอนกลางคืนไหว อย่างจขกท.
ทำได้แค่วันละไม่เกิน 30 ถ้วย ก็จะได้กำไรประมาณถ้วยละ 10 - 20 บาท (ราคาตั้ง ขึ้นอยู่กับความอร่อย, วัตถุดิบที่ใช้ และหักค่าส่วนแบ่งจากการไปฝากขายค่ะ)
อาชีพนี้เหมาะสมกับผู้มีใจรักในการทำขนม เพราะมันใช้เวลาอบขนมนาน แต่ถือว่าเป็นอาชีพที่สนุกและเพลินมากค่ะ ส่วนอุปกรณ์พวกเตาอบ เครื่องตีแป้ง หรืออะไรชิ้นใหญ่ๆ ก็ลงทุนควักเงินมาซื้อกันเอาเน้อออออ ^^
อาชีพที่ 4 รับงานพิสูจน์อักษรตามสำนักพิมพ์มาทำค่ะ
...พอดีจขกท.ค่อนข้างเรียนเก่ง (ไมค่อยจะขี้โม้ 555) ก็เลยมีโอกาสไปขอรับงานตามสำนักพิมพ์เล็กๆ มาทำ เป็นงานพิสูจน์อักษร ซึ่งหนังสือเล่มหนึ่งก่อนถูกตีพิมพ์ ก็จะต้องผ่านขั้นตอน proof หลายครั้ง โดยเราจะมีโอกาสได้แก้ไขงานในช่วงแรกๆ เลย เพราะมันจะมีที่ผิดเยอะ พวกเว้นวรรค หรือพวกหนังสือแปลที่ต้องมาเทียบบรรทัดต่อบรรทัดกับต้นฉบับ ตาลายค่ะ ส่วนบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายระดับปรมาจารย์ก็จะตรวจครั้งท้ายๆ เพื่อเช็คความถูกต้องทั้งหมด รายได้ตกครั้งละ 500-800 บาทต่อฉบับต่อครั้ง มโนว่าคิดตามจำนวนหน้า (อันนี้ไม่รู้ที่อื่นให้เรทกันเท่าไหร่ ราคาคิดจากอะไรยังไม่เคยถามเลยค่ะ เขาให้มากี่บาทก็ตามนั้นเหละค่ะ จะเงินเล็กเงินน้อยมันก็เงิน)
อาชีพนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบอ่านหนังสือ (ไม่ใช่แค่นั่งอ่านนิยายนะคะ บางทีมาเป็นประวัติศาสตร์เล่มใหญ่ๆ เลยจ้าาา T^T) กับผู้มีทักษะด้านภาษาและพอมีความรู้ทั่วไปติดตัวมาบ้าง เพราะขนาดจขกท.ยังมีผิดเต็มเลยจ้า อันนี้ก็ต้องฝึกฝนกันต่อไป (แนะนำว่างานนี้เหมาะกับคนอยู่บ้านว่างๆ ช่วงรอหางานทำ เพราะมันอ่านเยอะจริงๆ ค่ะ)
อาชีพที่ 5 (น่าจะอาชีพสุดท้ายแล้ว) ลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์
...ฟังดูยิ่งใหญ่ไหม 555 อันนี้เหนื่อยตอนตะเวนหาทำเลค่ะ โดยวิธีลงทุนของจขกท. คือ ตะเวนหาทำเลทอง เลือกอาคารที่มีคนสนใจอยากจะเช่าเยอะ ซึ่งปัจจุบันพวกอาคารร้านค้าทำเลทอง จะมีค่าเช่าค่อนข้างสูง บางที่ค่าเช่าเป็นหลักหลายหมืนบาทเลยกันทีเดียว
...ไอ้เรามนุษย์เงินเดือน จะให้ลาออกไปทำเองก็คิดไม่ออกว่าจะไปทำไรขายค่ะ ขอมีหน้าที่ตามฉบับของตัวเองดีกว่า...ขอกลับมาที่หาทำเลค่ะ ตอนเลือกก็จะเลือกอาคารที่มีหน้ากว้างค่อนข้างกว้างที่สามารถจะแบ่งเป็นห้องย่อยๆได้ เลือกที่ราคาประกันหรือมัดจำล่วงหน้าเราพอมีจ่ายนะคะ และเลือกที่เจ้าของอาคารใจดี อันนี้สำคัญ 555
