กินเสดแล้วก็ไปเที่ยวต่อเน้อ อิอิ เดินย้อนกลับมาทางไป สถานีรถไฟ Hase นะคะ ย้อนมาเรื่อๆก่อนถึงสถานีจะเจอ 4 แยกไฟแดง
ซึ่งเป็นแยกเดียวเลยเราเดินผ่านไปแล้วตอนไป Daibutsu น้า ให้ทุกคนเลี้ยวขวาเข้าไปเลยจ้า
อ่านตามป้ายเอาก็ได้เรากำลังมุ่งหน้าไป Hase Tera เป็นวัดที่มีเจ้าแม่กวนอิม 12 เศียร (ค่าเข้าชมคนละ 300 เยนจ้า)
เดินเข้าซอยไปไม่ไกลจ้าก็เจอแล้ว วัดนี้เงียบดีนะคะ ได้ใช้ชีวิตช้าๆ ชมธรรมชาติ
เข้าไปปุ๊บเจอกับการจัดสวนหลากหลายรูปแบบ กว่าจะเดินไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมนี้ให้อารมณ์เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ
แต่ด้านบนมีจุดชมวิวด้วยน้า เห็นทะเล Enoshima ด้วย ถ้ามาหน้าร้อนก็จะเห็นบรรยากาศอีกแบบ มีคนนอนอาบแดด เล่นทะเล
ภายในวัดมีหลายส่วนที่ให้เราเข้าไปดุได้ มีถ้ำที่เค้ามีตำนานเรื่องราวของมังกร ลองหาอ่านดุนะค้า
แล้วก็โซนบ้านญี่ปุ่น มีการจัดสวน ซึ่งสวยมากจริงๆ
การเดินทาง
Hase – Kamakura 190 เยน
- Hase (Kanagawa) – Kamakura สาย (Enoshima Electric Railway)
เสร็จจากเป้าหมายแรกของวันแล้วเวลาก็ล่อไป บ่ายแก่ๆๆ สาเหตุหลักที่มาเมือง Kamakura
นอกจากเพื่อนแนะนำคืออยากไป Starbuck ที่เค้าล่ำลือ คือมันมีสระอยู่ในร้าน เราสามารถไปนั่งพักผ่อนได้
แล้วมันก็ชิวจริงอะไรจริง ไปดุกันเลยว่ามันอยู่ตรงไหน
** Starbuck at Kamakura
- ออกมาจากสถานี Kamakura ให้เดินตรงอย่างเดียวเลยจนเจอ 4 แยกไฟแดง ก้เดินตรงข้ามไปเลย
อีกนิดเดียว เราก็จะเจอแบ้ววว อยู่ขวามือเรยน้า
เดินทางต่อเลยดีกว่า เราจะไป Yokohama กันเป้าหมายของเมืองนี้ คือ สวนสนุก Cosmo world อิอิ
การเดินทาง
- จาก Kamakura นั่งสาย (JR Shonan-Shinjuku line หรือ JR Yokosuka – Yokohama 340 เยน
- ลงที่ Yokohama ต่อรถสาย ( JR Yokohama line local) ไปลงที่ Sakaragicho Sta. 140 เยน
แล้วเราก็ถึงแบ้วววใครอยากไป Cosmo world ให้ลงสถานีนี่นะคะ ออกมาแล้วก้เดินต่อๆๆ เดินเรื่อยๆๆอากาศดี
มีห้างเยอะแยะมากมาย Shopping รอเวลาก่อนได้เรย และแล้วเราก้ได้เล่น อิอิ วิวที่นี้ตอนดึกสวยมาก ถือเป็นอีกเมืองที่น่ามา
ยิ่งตอนนั่งชิงช้าแล้วมองลงมานี่มันสวยมากจริงๆๆๆๆๆ
ได้เล่นสมใจแร้ววทั้ง Diving Coster Vanish รถไฟตีลังพุ่งลงน้ำ 55+ (คนละ 700 เยน)
แล้วก็ได้นั่ง ชิงช้า Cosmic Clock 21 อยากหยุดเวลาไว้ตอนที่อยู่ข้างบนจริงๆ (คนละ 800 เยน)
ภารกิจสุดท้ายก่อนจะหมดวัน เราต้องกลับ Kamata เพื่อเอากระเป๋าไปฝากที่ Ibis Shinjuku ลุยยยยย
