เนื้อหาที่เขียนมาไม่ใช่เกิดขึ้นในโรงเรียนทุกแห่ง แต่นี่เป็นสิ่งที่ได้พบเห็นมา คือ
มีครอบครัวที่เรารู้จัก (จริง ๆ เชือ่ว่าครอบครัวส่วนใหญ่เลย) ต้องการให้ลูกสอบเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมชื่อดังในจังหวัดแห่งหนึ่งในหลักสูตร EP,English Program (เป็นการเรียนทุกวิชาเหมือนหลักสูตรปกติ แต่เรียนโดยใช้ภาษาอังกฤษ) ซึ่งเกณฑ์ในการสอบเข้า คือ
1. ทางโรงเรียนมัธยมที่จะไปสอบเค้าจัดสอบวัดมาตรฐานด้านภาษาอังกฤษ เป็นการสอบ online นักเรียนที่จะสอบเข้าจะมาสอบกี่ครั้งก็ได้ตามวันที่กำหนดไว้ (เปิดสอบประมาณ 20 รอบเห็นจะได้) แล้วเลือกเอาคะแนนครั้งที่ดีที่สุด มายื่นในวันสมัคร
2. เมื่อยื่นเอกสาร ก็รอประกาศผลคนที่มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์
3. สอบสัมภาษณ์
และก่อนจะถึงช่วงที่เค้าสอบเรียนต่อกัน (ตั้งแต่ขึ้น ป. 6 ) ครอบครัวดังกล่าว ก็ส่งลูกไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ กับอาจารย์ท่านนึง เพื่อติวสอบเข้าโรงเรียนนี้
ถ้าดูผิวเผิน ก็ดูปกติดี ไม่เห็นจะมีประเด็นอะไร แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแปลกใจและมีคำถามในใจ คือ
1. การเรียนในหลักสูตร EP ไม่ใช่เรียนเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ ยังต้องเรียน วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ตามปกติ แต่ทำไมทางโรงเรียนวัดผลเด็กที่จะสอบเข้าเรียน ด้วยวิชาภาษาอังกฤษ (พูด ฟัง อ่าน เขียน) เพียงวิชาเดียว???
2. การจัดสอบหลาย ๆ ครั้ง ให้เด็กไปสอบกี่ครั้งก็ได้ แล้วเลือกครั้งที่คะแนนดีที่สุดมายื่น นั่นหมายความว่าเด็กที่สะดวกมาลงสอบในจำนวนครั้งที่มากกว่า รู้สึกชินกับบรรยากาศห้องสอบ ชินกับข้อสอบมากกว่า ก็มีโอกาสได้คะแนนมากกว่า ซึ่งการจัดสอบแบบนี้คือการวัดผลที่เหมาะสมแล้วหรือ???
3. ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ การสัมภาษณ์ ตามที่ได้กล่าวข้างต้นว่า ครอบครัวดังกล่าว ส่งลูกเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ กับครูท่านหนึ่งนั้น ดูเหมือนไม่แปลกอะไร แต่สิ่งที่ครูสอน ที่ครูให้เด็กฝึกพูด ฝึกสัมภาษณ์นั้น ตรงกับวิธีการสัมภาษณ์ของทางโรงเรียน เป๊ะ!!! นั่นหมายความว่า เด็กกำลังเรียนเพื่อฝึกทำข้อสอบใช่หรือไม่???
จากสิ่งที่ได้พบเห็นมา ตามความเห็นของตัวเอง เราคิดว่า หากคุณต้องการให้ลูกเข้าเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียง(บางที่) ผู้ปกครองจะต้องหาข้อมูลว่าจะต้องส่งลูกเข้าเรียนพิเศษกับคุณครูท่านไหน
และการเรียนพิเศษดังกล่าว ก็เป็นการเอาข้อสอบที่ใช้ในการสอบเข้าเรียนต่อนั่นแหละ มาสอน มาให้เด็กฝึกทำ พอเด็กทำข้อสอบจนคล่องแล้ว มีเหรอ จะสอบเรียนต่อไม่ได้!!!
สิ่งที่เรารู้สึกว่าน่ากลัวจากเรื่องนี้ คือ
1. การที่ผู้ปกครองหาข้อมูลเพื่อเข้าหาครูที่จะสามารถติวเพื่อสอบเรียนต่อในที่ที่ต้องการได้นั้น ดูคล้าย ๆ กับการสืบหาและซื้อช่องทางพิเศษให้เด็ก แล้ววันข้างหน้าคุณจะตามไปซื้อช่องทางพิเศษในทุกขั้นของชีวิตเค้าได้หรือ???