...พอได้อาคารนั้นมาครอบครอง จัดการหาผู้รับเหมาราคาถูกๆ กั้นห้องด้วยสมาร์ทบอร์ด เพื่อไม่ให้อาคารที่เราเช่ามาเสียหาย (ขั้นตอนการทำไม่มีการตอกตะปูหรือฉาบปูนใดๆ มีแค่ทำเป็นโครงแล้วเอาสมาร์ทบอร์ดติดกับโครงเลย) และทำตัวมิเตอร์ไฟแยกแต่ละห้องแบบกรากๆ เผื่อโดนไล่ออกจะได้ถอดง่ายๆ ส่วนห้องน้ำ อันนี้ปัญหาโลกแตกตอนได้อาคารมา (ไม่มีเงินสร้างห้องน้ำให้ และเจ้าของอาคารน่าจะไม่ยอม) ไม่รู้จะทำยังไง เลยต้องตกลงกับคนเช่าห้องกลางว่าพื้นที่ห้องน้ำชั้นล่างต้องแบ่งห้องริมอีก 2 ห้องใช้ และตกลงเรื่องทำความสะอาดเอง (อันนี้จึงอยากย้ำว่าให้หาทำเลทอง ที่ใครๆ ก็อยากได้นะคะ)
...พูดถึงรายได้กันค่ะ อันนี้ต้องขอยกความดีให้กับเจ้าของอาคารที่ยอมให้แบ่งห้อง เพราะในสัญญาเช่าซื้อ น่าจะทุกที่จะมีระบุไว้ว่าห้ามแบ่งห้อง (สงสัยราคาเช่าอาคารสูง เจ้าของเลยคงคิดว่าทำไงก็ได้ แค่จ่ายเงินทุกเดือนก็พอมั้ง อิอิ) อาคารนี้ขอสมมุติราคาเอานะคะ คือ สมมุติเราเช่าอาคารทั้งหมดมา 2 หมื่นบาท เราแบ่งอาคารได้ 3 ส่วน โดยห้องซ้าย และขวาจะไม่ได้พื้นที่ชั้นสองของตัวอาคาร ราคาก็จะถูกลงมาหน่อย โดยเราจะคิดค่าเช่า ห้องริม ห้องละ 8000 บาท ห้องกลาง 12,000 บาท ทั้งหมดเราจะได้เงิน 28000 บาท ส่วนต่างจากที่ไปเช่าอาคารมาก็ 8000 บาทแล้ว ซึงหน้าที่เราคือ เก็บค่าน้ำค่าไฟ เอาไปจ่ายบิลเอง เอาเงินจากคนเช่าทุกห้องไปจ่ายเจ้าของอาคาร และมีบริการหลังการขาย เวลามีปัญหาอะไรนี่โดนโทรตามตลอดดดดด
อาชีพนี้เหมาะสำหรับผู้มีใจเหี้ยมโหด การทำบ้านเช่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ต้องรับมือกับปัญหาหลายรูปแบบ ยิ่งถ้าเป็นคนใจอ่อนนี่จบเลยค่ะ (จบจริงๆ เพราะจขกท.ทำได้แค่ปีกว่าๆ ก็เลิกเลย หาวิธีให้คนเช่าบ้านสักคนรับผิดชอบแทนไปเรียบร้อย)
อาชีพที่จขกท. เคยทำมาก็ประมาณนี้อ่าจ้า แต่ใช่ว่าทำมาเยอะจะมีเงินเก็บนะคะ เพราะช่วงระหว่างเรียน กับเรียนจบใหม่ๆ นี่ต้องมีค่าใช้จ่ายมหาศาลเลย
เพิ่งจะเริ่มมีเงินเก็บก็ตอนทำงานที่ปัจจุบัน โดยที่อาชีพเสริมบางอย่างเริ่มอยู่ตัวและสร้างกำไรให้เล็กๆ น้อยๆ พอเอาไปซื้อโกโก้ปั่นกินทุกวัน 555 เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยกันแล้วนะว่าเงินเดือนหมื่นกว่าบาท ไม่มีโบนัส สามารถเก็บเงินก้อน 60000 เอาเป็นเล่นหุ้นได้ยังไง ง้อววววว ณ จุดจุดนี้ลำบากมาเยอะ
ยังไงใครมีไอเดียแจ่มๆ หรือมีอะไรที่พอทำเงินได้ เล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ....เจอกันอีกที 5 ปี ข้างหน้าตอนมีเงินล้านแล้วล่ะกันเน้ออออออ