การเดินทาง
- จาก Sakaragicho นั่งรถสาย (JR Keihin Yohoku/Negishi line local) – Kamata Sta. 310เยน
วันนี้ขอจบเท่านี้น้า จะบอกว่า สำหรับใครที่แลก point ของ ROP ไปนอนที่ Ibis เค้ารับฝากกระเป๋าไม่จำกัดจำนวนวันนะคะ
(เฉพาะคนที่นอน Ibis น้า) แต่ก่อนไปยังไงส่ง E-mail บอกเค้าไว้ก่อนก็ดีค้า
Day 5
เช้านี้ตื่นเช้าไปฮอกไกโดแย้วว แบ่งกระเป๋ามาเป็นรับเล็กสำหรับ 3 วัน คืนเพื่อเดินทางไปฮอกไกโด
ที่สำคัญจะได้เจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอมา1ปีกว่าๆ ทริปนี่เรียกได้มาเผื่อแกก็ว่าได้
Kamata > Ueno > Hokkaido (Niseko)
การเดินทาง
Kamata Sta. – Ueno Sta. เรานั่งไปเพื่อที่จะขึ้น Skyliner ไปสนามบินจ้า (310 เยน , 25 นาที)
- Kamata Sta – Ueno Sta. นั่งสาย (JR Keihin-Tohoku/Negishi Line Rapid) ยาวลง Ueno Sta.เลยจ้า
*** ใช้ตั๋ว Skyliner ที่ซื้อไว้ตั้งแต่ถึง ญี่ปุ่นครั้งแรกเบยยยย คนละ 2,470 เยน จ้า
เมื่อถึงสนามบินเราก็นั่งรอเวลาเชคอิน แล้วความตื่นเต้นก็เริ่มขึ้น เริ่มจากเพื่อนที่อยู่ที่ ฮอกไกโด ถ่ายรูปส่ง Line มาแล้วบอกว่า
ตื่นมาแล้วเปนงี้ >< คือ หิมะตกหนักมากก ออกไปไหนไม่ได้ ต่อด้วยคลิปวีดีโอ เรา 2 คนด้วยการที่อยากเจอแบบนั้นอยู่แล้ว
เรยดีใจมากกก กรี๊ดกร๊าดดสุดฤทธิ์ แต่โดนตัดกำลังใจเพระรูปต่อไปคือ นางบอกว่า ตอนนี้สายรถไฟแคนเซิลไปแล้ว 58 สายทั่วเมือง
และไฟลท์บินไปลงที่ Newchitose แคนเซิลไปแล้วทั้งหมด 68 ไฟลท์บิน ฝั่งนี้งิดเลย เล่นไม่ออก เพื่อนก็ได้แต่บอกว่า
ขอให้มาให้ได้ก่อนละกันจะเป็นยังไงว่ากันอีกที ลุ้นแล้วลุ้นอีก เครียดก็เครียด ถ้าโดนแคนไม่รู้จะเอาไงต่อดี
แล้วก็ถึงเวลาเชคอินเรารีบเดินไปเลย !! เชคอินเสร็จพนง.ก็บอกว่า ไฟลท์นี่อาจต้อง Return กลับมานะ เราก้โอเค
เพื่อนไทยที่อยู่ฮอกไกโด กับเพื่อนคนญี่ปุ่นที่อยู่โตเกียว นี้วุ่นเรย คอยรายงานสถานการณ์
จนเวลาเรียกขึ้นเครื่องเราใจไม่ค่อยดีเรย ถ่าย Boarding pass ทุกอย่างให้เพื่อนหมดแล้วบอก
นี่คือข้อมูลเพราะจะขึ้นเครื่องแล้วอาจติดต่อไม่ได้ เพื่อนพูดมาก่อนขึ้นเครื่อง ขอให้โชคดี 55+ ใจร่วงแพ๊พพ อะไรก้ได้ขอไปให้ถึงพอ
นั่งบนเครื่องตลอดเวลา 2 ชม.นี้ไม่ได้หลับ นั่งมองทางตลอด กลัว กลัวต้อง Return จนกัปตันประกาศกำลังจะ Landing นี่กรี๊ดในใจ
ลุ้นนนนนน สุดท้ายยยยชั้นลงได้ อยากจะกรี๊ดด แต่ด้วยความที่ หิมะเยอะมาก บวกกับตอนนี้หิมะตกไม่หยุด