2. ผลสอบเรียนต่อที่ออกมา(จากการจ่ายเงินค่าเรียนพิเศษเพื่อฝึกทำข้อสอบจนคล่อง) เป็นความสามารถของลูกคุณจริง ๆ หรือ??? แล้ววันข้างหน้าลูกจะแก้ปัญหาด้วยตัวเค้าเองได้หรือ???
3. การวัดผลการสอบเรียนต่อเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ แล้วพอเด็กเข้าไปเรียนจริง ๆ แล้วอ่อนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เรียนไม่ไหว จะทำอย่างไร คงไม่พ้นต้องเรียนพิเศษ จ่ายเงินให้ครู เพื่อติวข้อสอบอีก แล้วไหนล่ะคือความสามารถของเด็ก
3. เมื่อลูกไม่เคยต้องผิดหวัง (เพราะทุกอย่างผ่านฉลุยตามความต้องการของพ่อแม่และคุณครูที่สอนพิเศษ ที่ใช้เงินซื้อช่องทางพิเศษไว้แล้ว) ถ้าวันหนึ่งที่เด็กต้องผิดหวังเพราะบางอย่างเงินซื้อไม่ได้ เด็กจะรับมือกับความผิดหวังนั้นได้หรือ??
4. การให้ลูกเรียนพิเศษ เรียนตามกรอบที่กำหนดไว้ ไม่ได้เรียนรู้และทำกิจกรรมที่เด็ก ๆ ควรทำเพื่อเสริมจินตนาการ นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กแล้ว จริง ๆ หรือ???
แต่อย่างไรเสีย ในเมื่อเราจำเป็นต้องอยู่ในสังคมการศึกษาแบบใช้เงินซื้อ ก็ยากที่จะสวนกระแสได้ เราก็คงต้องเดินตามสังคมแบบนี้กันต่อไป ดีใจที่เด็กสอบได้ เด็กเรียนเก่ง แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระดับความสามารถจริงๆของเด็กเท่าไหร่ เราว่ามันไม่ต่างกับการหลอกตัวเอง...
นี่เป็นรูปแบบระบบการศึกษาแค่เพียงแบบเดียวที่เจอมา จริง ๆ เชื่อว่ามีอีกหลายรูปแบบ ใครเจอรูปแบบอื่น ๆ แบ่งปันเป็นวิทยาทานสำหรับพ่อแม่ เพื่อเตรียมตัวรับมือ น่าจะถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับสังคมปัจจุบัน...
ระบบการศึกษาสมัยนี้น่ากลัวมาก มันเป็นโลกของธุรกิจไปแล้ว ?!?!
มีครอบครัวที่เรารู้จัก (จริง ๆ เชือ่ว่าครอบครัวส่วนใหญ่เลย) ต้องการให้ลูกสอบเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมชื่อดังในจังหวัดแห่งหนึ่งในหลักสูตร EP,English Program (เป็นการเรียนทุกวิชาเหมือนหลักสูตรปกติ แต่เรียนโดยใช้ภาษาอังกฤษ) ซึ่งเกณฑ์ในการสอบเข้า คือ
1. ทางโรงเรียนมัธยมที่จะไปสอบเค้าจัดสอบวัดมาตรฐานด้านภาษาอังกฤษ เป็นการสอบ online นักเรียนที่จะสอบเข้าจะมาสอบกี่ครั้งก็ได้ตามวันที่กำหนดไว้ (เปิดสอบประมาณ 20 รอบเห็นจะได้) แล้วเลือกเอาคะแนนครั้งที่ดีที่สุด มายื่นในวันสมัคร
2. เมื่อยื่นเอกสาร ก็รอประกาศผลคนที่มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์
3. สอบสัมภาษณ์
และก่อนจะถึงช่วงที่เค้าสอบเรียนต่อกัน (ตั้งแต่ขึ้น ป. 6 ) ครอบครัวดังกล่าว ก็ส่งลูกไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ กับอาจารย์ท่านนึง เพื่อติวสอบเข้าโรงเรียนนี้
ถ้าดูผิวเผิน ก็ดูปกติดี ไม่เห็นจะมีประเด็นอะไร แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแปลกใจและมีคำถามในใจ คือ
1. การเรียนในหลักสูตร EP ไม่ใช่เรียนเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ ยังต้องเรียน วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ตามปกติ แต่ทำไมทางโรงเรียนวัดผลเด็กที่จะสอบเข้าเรียน ด้วยวิชาภาษาอังกฤษ (พูด ฟัง อ่าน เขียน) เพียงวิชาเดียว???