เบ็ดเสร็จแล้วเรานั่งอยู่ในเครื่องกัน 2 ชม.ได้ เพื่อรอเค้าเคลียร์หิมะถึงจะลงได้ แค่นี้ก้ดีใจมากกแล้วจริงๆๆ
เพื่อนก็รออยู่ที่สนามบินแล้วส่งรูปมาบอก “คือโชคดีมากเพราะ 68 ไฟลท์แคนหมด ยกเว้นไฟลท์ไฟลท์เดียวที่ลงได้
“ ปล.ขอหยาบเพื่อแสดงอารมณ์อย่างชัดเจน 55+ คือกัปตันดี กัปตันเก่ง อยากกราบ (Vanilla Airline) ของเค้าดีจริง อิอิ
แพลนวันนี้กว่าจะออกจากเครื่องได้เรทไปประมาณ 2 ชม.กว่า เราจะรีบมุ่งหน้าไป Niseko ทันที อยากนอนเป็นคืนแรก
เพราะคืน ที่ 2 มันจะเป็นเช้าที่ต้องกลับ สนามบินเพื่อกลับโตเกียวอีกครั้งกลัวเกิดเหตุการณ์ผิดพลาด
เรยเลือกไปที่ไกลๆก่อนเลยลุยยยเนื่องจากเส้นรถไฟหยุดวิ่ง 58 สายที่บอกไป
เหลือเพียงสายเดียวเราเรยจำเป็นต้องนั่งแต่มันจะอ้อมหน่อยใช้เวลา 2 ชม.กว่า ไปกันเลย
การเดินทาง
New Chitose airport – Niseko (คนละ 2,630 เยน)
- New Chitose airport สาย (JR Rapid Airport 181) – Otaru Sta. แล้วเปลี่ยนขบวน เป็น ( JR Hakodata line)
นั่งยิงยาวไปลงที่ Kuchan Sta.
แล้วเราก็ได้พบกันสักที แนะนำเพื่อนก่อนดีฟ่า ชื่อ พี่หมีภู (จริงๆรุ่นเดียวกันละแต่อยากเรียกพี่ 555+)
สอบทุนเรียนปริญญาโทได้ที่มหาวิทยาลัย ซัปโปโร ถ้าเพื่อนในนี้สนใจเที่ยวโซน ฮอกไกโด แต่ไม่อยากวางแผนหรือติดต่อรร.เอง
ติดต่อพี่ภูได้เลย นางทำทุกสิ่ง จองรถ จองรร. จองร้านอาหาร อยากได้ไรบอกพี่ภูสามารถ
พี่ภูทำรายการท่องเที่ยวเพื่อโปรโมทให้กับการท่องเที่ยวของฮอกไกโด หลากหลายสถานทีบ้างครั้งคนไทยยังไม่รู้จัก
สนใจไปเป็นกรุป ติดต่อได้เบยย (ใครสนใจพิมใต้คอมเม้นได้เรยจ๊ะ)
คืนแรกที่เราจะไปนอนคือที่ Koropokuru Lodge ที่ Niseko พี่ภูเคยฝึกงานที่นี้
เมื่อถึงที่ Kuchan Sta. คุณพ่อก็ขับรถบัสของที่พักออกมารับพวกเรา คือตลอดเส้นทางถึงมองไม่เห็นทาง
แต่เวลาออกไปเปลี่ยนรถจะเจอกับกองหิมะที่ใหญ่และเยอะมากจริงๆ
เมืองเงียบๆๆๆ ตอนดึกไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงแค่หิมะตกเหมือนฝนตก มันช่างโรแมนติกจริงๆ เวลาประมาน 3 ทุ่มกว่าๆเราก้มาถึงจุดหมาย
ออกไปเดินท้าหนาวต่อท่ามกลางหิมะตก สนุกมากเรย แค่ไม่กี่ชม.ที่ได้เข้ามาในเมืองนี้ มันเป็นอะไรที่น่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก
อยากเจอหิมะ 3 เมตรก็เจอแล้ว อยากเจอหิมะตกหนักก้เจอแล้ว แถมวันนี้ยังได้เจอพายุหิมะเป็นของแถมอีกด้วย ><
คืนนี้นอนหลับสบาย พรุ่งนี้เช้าตื่นมาพร้อมลุยกับการเล่นสกี ที่ลานสกีที่สวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นกัน
Day 6
เช้านี้อากาศไม่หนาวมากกเท่ารัย ตื่นมามองอกไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นฝรั่งถืออุปกรณ์สกีเดินกันเยอะแยะมากมาย
คือเอาจริงๆๆๆที่ดี ออกมาแค่หน้าที่พักหิมะยังท่วมขนาดนี้ มองไปเหนคุณพ่อเจ้าของที่พักกำลังขับรถโกยหิมะอยุ่ อิอิ
ฟินระดับ 10 นั่งทานอาหารเช้าที่ที่พักมองไปนอกหน้าต่างก็มีหิมะตกเบาๆๆๆ ถึงเวลาลองชุดกันแย้วววววว
ค่าเสียหาย
- ค่าเช่า Ski full set (ชุด , อุปกรณ์สกี) คนละ 6,700 เยน
- Lift up for skiing 5ชม. คนละ 3,600 เยน
ลานสกีที่เราไปเล่นชื่อว่า Grand Hirafu Ski resort ซึ่งจากที่พักเดินขึ้นไปไม่ไกลมาก หิมะคือดี คือนุ่ม คือฟูสุดพลัง
สนุกคุณเค้าละ เล่นถูไถ 2 คน ล้มบ้าง ไม่ล้มบ้าง สิ่งที่อยากเจอวันนี้ได้เจอแล้ว
อยากจะบอกว่าเพียงแค่ 5 วันคือความสุขล้นออกปรอทไปละ ให้ตายเถอะ ^^
เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องจากเมืองนี่ จะบอกแค่ว่าเป็นเมืองที่ดีมาก และมีคุณค่าทางความทรงจำเป็นอย่างยิ่ง
ถึงเวลาเข้า Sapporo วันนี้เราจองบุฟเฟ่ต์ขาปูไว้ที่ Nanda คืนนี้เราอาศัยนอนที่ห้องพักของเพื่อนสุดที่รัก
ตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ
ตอนที่ 1 :
http://ppantip.com/topic/33314571
ตอนที่ 2 :
http://ppantip.com/topic/33314703
ตอนที่ 3 :
http://ppantip.com/topic/33315163
ตอนที่ 4 :
http://ppantip.com/topic/33315485
[CR] ทริปตามล่าหาสโนว์ที่ญี่ปุ่น 12 วันกับเรา 2 คน >< (ตอนที่ 3)
ซึ่งเป็นแยกเดียวเลยเราเดินผ่านไปแล้วตอนไป Daibutsu น้า ให้ทุกคนเลี้ยวขวาเข้าไปเลยจ้า
อ่านตามป้ายเอาก็ได้เรากำลังมุ่งหน้าไป Hase Tera เป็นวัดที่มีเจ้าแม่กวนอิม 12 เศียร (ค่าเข้าชมคนละ 300 เยนจ้า)
เดินเข้าซอยไปไม่ไกลจ้าก็เจอแล้ว วัดนี้เงียบดีนะคะ ได้ใช้ชีวิตช้าๆ ชมธรรมชาติ
เข้าไปปุ๊บเจอกับการจัดสวนหลากหลายรูปแบบ กว่าจะเดินไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมนี้ให้อารมณ์เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ
แต่ด้านบนมีจุดชมวิวด้วยน้า เห็นทะเล Enoshima ด้วย ถ้ามาหน้าร้อนก็จะเห็นบรรยากาศอีกแบบ มีคนนอนอาบแดด เล่นทะเล
ภายในวัดมีหลายส่วนที่ให้เราเข้าไปดุได้ มีถ้ำที่เค้ามีตำนานเรื่องราวของมังกร ลองหาอ่านดุนะค้า
แล้วก็โซนบ้านญี่ปุ่น มีการจัดสวน ซึ่งสวยมากจริงๆ
การเดินทาง
Hase – Kamakura 190 เยน
- Hase (Kanagawa) – Kamakura สาย (Enoshima Electric Railway)
เสร็จจากเป้าหมายแรกของวันแล้วเวลาก็ล่อไป บ่ายแก่ๆๆ สาเหตุหลักที่มาเมือง Kamakura
นอกจากเพื่อนแนะนำคืออยากไป Starbuck ที่เค้าล่ำลือ คือมันมีสระอยู่ในร้าน เราสามารถไปนั่งพักผ่อนได้
แล้วมันก็ชิวจริงอะไรจริง ไปดุกันเลยว่ามันอยู่ตรงไหน
** Starbuck at Kamakura
- ออกมาจากสถานี Kamakura ให้เดินตรงอย่างเดียวเลยจนเจอ 4 แยกไฟแดง ก้เดินตรงข้ามไปเลย
อีกนิดเดียว เราก็จะเจอแบ้ววว อยู่ขวามือเรยน้า
เดินทางต่อเลยดีกว่า เราจะไป Yokohama กันเป้าหมายของเมืองนี้ คือ สวนสนุก Cosmo world อิอิ
การเดินทาง
- จาก Kamakura นั่งสาย (JR Shonan-Shinjuku line หรือ JR Yokosuka – Yokohama 340 เยน
- ลงที่ Yokohama ต่อรถสาย ( JR Yokohama line local) ไปลงที่ Sakaragicho Sta. 140 เยน
แล้วเราก็ถึงแบ้วววใครอยากไป Cosmo world ให้ลงสถานีนี่นะคะ ออกมาแล้วก้เดินต่อๆๆ เดินเรื่อยๆๆอากาศดี
มีห้างเยอะแยะมากมาย Shopping รอเวลาก่อนได้เรย และแล้วเราก้ได้เล่น อิอิ วิวที่นี้ตอนดึกสวยมาก ถือเป็นอีกเมืองที่น่ามา
ยิ่งตอนนั่งชิงช้าแล้วมองลงมานี่มันสวยมากจริงๆๆๆๆๆ
ได้เล่นสมใจแร้ววทั้ง Diving Coster Vanish รถไฟตีลังพุ่งลงน้ำ 55+ (คนละ 700 เยน)
แล้วก็ได้นั่ง ชิงช้า Cosmic Clock 21 อยากหยุดเวลาไว้ตอนที่อยู่ข้างบนจริงๆ (คนละ 800 เยน)
ภารกิจสุดท้ายก่อนจะหมดวัน เราต้องกลับ Kamata เพื่อเอากระเป๋าไปฝากที่ Ibis Shinjuku ลุยยยยย
การเดินทาง
- จาก Sakaragicho นั่งรถสาย (JR Keihin Yohoku/Negishi line local) – Kamata Sta. 310เยน
วันนี้ขอจบเท่านี้น้า จะบอกว่า สำหรับใครที่แลก point ของ ROP ไปนอนที่ Ibis เค้ารับฝากกระเป๋าไม่จำกัดจำนวนวันนะคะ
(เฉพาะคนที่นอน Ibis น้า) แต่ก่อนไปยังไงส่ง E-mail บอกเค้าไว้ก่อนก็ดีค้า
เช้านี้ตื่นเช้าไปฮอกไกโดแย้วว แบ่งกระเป๋ามาเป็นรับเล็กสำหรับ 3 วัน คืนเพื่อเดินทางไปฮอกไกโด
ที่สำคัญจะได้เจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอมา1ปีกว่าๆ ทริปนี่เรียกได้มาเผื่อแกก็ว่าได้
Kamata > Ueno > Hokkaido (Niseko)
การเดินทาง
Kamata Sta. – Ueno Sta. เรานั่งไปเพื่อที่จะขึ้น Skyliner ไปสนามบินจ้า (310 เยน , 25 นาที)
- Kamata Sta – Ueno Sta. นั่งสาย (JR Keihin-Tohoku/Negishi Line Rapid) ยาวลง Ueno Sta.เลยจ้า
*** ใช้ตั๋ว Skyliner ที่ซื้อไว้ตั้งแต่ถึง ญี่ปุ่นครั้งแรกเบยยยย คนละ 2,470 เยน จ้า
เมื่อถึงสนามบินเราก็นั่งรอเวลาเชคอิน แล้วความตื่นเต้นก็เริ่มขึ้น เริ่มจากเพื่อนที่อยู่ที่ ฮอกไกโด ถ่ายรูปส่ง Line มาแล้วบอกว่า
ตื่นมาแล้วเปนงี้ >< คือ หิมะตกหนักมากก ออกไปไหนไม่ได้ ต่อด้วยคลิปวีดีโอ เรา 2 คนด้วยการที่อยากเจอแบบนั้นอยู่แล้ว
เรยดีใจมากกก กรี๊ดกร๊าดดสุดฤทธิ์ แต่โดนตัดกำลังใจเพระรูปต่อไปคือ นางบอกว่า ตอนนี้สายรถไฟแคนเซิลไปแล้ว 58 สายทั่วเมือง
และไฟลท์บินไปลงที่ Newchitose แคนเซิลไปแล้วทั้งหมด 68 ไฟลท์บิน ฝั่งนี้งิดเลย เล่นไม่ออก เพื่อนก็ได้แต่บอกว่า
ขอให้มาให้ได้ก่อนละกันจะเป็นยังไงว่ากันอีกที ลุ้นแล้วลุ้นอีก เครียดก็เครียด ถ้าโดนแคนไม่รู้จะเอาไงต่อดี
แล้วก็ถึงเวลาเชคอินเรารีบเดินไปเลย !! เชคอินเสร็จพนง.ก็บอกว่า ไฟลท์นี่อาจต้อง Return กลับมานะ เราก้โอเค
เพื่อนไทยที่อยู่ฮอกไกโด กับเพื่อนคนญี่ปุ่นที่อยู่โตเกียว นี้วุ่นเรย คอยรายงานสถานการณ์
จนเวลาเรียกขึ้นเครื่องเราใจไม่ค่อยดีเรย ถ่าย Boarding pass ทุกอย่างให้เพื่อนหมดแล้วบอก
นี่คือข้อมูลเพราะจะขึ้นเครื่องแล้วอาจติดต่อไม่ได้ เพื่อนพูดมาก่อนขึ้นเครื่อง ขอให้โชคดี 55+ ใจร่วงแพ๊พพ อะไรก้ได้ขอไปให้ถึงพอ
นั่งบนเครื่องตลอดเวลา 2 ชม.นี้ไม่ได้หลับ นั่งมองทางตลอด กลัว กลัวต้อง Return จนกัปตันประกาศกำลังจะ Landing นี่กรี๊ดในใจ
ลุ้นนนนนน สุดท้ายยยยชั้นลงได้ อยากจะกรี๊ดด แต่ด้วยความที่ หิมะเยอะมาก บวกกับตอนนี้หิมะตกไม่หยุด
เบ็ดเสร็จแล้วเรานั่งอยู่ในเครื่องกัน 2 ชม.ได้ เพื่อรอเค้าเคลียร์หิมะถึงจะลงได้ แค่นี้ก้ดีใจมากกแล้วจริงๆๆ
เพื่อนก็รออยู่ที่สนามบินแล้วส่งรูปมาบอก “คือโชคดีมากเพราะ 68 ไฟลท์แคนหมด ยกเว้นไฟลท์ไฟลท์เดียวที่ลงได้
“ ปล.ขอหยาบเพื่อแสดงอารมณ์อย่างชัดเจน 55+ คือกัปตันดี กัปตันเก่ง อยากกราบ (Vanilla Airline) ของเค้าดีจริง อิอิ
แพลนวันนี้กว่าจะออกจากเครื่องได้เรทไปประมาณ 2 ชม.กว่า เราจะรีบมุ่งหน้าไป Niseko ทันที อยากนอนเป็นคืนแรก
เพราะคืน ที่ 2 มันจะเป็นเช้าที่ต้องกลับ สนามบินเพื่อกลับโตเกียวอีกครั้งกลัวเกิดเหตุการณ์ผิดพลาด
เรยเลือกไปที่ไกลๆก่อนเลยลุยยยเนื่องจากเส้นรถไฟหยุดวิ่ง 58 สายที่บอกไป
เหลือเพียงสายเดียวเราเรยจำเป็นต้องนั่งแต่มันจะอ้อมหน่อยใช้เวลา 2 ชม.กว่า ไปกันเลย
การเดินทาง
New Chitose airport – Niseko (คนละ 2,630 เยน)
- New Chitose airport สาย (JR Rapid Airport 181) – Otaru Sta. แล้วเปลี่ยนขบวน เป็น ( JR Hakodata line)
นั่งยิงยาวไปลงที่ Kuchan Sta.
แล้วเราก็ได้พบกันสักที แนะนำเพื่อนก่อนดีฟ่า ชื่อ พี่หมีภู (จริงๆรุ่นเดียวกันละแต่อยากเรียกพี่ 555+)
สอบทุนเรียนปริญญาโทได้ที่มหาวิทยาลัย ซัปโปโร ถ้าเพื่อนในนี้สนใจเที่ยวโซน ฮอกไกโด แต่ไม่อยากวางแผนหรือติดต่อรร.เอง
ติดต่อพี่ภูได้เลย นางทำทุกสิ่ง จองรถ จองรร. จองร้านอาหาร อยากได้ไรบอกพี่ภูสามารถ
พี่ภูทำรายการท่องเที่ยวเพื่อโปรโมทให้กับการท่องเที่ยวของฮอกไกโด หลากหลายสถานทีบ้างครั้งคนไทยยังไม่รู้จัก
สนใจไปเป็นกรุป ติดต่อได้เบยย (ใครสนใจพิมใต้คอมเม้นได้เรยจ๊ะ)
คืนแรกที่เราจะไปนอนคือที่ Koropokuru Lodge ที่ Niseko พี่ภูเคยฝึกงานที่นี้
เมื่อถึงที่ Kuchan Sta. คุณพ่อก็ขับรถบัสของที่พักออกมารับพวกเรา คือตลอดเส้นทางถึงมองไม่เห็นทาง
แต่เวลาออกไปเปลี่ยนรถจะเจอกับกองหิมะที่ใหญ่และเยอะมากจริงๆ
เมืองเงียบๆๆๆ ตอนดึกไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงแค่หิมะตกเหมือนฝนตก มันช่างโรแมนติกจริงๆ เวลาประมาน 3 ทุ่มกว่าๆเราก้มาถึงจุดหมาย
ออกไปเดินท้าหนาวต่อท่ามกลางหิมะตก สนุกมากเรย แค่ไม่กี่ชม.ที่ได้เข้ามาในเมืองนี้ มันเป็นอะไรที่น่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก
อยากเจอหิมะ 3 เมตรก็เจอแล้ว อยากเจอหิมะตกหนักก้เจอแล้ว แถมวันนี้ยังได้เจอพายุหิมะเป็นของแถมอีกด้วย ><
คืนนี้นอนหลับสบาย พรุ่งนี้เช้าตื่นมาพร้อมลุยกับการเล่นสกี ที่ลานสกีที่สวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นกัน
เช้านี้อากาศไม่หนาวมากกเท่ารัย ตื่นมามองอกไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นฝรั่งถืออุปกรณ์สกีเดินกันเยอะแยะมากมาย
คือเอาจริงๆๆๆที่ดี ออกมาแค่หน้าที่พักหิมะยังท่วมขนาดนี้ มองไปเหนคุณพ่อเจ้าของที่พักกำลังขับรถโกยหิมะอยุ่ อิอิ
ฟินระดับ 10 นั่งทานอาหารเช้าที่ที่พักมองไปนอกหน้าต่างก็มีหิมะตกเบาๆๆๆ ถึงเวลาลองชุดกันแย้วววววว
ค่าเสียหาย
- ค่าเช่า Ski full set (ชุด , อุปกรณ์สกี) คนละ 6,700 เยน
- Lift up for skiing 5ชม. คนละ 3,600 เยน
ลานสกีที่เราไปเล่นชื่อว่า Grand Hirafu Ski resort ซึ่งจากที่พักเดินขึ้นไปไม่ไกลมาก หิมะคือดี คือนุ่ม คือฟูสุดพลัง
สนุกคุณเค้าละ เล่นถูไถ 2 คน ล้มบ้าง ไม่ล้มบ้าง สิ่งที่อยากเจอวันนี้ได้เจอแล้ว
อยากจะบอกว่าเพียงแค่ 5 วันคือความสุขล้นออกปรอทไปละ ให้ตายเถอะ ^^
เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องจากเมืองนี่ จะบอกแค่ว่าเป็นเมืองที่ดีมาก และมีคุณค่าทางความทรงจำเป็นอย่างยิ่ง
ถึงเวลาเข้า Sapporo วันนี้เราจองบุฟเฟ่ต์ขาปูไว้ที่ Nanda คืนนี้เราอาศัยนอนที่ห้องพักของเพื่อนสุดที่รัก
ตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ
ตอนที่ 1 : http://ppantip.com/topic/33314571
ตอนที่ 2 : http://ppantip.com/topic/33314703
ตอนที่ 3 : http://ppantip.com/topic/33315163
ตอนที่ 4 : http://ppantip.com/topic/33315485