2. การจัดสอบหลาย ๆ ครั้ง ให้เด็กไปสอบกี่ครั้งก็ได้ แล้วเลือกครั้งที่คะแนนดีที่สุดมายื่น นั่นหมายความว่าเด็กที่สะดวกมาลงสอบในจำนวนครั้งที่มากกว่า รู้สึกชินกับบรรยากาศห้องสอบ ชินกับข้อสอบมากกว่า ก็มีโอกาสได้คะแนนมากกว่า ซึ่งการจัดสอบแบบนี้คือการวัดผลที่เหมาะสมแล้วหรือ???
3. ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ การสัมภาษณ์ ตามที่ได้กล่าวข้างต้นว่า ครอบครัวดังกล่าว ส่งลูกเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ กับครูท่านหนึ่งนั้น ดูเหมือนไม่แปลกอะไร แต่สิ่งที่ครูสอน ที่ครูให้เด็กฝึกพูด ฝึกสัมภาษณ์นั้น ตรงกับวิธีการสัมภาษณ์ของทางโรงเรียน เป๊ะ!!! นั่นหมายความว่า เด็กกำลังเรียนเพื่อฝึกทำข้อสอบใช่หรือไม่???
จากสิ่งที่ได้พบเห็นมา ตามความเห็นของตัวเอง เราคิดว่า หากคุณต้องการให้ลูกเข้าเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียง(บางที่) ผู้ปกครองจะต้องหาข้อมูลว่าจะต้องส่งลูกเข้าเรียนพิเศษกับคุณครูท่านไหน
และการเรียนพิเศษดังกล่าว ก็เป็นการเอาข้อสอบที่ใช้ในการสอบเข้าเรียนต่อนั่นแหละ มาสอน มาให้เด็กฝึกทำ พอเด็กทำข้อสอบจนคล่องแล้ว มีเหรอ จะสอบเรียนต่อไม่ได้!!!
สิ่งที่เรารู้สึกว่าน่ากลัวจากเรื่องนี้ คือ
1. การที่ผู้ปกครองหาข้อมูลเพื่อเข้าหาครูที่จะสามารถติวเพื่อสอบเรียนต่อในที่ที่ต้องการได้นั้น ดูคล้าย ๆ กับการสืบหาและซื้อช่องทางพิเศษให้เด็ก แล้ววันข้างหน้าคุณจะตามไปซื้อช่องทางพิเศษในทุกขั้นของชีวิตเค้าได้หรือ???
2. ผลสอบเรียนต่อที่ออกมา(จากการจ่ายเงินค่าเรียนพิเศษเพื่อฝึกทำข้อสอบจนคล่อง) เป็นความสามารถของลูกคุณจริง ๆ หรือ??? แล้ววันข้างหน้าลูกจะแก้ปัญหาด้วยตัวเค้าเองได้หรือ???
3. การวัดผลการสอบเรียนต่อเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ แล้วพอเด็กเข้าไปเรียนจริง ๆ แล้วอ่อนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เรียนไม่ไหว จะทำอย่างไร คงไม่พ้นต้องเรียนพิเศษ จ่ายเงินให้ครู เพื่อติวข้อสอบอีก แล้วไหนล่ะคือความสามารถของเด็ก
3. เมื่อลูกไม่เคยต้องผิดหวัง (เพราะทุกอย่างผ่านฉลุยตามความต้องการของพ่อแม่และคุณครูที่สอนพิเศษ ที่ใช้เงินซื้อช่องทางพิเศษไว้แล้ว) ถ้าวันหนึ่งที่เด็กต้องผิดหวังเพราะบางอย่างเงินซื้อไม่ได้ เด็กจะรับมือกับความผิดหวังนั้นได้หรือ??
4. การให้ลูกเรียนพิเศษ เรียนตามกรอบที่กำหนดไว้ ไม่ได้เรียนรู้และทำกิจกรรมที่เด็ก ๆ ควรทำเพื่อเสริมจินตนาการ นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กแล้ว จริง ๆ หรือ???
แต่อย่างไรเสีย ในเมื่อเราจำเป็นต้องอยู่ในสังคมการศึกษาแบบใช้เงินซื้อ ก็ยากที่จะสวนกระแสได้ เราก็คงต้องเดินตามสังคมแบบนี้กันต่อไป ดีใจที่เด็กสอบได้ เด็กเรียนเก่ง แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระดับความสามารถจริงๆของเด็กเท่าไหร่ เราว่ามันไม่ต่างกับการหลอกตัวเอง...
นี่เป็นรูปแบบระบบการศึกษาแค่เพียงแบบเดียวที่เจอมา จริง ๆ เชื่อว่ามีอีกหลายรูปแบบ ใครเจอรูปแบบอื่น ๆ แบ่งปันเป็นวิทยาทานสำหรับพ่อแม่ เพื่อเตรียมตัวรับมือ น่าจะถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับสังคมปัจจุบัน...